แนะนำ
สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ
++------++
บทที่ 7
ธีระสวมเสื้อคลุมอาบน้ำซึ่งแขวนอยู่บนราว เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็พบว่ากฤตภาสนั่งดื่มวิสกี้จากแก้วอยู่บนเตียง เรือนร่างสูงใหญ่บัดนี้สวมเพียงกางเกงยีนส์สีดำ ส่วนไฟจากหลอดขาวบนเพดานถูกปิดไปแล้ว ทั้งห้องถูกห่อหุ้มด้วยแสงนวลตาจากโคมไฟตั้งพื้นทรงสูงเท่านั้น
"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ มานี่สิ"
กฤตภาสวางแก้ววิสกี้ลงเหนือหัวเตียงซึ่งวางโทรศัพท์มือถือไว้ จากนั้นก็หงายมือข้างหนึ่งออกมาหา เด็กหนุ่มรู้ได้ว่าหัวใจเต้นแรงเพราะความตื่นเต้นจนต้องพยายามเตือนตัวเองให้ใจเย็นๆ เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่สัญชาตญาณบอกว่าอย่าแสดงท่าทางหวาดหวั่นออกไปให้อีกฝ่ายเห็นเด็ดขาด
ธีระเดินเข้าไปใกล้เตียงด้วยฝีเท้าซึ่งฝืนบังคับให้มั่นคง เขายังไม่ทันยื่นมือออกไปวางบนมือที่หงายรอ กฤตภาสก็ยืดตัวมารั้งเอวเข้าไปหาจนเด็กหนุ่มสะดุดเสียหลัก
ลมหายใจกรุ่นกลิ่นวิสกี้ระอยู่บนปลายจมูกเมื่อกฤตภาสก้มหน้าลงจนริมฝีปากสัมผัสกัน วูบแรกเด็กหนุ่มพยายามจะหันหนีตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อมือใหญ่อีกข้างรั้งเสื้อคลุมอาบน้ำลงจากไหล่และลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าราวกับจะปลอบ อาการต่อต้านของเด็กหนุ่มก็ลดลง
ใจเย็นๆ ไว้สิ...ตี้...ไม่ต้องลนลาน
ธีระเตือนตัวเองพลางหอบหายใจถี่ เด็กหนุ่มถูกจับให้นั่งคร่อมบนตักของคนที่กำลังเอนหลังพิงหัวเตียง เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระจึงค่อยได้เหลือบตาลงสังเกตเห็นรอยสักบนไหล่ขวาของกฤตภาส รอยสักนั้นเป็นสีดำล้วนขนาดค่อนข้างใหญ่ ลวดลายที่เกี่ยวกระหวัดกินพื้นที่จากหัวไหล่ไปเกือบจรดข้อศอก ยังไม่ทันได้พิจารณาดูภายใต้แสงสลัวว่ามันคือลายอะไร เขาก็ถูกดึงความสนใจกลับมาเมื่อเชือกรัดเอวถูกกระตุกออก
"ชอบผู้ชายมีรอยสักเหรอ?"
น้ำเสียงล้อเลียนของคนถามทำให้เด็กหนุ่มนึกฉุน เพราะการถามแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการสื่อเป็นนัยว่าเขาหลงใหลผู้ชายมีรอยสักซึ่งรวมถึงเจ้าตัว และเขาไม่ยอมปล่อยให้ได้ใจง่ายๆ แบบนั้นแน่
"เปล่าครับ ผมแค่เห็นว่าลายมันแปลกดี แล้วผมก็ไม่เคยนอนกับผู้ชายมีรอยสักมาก่อน"
"งั้นเคยนอนกับผู้ชายมากี่คนแล้วล่ะ?"
น้ำเสียงคนถามแหบต่ำลงขณะพรมจูบไปบนซอกคอระหง ธีระค่อนข้างผอมก็จริงแต่ไม่ได้ถึงกับเห็นซี่โครงหรือกระดูกปูดโปน ตรงไหนที่ควรมีเนื้อหนังก็ยังมีมากพอให้คนสัมผัสได้รื่มรมย์ยามลูบมือผ่าน
และตอนนี้กฤตภาสก็กำลังใช้โอกาสที่ได้มาในการหาความรื่นรมย์อย่างเต็มที่
"สำคัญด้วยเหรอครับว่าผมเคยนอนกับผู้ชายมากี่คน?"
หางเสียงของคนที่ย้อนถามเริ่มรวน เมื่อกฤตภาสเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังมองไปทางอื่น จึงยื่นริมฝีปากไปแนบบนผิวแก้มแล้วถามด้วยน้ำเสียงเนิบเนือย
"ก็แค่อยากรู้ บอกไม่ได้เหรอ?"
