ยูโดตบเบาะ อุเกมิ ก่อนหน้านี้เคยพูดถึงพื้นฐานหลายๆอย่างของยูโด และพื้นฐานอีกอย่างนึงของยูโดก็คืออุเกมิ หรือการตบเบาะ คนที่เล่นยูโดส่วนใหญ่จะเคยได้ยินคำว่า “ก่อนที่จะทุ่มคนอื่นได้ต้องล้มเป็นซะก่อน” ตรงนี้เป็นการตลาดการโฆษณาที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักกีฬายูโด อาจจะให้ความสนใจขึ้นมาว่า กีฬาอะไรวะ กะเข้ามาเล่นเพื่อที่จะระบายความเครียดทุ่มคนอื่นให้ล้มกลิ้งไป แต่มาถึงกลับจะต้องมาเรียนรู้ที่จะล้มกลิ้งซะเอง อันนี้น่าสนใจ แล้วก็ถูกหลอกให้เข้ามารู้จักกับยูโดนั้นเอง เซนเซท่านนึง ลืมชื่อไปแล้วว่าชื่ออะไร เป็นนักธุรกิจ แก่แล้ว ทำงานเกี่ยวกับนำเข้าส่งออก ได้เจอกันบ่อยๆที่โคโดกัง เซนเซท่านนี้ให้อธิบายความหมายที่คนต่างชาติเอายูโดไปแล้วมันผิดเพี้ยนไปจากปรัชญา เพราะเกิดจากตัวอักษร หรือ alphabets ที่เรียงจาก a ไป z คือสองคำระหว่างจู่โจมกับป้องกัน จู่โจมคือ attack ส่วนป้องกันคือdefense เพราะว่าเอมาก่อนดี เลยกลายเป็นว่า จู่โจม มาก่อนป้องกัน แท้จริงแล้ว ยูโดมาจากป้องกันก่อนแล้วค่อยจู่โจม ยูโดเป็นเรื่องของการเล่นกับแรง การควบคุมแรงระหว่างเค้ากับแรงระหว่างเรา ดังนั้นทางปรัชญา มันจึงควรเกิดจากป้องกันแล้วค่อยจู่โจม อาจารย์คาโน่จิโกโร่ ไม่เคยบอกว่ายูโดไม่ใช้แรง ในทางกลับกันยังบอกว่ายูโดต้องใช้แรง แต่ใช้แรง บริหารแรงให้ถูกต้องเหมาะสม จะบ่นเรื่องอุเกมิมันกลายเป็นเรื่องแรงได้ยังไงหว่า เอาเป็นว่าสรุปสั้นๆ defense มาก่อน attack เมื่อป้องกันมาก่อนจู่โจม มันถึงต้องเริ่มต้นเรียนและซ้อมกันที่การป้องกันตัวซะก่อน และหนึ่งในการป้องกันตัวก็คือเรื่องการล้มตัว ตบเบาะอุเกมินั้นเอง เซนเซอีกท่านนึง ท่านนึงจำชื่อได้แม่นจำ ชื่อว่า ชิโมยาม่าเซนเซ ชิโมคือใต้ ยาม่าคือภูเขา รวมกันแล้วคืออาจารย์ใต้ภูเขา เพราะชื่อมีคำว่าภูเขาอยู่ไม่ต้องเดาเลยว่าตัวจะโตหรือเล็ก (เกี่ยวกันมั้ยวะ) เอาเป็นว่าตัวโต ไซส์ร้อยโลอัพ เซนเซท่านนี้อธิบายเพิ่มเติม ว่าทำไมต้องอุเกมิ อุเกมิเป็นแล้วไม่กลัวที่จะล้ม พอไม่กลัวที่จะล้ม ร่างกายก็จะไม่เกร็ง พอไม่เกร็งจะเข้าท่า จะออกท่า จะขยับตัว มันก็จะเป็นธรรมชาติ สัมพันธ์กับเรื่องการใช้แรงที่เหมาะสมไม่ฟุ่มเฟือย อุเกมิจึงเป็นพื้นฐานที่จำเป็น นอกจากจะป้องกันไม่ให้บาดเจ็บได้แล้ว มันยังเป็นตัวช่วยให้เรารู้วงจรการทุ่ม