เด็กหนุ่มเบนสายตากลับมา ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกเหมือนประกายในแววตาของกฤตภาสบ่งบอกว่าอยากได้คำตอบอย่างซื่อตรง แต่ถึงอย่างไร...พวกเขาก็ไม่ได้สนิทกันในระดับที่จะยอมถ่ายทอดเรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ให้รู้
"ผมไม่เคยนับ อีกอย่างคุณกฤตรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ"
ชายหนุ่มได้ฟังก็ทำเสียงหึ แต่น่าแปลกที่นอกจากกฤตภาสจะไม่นึกโกรธแล้วกลับยิ่งนึกสนุกขึ้นไปอีก ปกติเขาก็ไม่เคยถามคู่นอนแต่ละคนหรอกว่าผ่านมือคนอื่นมาแล้วกี่คน สมัยนี้คนที่ยังยึดติดกับแนวคิดว่าคู่นอนควรจะบริสุทธิ์ผุดผ่องจนหลุดรอดมาถึงมือตัวเองคงมีแต่พวกคร่ำครึที่โลกสวยเท่านั้น
แต่กับเด็กคนนี้...เขาก็แค่อยากรู้เรื่องส่วนตัวมากขึ้นอีกหน่อยเท่านั้นเอง
"ก็จริง อดีตจะไปสำคัญเท่าปัจจุบันได้ยังไง"
ธีระไม่ทันขบคิดว่าคำพูดนั้นมีความหมายแฝงหรือไม่ ผิวหน้าก็ซับสีเลือดจนแดงก่ำเมื่อถูกแหวกชายเสื้อคลุมอาบน้ำออกจนเผยผิวกายให้นัยน์ตาคมกริบได้สำรวจโดยสะดวก แต่กฤตภาสกลับไม่ถอดเสื้อคลุมออกจากตัวเขาจนหมด เพียงแค่รั้งสะโพกเพรียวให้กระถดขึ้นไปบนตักมากขึ้น ส่วนอ่อนไหวของธีระจึงทับอยู่บนเป้ากางเกงของอีกฝ่ายโดยตรง
กฤตภาสยิ้มเย็นขณะลอบสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเด็กหนุ่ม ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบบนส่วนไวสัมผัสนั้นอย่างแผ่วเบาจนธีระเริ่มนั่งไม่เป็นสุข การขยับตัวของเขาส่งผลต่อคนเบื้องล่าง และธีระก็ต้องรีบห้ามตัวเองให้หยุดเคลื่อนไหวเมื่อรับรู้ได้ว่าส่วนที่เขานั่งทับกำลังมีปฏิกิริยาขึ้นมา
บ้าเอ๊ย...ทั้งที่คิดว่าจะไม่ยอมมีอารมณ์ร่วมให้ผู้ชายคนนี้ได้ใจแท้ๆ
เด็กหนุ่มขบริมฝีปากแน่นเมื่อรู้สึกได้ถึงการเล้าโลมที่เพิ่มขึ้น แล้วก็ต้องหลุดเสียงครางเครือเมื่อกฤตภาสใช้ปลายลิ้นกรีดริมฝีปากของเขาออกจากกัน เด็กหนุ่มหลับตาแน่นและจิกนิ้วบนไหล่หนาเมื่ออีกฝ่ายลดมืออีกข้างลงลูบบั้นท้ายของเขาผ่านเสื้อคลุม
"อื้อ..."
ความเสียวซ่านที่รุมเร้าทำให้ธีระกระหวัดแขนไปรอบลำคอแกร่งแล้วซบหน้าลง ร่างเพรียวสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อชายเสื้อคลุมด้านหลังถูกร่นสูง จากนั้นฝ่ามือแข็งแรงก็นวดเฟ้นหนั่นเนื้อของเขาโดยตรงอย่างย่ามใจ
ไหล่ผอมสั่นสะท้านเมื่อคิดว่าจะเกิดอะไรต่อ วินาทีนั้นเขาอยากลุกขึ้นร้องโวยวายว่ายกเลิกข้อตกลงและวิ่งหนี ทั้งที่เมื่อครู่ทำใจไว้แล้วว่าจะทนเพื่อให้มันผ่านไปเร็วๆ ด้วยซ้ำ
ที่แท้เขาก็ยังคิดอะไรง่ายเกินไป...
กฤตภาสสัมผัสได้ว่าคนในอ้อมแขนกำลังกลัว เขามีประสบการณ์มากพอจะรู้ว่าเวลาที่คู่นอนสั่นเพราะมีอารมณ์ร่วมนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งนั่นไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เขาจับได้จากธีระ ต่อให้จะพยายามเสแสร้งเพื่อสร้างภาพว่าตัวเองด้อยประสบการณ์มาตบตา ก็คงไม่มีทางจะสั่นไปทั้งๆ ที่กล้ามเนื้อแต่ละมัดเกร็งจนทื่อได้อย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้แน่
ความคิดนั้นทำให้เขาทั้งลำพองใจทั้งสงสาร แต่กฤตภาสหาใช่พ่อพระที่จะปล่อยโอกาสเช่นนี้ให้หลุดมือ ใครจะรู้ว่าเด็กหนุ่มจะใช้วิธีไหนมาบ่ายเบี่ยงอีกหากผ่านค่ำคืนนี้ไปแล้ว
"อ๊ะ!"
ธีระอุทานอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกพลิกตัวให้นอนหงาย เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวที่ยังไม่หลุดจากตัวแผ่ออกด้านล่างเหมือนผ้ารองอาหารเลิศรส กฤตภาสมองภาพตรงหน้าแล้วก็ปวดหนึบที่ส่วนกลางร่างกายจนต้องรีบปลดกระดุมและรูดซิปลงเพื่อให้ความอึดอัดได้เป็นอิสระ ความรู้สึกยามนี้ไม่ต่างจากเวลาที่เห็นอาหารซึ่งจัดแต่งอย่างสวยงามอยู่ตรงหน้า ความหิวโหยนี้จะไม่หายไปตราบใดที่ไม่จัดการอาหารในจานให้เกลี้ยง
"ไม่ต้องกลัว"
กฤตภาสเอ่ยปลอบเมื่อเห็นธีระเบิกตากว้างหลังเห็นร่างเปลือยเปล่าของเขา ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้คนที่นอนรอได้มีเวลาคิดฟุ้งซ่าน เขาเลื่อนตัวขึ้นทาบทับร่างผอมเพรียวแล้วก็จูบริมฝีปากที่กำลังเผยอ ฝ่ามือใหญ่ฟอนเฟ้นไปทั่วทุกส่วนสัดที่มือของเขาสัมผัสได้ กลิ่นสบู่อ่อนๆ ผสานกับกลิ่นเหงื่อโชยเข้าจมูกอย่างเย้ายวนยิ่งเร้าอารมณ์จนชายหนุ่มแทบทนไม่ไหว
ร่างสูงเอื้อมหยิบถุงยางมาสวมลงบนความตื่นตัวที่กำลังเครียดเกร็ง เขาจับเรียวขาของธีระให้แยกออกและดันขึ้นสูงขณะที่เด็กหนุ่มกำลังมึนเมาไปกับรสสัมผัส แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อธีระพยายามดันอกเขาและร้องห้ามอย่างตื่นตกใจ
"คุณกฤต! เจ็บ!!"
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว แต่พอพยายามดึงดันจะเดินหน้าต่อก็ถูกทุบไหล่อย่างแรง
"ผมไม่ใช่ตุ๊กตานะ! เบาๆ หน่อยได้มั้ย!?!"
กฤตภาสชะงักเมื่อคนในอ้อมแขนทำหน้าเหยเกและมีน้ำตาคลอเต็มหน่วยตา เขาพยายามข่มใจถอยออกแล้วโอบเอวอีกฝ่ายเข้ามากอดอย่างปลอบประโลม
"ขอโทษ ฉันใจร้อนไปหน่อย แต่ตอนนั้นก็ไม่เห็นมีปัญหานี่"
ธีระแทบอยากจะบีบคอคนตรงหน้า ขณะเดียวกันความอายก็ผุดพลุ่งเมื่อนึกได้ว่าตรงทางหนีไฟที่ผับเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนนั้นเขาคงทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด และกฤตภาสคงไม่เคยมีประสบการณ์กอดผู้ชายมาก่อนเขาจริงๆ
"ตอนนั้นผมโดนยาก็ต้องไม่มีปัญหาอยู่แล้ว! แต่ว่านี่...ไม่เหมือนกัน ...ถ้าอยู่ๆ คุณกฤตจะเอาเข้ามาเลย...มันเจ็บ"
เด็กหนุ่มแทบอยากมุดพื้นหนีเมื่อต้องมาอธิบายเหมือนตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ไหนๆ ก็ตกกระไดพลอยโจนมาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องให้กฤตภาสรู้ว่าจะทำกับเขาเหมือนหุ่นที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดไม่ได้