เพราะส่วนนึงพื้นฐานท่าทุ่ม การทุ่มหุ่น หุ่นจะลงในลักษณะม้วนตัวตบเบาะอุเกมิได้ไม่ยาก ถ้าตอนซ้อมคนทุ่มรู้วงจรการตบเบาะ ก็จะทุ่มหุ่นให้ตบเบาะได้ง่าย การบาดเจ็บมันก็จะเกิดขึ้นน้อยลง มาดูไทยแลนด์แดนสมายกันบ้าง ทุกคนรู้ดีว่าต้องเริ่มจากอุเกมิ ส่วนใหญ่จะบอกว่าสมัยผมนะกว่าจะซ้อมยูโดได้ตบเบาะเป็นสามสี่เดือน เดี๋ยวนี้อาทิตย์สองอาทิตย์ก็เริ่มทุ่มกันแล้ว ก็ว่ากันไป มันไม่ใช่แค่ที่ไทย ที่อื่นส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละ หิวข้าวจะไปปลูกข้าวมันนานไป ต้มมาม่าเดี๋ยวก็กินอิ่มท้องได้เหมือนกัน ดังนั้นนอกจากตบเบาะได้ไม่ดี ทำตัวเองให้เสี่ยงบาดเจ็บได้ง่าย ยังไปทำคนอื่นให้บาดเจ็บได้ง่ายอีกด้วย อย่าลืมว่าวงจรการทุ่มที่ปลอดภัยมันคือทุ่มให้เป็นวงตบเบาะได้ง่าย ตัวเองตบเบาะไม่ได้ วงจรการทุ่มให้เหมือนการตบเบาะย่อมไม่เข้าใจ ท่าทุ่มที่ตามมาถึงได้เป็นท่าทุ่มที่ก้าวกระโดดระดับพื้นฐานขึ้นไป ยกตัวอย่าง เช่น พวกท่าจับขวาเข้าซ้าย หรือจับซ้ายเข้าขวา อิปปงกลับฝั่ง โอโซโตกลับฝั่ง รีเวิรสเซโอนาเกะ โมโรเทะมุด มากิโกมิ อุระนาเกะ และอื่นๆ (อีกเยอะ คิดไม่ออกละ) เพราะตอนนี้ยูโดมันกลายเป็นกีฬา ที่มีแต้มแพ้ชนะ กลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ที่ต้องการเป็นหนึ่งในใต้หล้า ต้องการเป็นอันดับหนึ่ง นักล่าเหรียญรางวัลถึงได้พัฒนาท่า อะไรก็ได้ที่ทำแล้วชนะ ท่าพวกซ้ายขวารีเวิรสทิ้งตัว โยนเป็นลูกขนุนมันจึงเกิดขึ้น คนนี้ทำ มีคลิปถ่ายไว้ เอาลงยูทูป เห็นแล้วดีทำแล้วชนะ ก็ทำต่อๆไป คนเพิ่งเริ่มซ้อม ไปแข่งจะใช้พวกนี้มันไม่ผิด เพราะว่าเพิ่งเริ่มไม่รู้อะไรคืออะไร แต่ที่บ้าจี้ตามคือ ผู้สอน ที่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรกลับเอามาใส่ให้กับคนเพิ่มเริ่มซ้อมไม่นาน คือถ้าสอนเพื่อไปแข่งโอลิมปิค แข่งระดับอินเตอร์ห่าเหวพวกนั้นตามสบาย เพราะคนที่ไปแข่งระดับนั้นมันต้องมีพื้นฐานพอสมควร แต่นี้พื้นมึงไม่ปู กะก้าวกระโดดไปค้นฟ้าคว้าดาว โดดพลาดตกลงมาก็จบไป เดี๋ยวไปหาเด็กคนอื่นมาทำแทน คนที่เจ็บก็โยนทิ้ง เจ็บใจคือ คนเจ็บที่โดนโยนทิ้ง ดันตบเบาะทำอุเกมิไม่เป็น ก็เรื่องของมึงเพราะไม่ตั้งใจซ้อมตบเบาะตั้งแต่แรกเอง555 ไอ้เรื่องแข่งระดับโลกมันไกลตัว กลับมาเรื่องตบเบาะกันดีกว่า วิธีซ้อมทุกๆคนรู้กันดีอยู่แล้ว