ใบหน้าที่แดงถึงหูเพราะความอายของธีระทำให้กฤตภาสนึกเอ็นดู ขณะเดียวกันก็รู้ว่าตัวเองผิดที่ใจร้อน กับพวกผู้หญิงที่เขาเคยกอดนั้นน้อยรายจะทักท้วงเมื่ออยู่ในวงแขนของเขาแล้ว แต่เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นฝ่ายกระโจนเข้าหาเขาเองตั้งแต่แรก หากจะต้องใช้เวลาทำให้คุ้นเคยบ้างก็เป็นเรื่องสมควร
เพราะถึงอย่างไรเสีย...หลังถูกเขากอดบ่อยขึ้นก็คงชินไปเองอยู่ดี
"เข้าใจแล้ว ฉันจะจำไว้ว่ากับเธอต้องค่อยเป็นค่อยไป"
ธีระเม้มปากแม้จะยังรู้สึกร้อนวูบวาบบนผิวหน้า แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะยอมให้กฤตภาสมีอะไรด้วย จึงไม่ได้เอ่ยขัดและเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
ร่างสูงใหญ่ค่อยดันคนในอ้อมแขนลงและเริ่มปลุกเร้าอารมณ์อีกครั้ง ภาพของธีระที่น้ำตาคลอหน่วยเมื่อครู่ช่วยให้เขาชะลอความอยากครอบครองอันพลุ่งพล่านได้บ้าง ชายหนุ่มเอื้อมหยิบหลอดครีมทาผิวมาบีบลงบนนิ้วก่อนจะค่อยๆ สอดเข้าในช่องทางคับแคบเพื่อช่วยให้เด็กหนุ่มเตรียมตัว ขณะเดียวกันก็ดึงความสนใจให้จดจ่ออยู่ที่เขาผ่านริมฝีปากและปลายลิ้นที่พัวพันไม่หยุด
ความอ่อนโยนที่ได้รับทำให้ในหัวของธีระเบาหวิว แม้จะตระหนักดีว่าที่อีกฝ่ายใจเย็นด้วยเพราะมีจุดประสงค์ใด ทว่าความคิดฝั่งที่เป็นเหตุเป็นผลของเขาก็ปั่นป่วนมากขึ้นทุกที สวนทางกับความรู้สึกต่อต้านของร่างกายที่ดูจะโรยแรงลงทุกขณะ
หยาดเหงื่อบางเบาผุดซึมบนผิวกายของคนทั้งคู่ กฤตภาสมองธีระที่ปิดตาแน่น ผิวสีอ่อนถูกโลหิตสูบฉีดจนเรื่อเป็นสีชมพู เรือนร่างบิดไปมาอยู่ใต้ร่างเขาแล้วก็ก้มลงเลียซอกคอที่สะท้อนแสงไฟ ชายหนุ่มกระซิบเสียงเบาขณะเลื่อนใบหน้าขึ้นจนสายตาอยู่ในระดับเดียวกัน
"จะทำต่อแล้วนะ"
ธีระหลับตาและพยักหน้า เขาไม่กล้าลืมตาเพราะกลัวที่จะได้เห็นแววตาของกฤตภาสในตอนนี้ เด็กหนุ่มเพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรับรู้ว่านิ้วแกร่งทั้งสองนิ้วได้ถอนออกไปจากร่าง ก่อนจะกลั้นลมหายใจอีกครั้งเมื่อสิ่งที่ร้อนระอุกว่าจรดลงมาที่ปากทางอันเล็กแคบ
"ตี้ ลืมตา"
ไม่เอา! อยากจะทำอะไรก็รีบๆ ทำเสียทีเถอะ!
สมองของเด็กหนุ่มพยายามปิดกั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่รู้ตัวว่าเอ่ยคำเหล่านั้นออกไป กฤตภาสนึกหงุดหงิดจึงก้มลงบดริมฝีปากของธีระอย่างแรง ขณะเดียวกันก็ดันความเร่าร้อนของตนเข้าในร่างของอีกฝ่ายถึงครึ่งทาง
"คุณกฤต!! เจ็บนะ!!!"
ถึงแม้จะถูกทำให้ผ่อนคลายแล้ว แต่เมื่อถูกล่วงล้ำอย่างฉับพลันเช่นนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เจ็บ ธีระเบิกตาโพลงและตะกุยข่วนไหล่ของฤตภาสเป็นพัลวัน ขณะที่ร่างสูงใหญ่กลับแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บแสบจากรอยเล็บเพราะกำลังซึมซับกับการบีบรัดอย่างรุนแรงของร่างข้างใต้
ตอนที่มีอะไรกันครั้งแรกนั่น...เขาก็รู้สึกว่าโดนรัดแน่นแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่านะ...
กฤตภาสไม่แน่ใจกับความทรงจำของตัวเองนัก ค่ำคืนนั้นในมุมมืดของทางหนีไฟดูจะเทียบไม่ได้เลยกับสัมผัสอันยอดเยี่ยมที่เขาได้รับในตอนนี้ เช่นเดียวกับผิวกายอบอุ่นที่ได้แนบชิดกันและกันโดยตรงภายใต้แสงไฟซึ่งเผยให้เห็นใบหน้าของธีระได้ถนัดตา
"ตี้...ลืมตาสิ"
"ไม่เอา! คุณกฤตใจร้าย!! เอาออกไปเดี๋ยวนี้เลย!! เอาออกไปสิ!!!"
แรงบีบรัดจากส่วนล่างดูจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มร้องตะโกน กฤตภาสได้แต่ส่งเสียงคำรามเพราะเกรงว่าตนจะลุแก่อารมณ์ไปทั้งอย่างนี้ เขาได้แต่พยายามก้มลงจูบแพขนตาซึ่งชุ่มน้ำไปพร้อมๆ กับลูบหลังและไหล่ของคนตัวเล็กกว่าอย่างปลอบโยน
อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็ไม่ได้เรียกชื่อคนอื่นให้เขาได้ยินอีก...
"ตี้ ฟังนะ ถ้าเธอบีบแน่นขนาดนี้ฉันคงเอาออกไม่ได้หรอก"
ประโยคนั้นทำให้เด็กหนุ่มเม้มปาก มือที่ทั้งทุบทั้งข่วนเมื่อครู่หยุดลงก่อนเจ้าตัวจะหันหน้าหนีไปอีกทาง การแสดงออกที่เหมือนกำลังน้อยใจทำให้กฤตภาสอดยิ้มแล้วก้มลงหอมแก้มไม่ได้
ไม่สิ...ไม่ใช่แค่เรื่องการแสดงออกหรอก ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครที่พอถูกเขากอดแล้วจะเรียกร้องให้หยุดกลางคันแบบนี้สักคน...
"คุณกฤตผิดสัญญา เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าจะค่อยเป็นค่อยไป"
น้ำเสียงตัดพ้อทำให้กฤตภาสรู้สึกผิดขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น
"ขอโทษก็แล้วกัน ต่อจากนี้จะไม่ทำแรง"
ชายหนุ่มใช้น้ำเสียงนุ่มนวลดุจกำลังหลอกล่อเด็กน้อยด้วยขนมหวาน เขารู้ดีว่าหากฝืนทำต่อโดยที่ธีระไม่ยินยอมก็เท่ากับการข่มขืนดีๆ นี่เอง และต่อให้เขาจะไม่ใช่คนดียังไง การฝืนใจอย่างรุนแรงแบบนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำ
เขาอยากให้เด็กคนนี้ยินยอมด้วยความสมัครใจของตัวเองมากกว่า...
ธีระเงียบไปเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นพรมจูบบนผิวหน้า เขาไม่เข้าใจกฤตภาสเลยจริงๆ ตอนแรกก็เหมือนจะใจดี ต่อมาก็ใช้ลูกล่อลูกชนให้เขาต้องตอบตกลงอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อกี้ก็ดึงดันใช้กำลังทำให้เขาเจ็บ พอมาตอนนี้กลับพยายามจะทำให้เขารู้สึกดี...จะอะไรกันนักหนา...คนอื่นที่ยอมให้เจ้าตัวกอดง่ายๆ ก็น่าจะมีอยู่แล้วตั้งเยอะแยะ...
ความคิดของเด็กหนุ่มสะดุดลงเมื่อแก่นกายที่อ่อนไปแล้วถูกช้อนขึ้นรูดรั้ง ร่างกายเริ่มซึมซับอุณหภูมิของกฤตภาสที่ทาบร่างลงบนตัวเขาและรุกล้ำคืบหน้าเข้ามาเรื่อยๆ ถึงแม้เมื่อครู่จะตั้งใจว่าจะปฏิเสธ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มกลับหอบหายใจแรงและขยับกายตามการรุกเร้าอันช่ำชอง กว่าจะรู้สึกตัวว่าท้องน้อยจุกแน่นจากการถูกเติมเต็ม สัมผัสหยาบระคายที่สัมผัสกับเนินสะโพกก็บ่งบอกว่าส่วนหนึ่งของกฤตภาสฝังเข้าในกายเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว
"เก่งมาก ฉันอยู่ในตัวเธอหมดแล้วนะ"
กฤตภาสก้มลงกระซิบข้างหูของคนที่กำลังตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขน แต่การสั่นครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ดี เพราะมันเป็นการสั่นแบบที่แสดงความพึงใจของคู่นอนที่เขาคุ้นเคย
ธีระสูดน้ำมูกและก้มหน้างุด ความคิดของเขาลัดวงจรจนจำไม่ได้แล้วว่าทำไมถึงตกมาอยู่ในสภาพนี้ได้ สิ่งเดียวที่รู้มีแค่ร่างกายที่หวั่นไหวจากการถูกโอบกอดมากขึ้นทุกที
นี่เขาใจง่ายขนาดนี้เลยหรือ...พี่รงค์ก็เคยคิดว่าเขาใจง่ายแบบนี้ตอนที่คบกันหรือเปล่า...
"อย่าใจลอยสิ"
จู่ๆ ธีระก็ถูกเชยคางให้เงยหน้าขึ้น แววตาที่สะท้อนภาพของเขามีร่องรอยของความไม่พอใจจางๆ ที่เขาไม่แน่ใจว่ามาจากอะไร แต่ยังไม่ทันจะขบคิดต่อ กฤตภาสก็ก้มลงจูบไซ้ซอกคอและเริ่มเคลื่อนไหวสะโพกอย่างไม่ให้เวลาตั้งตัว
"ฮึ...อ๊ะ...อ๊ะ"
เสียงครางรื่นหูหลุดจากริมฝีปากของธีระตามจังหวะการโจนจ้วงของร่างเบื้องบน ความเร่าร้อนผลักดันความคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในหัวให้หลุดลอยดุจถูกพายุซัด เขารับรู้ได้ว่าร่างกายเป็นอิสระจากการควบคุมจนไม่รู้ตัวอีกว่าเผลอทำอะไรไปบ้าง...เผลอตอบสนองกฤตภาสไปอย่างไรบ้าง รู้แต่ว่าตอนนี้เพลิงปรารถนากำลังโหมไหม้ดุจจะแผดเผาร่างกายให้เป็นเถ้าถ่าน
"ยะ...คุณกฤต...อื๊ออ!!!"
สุดท้ายเมื่อร่างกายไม่อาจต้านกระแสของความหฤหรรษ์ที่ถาโถม ร่างเพรียวก็บิดเกร็งและปลดปล่อยไอระอุเพราะความสุขสมออกมาจนหมดสิ้น ธีระหอบหายใจถี่ราวคนขาดอากาศ มือทั้งสองข้างจิกลงบนบ่าของคนเบื้องบนที่ยังกระแทกกระทั้นกายเข้าหาเขาไม่หยุด
"อืม!!"
เด็กหนุ่มได้ยินเสียงคำรามต่ำก่อนจะถูกบิดคางให้หันไปรับจูบ แขนอันอ่อนปวกเปียกของเขาเกาะเกี่ยวคอแกร่งไว้ราวกับฟางเส้นสุดท้ายกลางทะเลลึก เขารับรู้ได้ว่ากล้ามเนื้อของร่างเบื้องบนขมวดเกร็งก่อนที่อีกฝ่ายจะถอยออกแล้วดึงถุงยางทิ้ง จากนั้นก็ใช้มือรีดไออุ่นร้อนให้ถะถั่งลงบนหน้าท้องของเขาเป็นสาย
ธีระหน้าแดงก่ำขณะมองคราบขุ่นหยดสุดท้ายที่เลอะลงปนกับหยาดหยดของตนเอง เมื่อเงยหน้าขึ้นและได้เห็นสีหน้าของกฤตภาสที่กำลังมองเขาด้วยนัยน์ตาลึกล้ำ ผิวหน้าของเด็กหนุ่มก็ยิ่งร้อนฉ่าประดุจถูกไฟลวก ถึงแม้จะต่างก็เพิ่งถึงปลายทางของอารมณ์เช่นดียวกัน ตอนนี้เขากลับรู้สึกเขินอายจนแทบอยากวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วล็อกขังตัวเองไว้ในนั้นจนเช้า เพื่อที่พอวันใหม่มาถึงจะได้หนีออกไปแล้วไม่ต้องเจอคนตรงหน้าอีก
กฤตภาสทิ้งตัวลงนอนหงายบนที่ว่างอีกด้านของเตียง เสียงหอบหายใจอันไม่เป็นจังหวะของทั้งสองคละเคล้าภายในห้องสลัว เตียงที่ยวบลงเพราะน้ำหนักของร่างสูงใหญ่โดยที่ไม่มีร่างกายส่วนใดสัมผัสกันฉุดสติอันเคว้งคว้างของธีระกลับมา พริบตานั้นเขาสำนึกเสียใจกับสิ่งที่เพิ่งผ่านพ้นไปทันที
เขาทำอะไรลงไป...เขายอมให้ถูกทำอะไรแบบนี้ได้ยังไง...
ความทรงจำของเด็กหนุ่มหวนกลับไปยังช่วงเวลาสั้นๆ ที่เคยคบกับณรงค์เมื่อหลายเดือนก่อน ถึงแม้หลายต่อหลายครั้งเขาจะเป็นคนเปิดฉากยั่วยวน แต่อย่างน้อยหลังจากทั้งคู่บรรลุปลายทางของอารมณ์ร่วมกันแล้วเขายังมีสิทธิ์เข้าไปนอนซุกขอไออุ่นได้ แต่ว่าคนที่นอนอยู่ข้างเขาในตอนนี้เป็นใคร... หากไม่นับความสัมพันธ์ผิวเผินที่เรียกว่าผู้บริหารกับเด็กฝึกงานแล้ว เขากับกฤตภาสนับได้ว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอย่างสิ้นเชิง
กฤตภาสนอนแผ่ด้วยท่าทางเหมือนเพิ่งอิ่มเอมจากอาหารมื้อใหญ่ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพดานขณะรอให้ลมหายใจคืนจังหวะปกติ แล้วก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อเห็นคนข้างๆ ยันตัวขึ้นนั่งแล้วหยิบกระดาษทิชชู่จากกล่องข้างเตียงมาเช็ดคราบเปื้อนบนหน้าท้อง จากนั้นก็ขยำกระดาษที่เลอะทิ้งลงถังขยะแล้วตวัดขาลงจากเตียง
จะไปไหน?
ร่างสูงใหญ่ดึงข้อศอกของเด็กหนุ่มไว้ทันก่อนจะลุกหนี ทว่าธีระเพียงแต่นั่งนิ่งโดยไม่หันกลับมา ครู่หนึ่งจึงกฤตภาสจึงได้ยินคำตอบผ่านเสียงเบาหวิว
จะกลับหอ
ตอนตีหนึ่งเนี่ยนะ?
ยังไงแท็กซี่ก็วิ่งทั้งคืนอยู่แล้ว ผมจะกลับ
ท่าทางที่ดูเหมือนมุ่งมั่นจะไม่หันมามองเขาทำให้อารมณ์ของกฤตภาสเริ่มขุ่น เขาลุกขึ้นนั่งแล้วฉุดแขนธีระให้หันกลับมาด้วยแรงที่ใกล้เคียงกับการกระชาก
ดึกป่านนี้แล้ว อย่างอแงเป็นเด็กๆ น่า
ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของธีระถนัด ปลายจมูกโด่งรั้นเป็นสีแดงช้ำ ส่วนดวงตากลมโตที่ดูจะเป็นสิ่งดึงดูดสายตาบนใบหน้าอ่อนเยาว์ก็ชุ่มไปด้วยหยาดน้ำที่เหมือนจะหยดมิหยดแหล่ ภาพนั้นทำให้เขานึกไปถึงค่ำคืนนั้นที่ทางหนีไฟในผับทันที
ที่แท้...ตอนนั้นเธอทำหน้าแบบนี้หลังถูกฉันกอดงั้นหรือ...
ความรู้สึกบางอย่างที่คล้ายคลึงกับความไม่พอใจแล่นพล่านในอกของกฤตภาส ชั่ววูบนั้นเขานึกอยากกระชากคนตรงหน้าเข้ามากอดแล้วจูบแรงๆ ให้ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็รู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นคงได้เห็นน้ำตานองบนใบหน้าของเด็กหนุ่มที่มองเขาอย่างเกลียดชังแน่
และเขาก็ไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสีหน้าแบบนั้นเลยสักนิด
ใช่สิ ผมมันเด็ก เด็กที่โง่พอจะให้ผู้ใหญ่อย่างคุณล่อลวงเอาแบบนี้แหละ ถ้าหากพอใจแล้วก็ปล่อยซักที! ผมจะกลับ!
ไม่ให้กลับ! ดึกป่านนี้แล้ว คิดว่าหน้าตาตัวเองตอนนี้น่าออกไปอวดชาวบ้านนักรึไง!?
ธีระขึงตามองเขาอย่างดุดัน กฤตภาสรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนปากหวานมาแต่ไหนแต่ไร และที่พูดก็ตั้งใจจี้จุดให้คนฟังโกรธจริงๆ เพราะอย่างน้อยการได้เห็นใบหน้าโกรธเกรี้ยวก็ยังดีกว่าหน้าที่เขรอะน้ำหูน้ำตาเป็นไหนๆ
แต่ส่วนลึกในใจกฤตภาสสังหรณ์ได้ว่าธีระจะไม่มีวันร้องไห้ฟูมฟายให้เขาเห็น ถึงแม้ภายนอกเจ้าตัวจะดูเป็นเด็กหนุ่มที่น่าทะนุถนอม แต่การได้เห็นอีกฝ่ายพยายามกลั้นน้ำตาอย่างเต็มที่ในยามนี้ก็เป็นหลักฐานที่เพียงพอ
นอนที่นี่แหละ! ถ้าฉันไม่หลับไปก่อนก็อย่าหวังเลยว่าจะได้หนีกลับ!
ชายหนุ่มรวบร่างที่ยังสวมเสื้อคลุมเข้ามากอดแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง เขาออกแรงกอดรัดคนในอ้อมแขนแน่นเพราะธีระดิ้นขลุกขลักไม่หยุด จวบจนครู่ใหญ่ผ่านไปและดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้แล้วว่าถึงพยายามดิ้นไปก็เปลืองแรงเปล่า เด็กหนุ่มถึงค่อยยอมนอนนิ่งในอ้อมแขนของเขาแต่โดยดี
กฤตภาสนอนลืมตาในความมืดเพราะไม่รู้สึกง่วง เขารู้ว่าคนที่ตนกอดอยู่ก็ยังไม่หลับเพราะมีเสียงสูดน้ำมูกหลุดมาเข้าหูเป็นระยะ แต่ไม่นานเสียงนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงหายใจสม่ำเสมอ ไหล่และแผ่นหลังที่แข็งทื่อก็ค่อยผ่อนคลายลงตามไปด้วย
ท่าทีของคนในอ้อมแขนทำให้กฤตภาสรู้ว่าสามารถปล่อยมือได้แล้ว เพราะกอดแน่นเช่นนี้ต่อไปก็มีแต่จะอึดอัด ทว่ามือของเขากลับยังโอบอยู่รอบตัวเด็กหนุ่มทั้งอย่างนั้น
เด็กคนนี้บีบให้เขาต้องทำอะไรที่ไม่เคยทำกับคู่นอนคนอื่นอีกแล้ว...
นับตั้งแต่เริ่มรู้จักหาความสุขจากเรื่องบนเตียง กฤตภาสก็นอนกับผู้หญิงมาแล้วหลายคนจนคร้านจะนับ กระนั้นเขาก็ไม่เคยรู้สึกว่าต้องเอาใจใครเพื่อขอมีอะไรด้วย ยิ่งหลังจากเสร็จกิจแล้วก็ถือว่าต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ต้องการ หากพวกเธออยากเข้ามากอดก่ายเขาหลังมีอะไรกันก็เป็นเรื่องที่พวกเธออยากทำเอง แต่ส่วนใหญ่แล้วช่วงเวลาเช่นนั้นมักกินเวลาเพียงสั้นๆ เพราะกฤตภาสจะลุกหนีไปล้างตัวหรือสูบบุหรี่เสียก่อน เพียงเพราะเหตุผลง่ายๆ ว่าเขาไม่ชอบให้ใครมาทำตัวเหมือนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของในร่างกายของเขา
แต่กับธีระ...กระทั่งขณะที่ถูกเขากอด...ถูกปรนเปรอกามรสจนครางไม่เป็นคำ...เขากลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกต่อต้านเหมือนอยากจะหนีอยู่ตลอดเวลา
ร่างสูงใหญ่ดันตัวขึ้นนั่งโดยระวังไม่ให้คนที่หลับรู้สึกตัวตื่น จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมากดลดระดับวอลุ่มก่อนจะกดรีเพลย์ เขายกลำโพงขึ้นแนบหูและฟังจนพอใจครู่หนึ่งจึงค่อยกดปุ่มหยุดเล่นคลิปเสียง จากนั้นก็เหลือบมองไปทางคนที่กำลังหลับสนิทเพราะความเหนื่อยอ่อนอีกครั้ง ปลายนิ้วใหญ่ยื่นออกไปแตะบนแพขนตาที่ยังชื้นเล็กน้อยอย่างแผ่วเบา
อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะ...ถึงยังไงฉันก็ไม่ใช่คนดีมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว...
+---TBC---++
A/N:
กอดน้องตี้ โอ๋ๆ อย่าร้องนะลูก