ตบเบาะแปดท่า ก็ตบกันไปสิ มันไม่พอแดกหรอก เพราะมันยังมีท่าม้วนตัวตบเบาะ ม้วนตัวตบแล้วยืนอีก ที่สำคัญซ้อมตบท่าละสิบยี่สิบครั้ง สำหรับเด็กใหม่มันไม่พอ มีเวลาว่างหลังซ้อม หรือก่อนซ้อม ก็ตบๆเก็บเหมือนหยอดกระปุกออมสินเอาไว้เรื่อยๆเดี๋ยวมันก็ดีเอง เอาแต่บ่นว่าโน่นนี่ ขอกลับมาชะโงกดูหนังหน้าตัวเองบ้างครับ ผมเพิ่มเริ่มตบเบาะไม่นานเหมือนกัน ตอนได้สายดำแล้วยังตบได้ไม่ดีอยู่เลย เรื่องปกติครับ ถ้านับจากการสอบขึ้นสาย สายดำขั้นหนึ่ง สอบนาเกะโนะคาตะเก้าท่า คือยังไม่มีอีกสองชุดสุดท้ายพวกท่าทิ้งตัว ที่ต้องตบเบาะม้วนตัวยืน สายดำขึ้นสอง สอบนาเกะโนะคาตะสิบห้าท่า มีสองชุดหลังที่บางส่วนต้องม้วนตัวตบเบาะขึ้นมายืน คนโบราณเมื่อประมาณร้อยปีก่อนบวกลบ เค้าวางระบบไว้แล้วว่า ดั้งแรกก็คือโชดั้ง เพิ่มเริ่มต้น ตบได้เท่านี้โอเคผ่านไป ไปเรียนรู้เพิ่ม ดั้งสองมาตบให้สมบูรณ์ในอีกสองชุดสุดท้ายก็ละกัน ตามความสัตย์จริงสอบสิบห้าท่าไปแล้ว ตัวผมเองก็ยังรู้สึกถึงความไม่สมบูรณ์ในเรื่องอุเกมิ ก็ค่อยๆซ้อมซ้ำๆ เก็บรายละเอียด โชคดีที่สามปีที่แล้วตอนพานักเรียนนายร้อยตำรวจมาซ้อมที่โคโดกัง ได้เจอกับมิอุระเซนเซ โคโดกังดั้งแปด มาเสริมรายละเอียดของการตบเบาะเพิ่มเข้าไป และเมื่อสองปีที่แล้ว เจอกับซาเมะชิม่าเซนเซ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของโคโดกัง ไปเปิดสัมมนายูโดที่เมืองไทย แล้วได้มีโอกาสไปเรียนรู้ด้วยพอดี ถึงเก็บรายละเอียดที่เหลือได้หมดครบถ้วน เอาเป็นว่ากว่าท่าตบเบาะของผมจะนิ่งก็เกือบๆห้าปี (นานมาก) แถมตอนนี้ถ้าไม่ซ้อมซ้ำๆทำบ่อยๆเดี๋ยวมันยังลืมและหายไปได้อีก สมัยนี้มีแข่งนาเกะโนะคาตะหลายรายการก็ถือเป็นโชคดีสำหรับเด็กใหม่ๆ ที่บางคนสายขาว สายฟ้าก็ไปแข่งนาเกะห้าเซ็ทแล้ว อย่างที่บอกในห้าเซ็ทมันต้องมีม้วนตัวยืน พอมันมีจะแข่งก็ต้องซ้อม มันก็เลยทำให้การตบเบาะดูดีขึ้น เฉพาะกับตนเองและคนรอบข้างก็ดีมากแล้ว เอาเนื้อหาสาระบ้าง สำหรับจุดที่ช่วยซ้อมในการตบเบาะ ผิดถูกมันไม่มี มันไม่ใช่ผิดหรอก แค่ยังไม่สมบูรณ์ (คำพูดใครหว่า...คำพูดอาจารย์ของผมเองคร้าบ)
สรุปขอโทษครับ สาระ ยังไม่ค่อยมี ไว้มีเวลาค่อยรวบรวมอีกทีนะคร้าบ
|
บทความทั้งหมด
|
การตบเบาะ
สำหรับผู้เล่นยูโด ข้อมูลนี้น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากนะคะ