โบรกแนะเก็งกำไร 9 หุ้นร้อน ดัชนีฟื้นตัวเน้น defensive ฝรั่งซื้อน้อยลง-ขายอนุพันธ์

ที่มา ข่าวหุ้นดอทคอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.49 น. ค่าเงินบาททรงตัวอยู่ที่ระดับราคา 30.40 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ด้านตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและลบ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยฟื้นตัวในกรอบ และค่อนข้างเปราะบาง ทำให้มีแรงขายทำกำไรระยะสั้นเกิดขึ้นได้ง่าย ขณะที่นักลงทุนควรจับตาการเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติ แม้ยังซื้อสุทธิต่อเนื่องแต่ปริมาณการซื้อสุทธิเริ่มน้อยลง อีกทั้งเริ่มมียอดสถานะขายสุทธิในส่วนของตลาดอนุพันธ์บ้างแล้ว เก็งกำไร 9 หุ้นร้อน ได้แก่ BWG, SAT, SINGER ,AP.BGH,STA ,TASCO ,TISCO, GLOBAL และแนะนำหุ้นหุ้น defensive อื่นๆ ได้แก่ กลุ่มอาหาร (CPF, TUF) เกษตร (GFPT) ค้าปลีก(CPALL, HMPRO) สื่อสาร(ADVANC, DTAC) และหุ้น defensive อื่นๆ เช่นหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล (BGH) เป็นต้น

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : ฟื้นตัวในกรอบจำกัด ความเปราะบางของตลาดระหว่างการรอปัจจัยใหม่เข้ามาชี้นำ ทำให้แรงขายทำกำไรระยะสั้นเกิดขึ้นได้ง่าย หากมีข่าวใดๆ เข้ามากระทบดังเช่นที่เกิดขึ้นวานนี้ ในวันนี้คาดหวังจะเห็นการฟื้นตัวในกรอบจำกัด หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลงจะช่วยลดแรงกดดันที่มีอยู่บนความกังวลเรื่องผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้บางส่วน ขณะที่นักลงทุนควรจับตาการเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติ แม้ยังคงเดินหน้าสะสมหุ้นต่อในยามที่ตลาดดิ่งหนัก แต่พบว่าปริมาณการซื้อสุทธิเริ่มน้อยลง อีกทั้งเริ่มมียอดสถานะขายสุทธิในส่วนของตลาดอนุพันธ์บ้างแล้ว โดยรวมจึงมอง SETI ยังขยับแบบมี upside จำกัด มองกรอบวันนี้ระหว่าง 1131-1143 จุด

กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นรายตัวในกรอบไปก่อน หรือ อิงหุ้นปันผลดีๆ เป็นหลัก

แนวต้าน : 1137-1143 แนวรับ : 1131-1121

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50-75% : เงินสด 50-25%

ถือต่อในพอร์ต : BWG, SAT, SINGER

หุ้นที่ปรับออก : IVL, PTTEP

หุ้นที่ปรับเข้า :

1. BGH Defensive + เทคนิคดูดี ราคาพื้นฐาน 86.50 บาท กรอบเทรดระยะสั้นมองต้าน 78 รับ 73.5 Cut loss 71 บาท

2. AP ยอดจองหลังน้ำท่วมฟื้นตัวเร็วกว่าคาด FV 6.4 บาท กรอบ

บล.ไทยพาณิชย์ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ล่าสุดเช่านี้ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงสู่ Selective Default ภายหลังประเด็นเรื่องการทำ Bond Swap โดยอันดับเครดิตล่าสุดปรับลดลงจากครั้งก่อนที่อยู่ที่ระดับ C ซึ่งเป็นระดับ Junk Bond แต่อย่างไรก็ตาม S&P ยังระบุว่าการปรับอันดับเครดิตของกรีซอาจจะถูกปรับขึ้นอีกครั้งสู่ระดับ CCC ภายหลังการทำ Bond Swap เสร็จสิ้นในช่วงกลางเดือนมี.ค. (คาดว่าจะเป็นช่วงก่อนที่กรีซครบกำหนดชำระหนี้ 20 มี.ค.) ซึ่งเรามองว่าตลาดโดยรวมจะไม่ตกใจกับข่าวนี้มากนัก เนื่องจากเป็นการคาดการณ์ไว้ในขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากวานนี้ ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากตัวเลขยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) ประจำเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 2% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ ส่วนวันพรุ่งนี้จับตาการประกาศตัวเลข GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 4/54 คาดที่ระดับ 2.8% คงตัวจากการประกาศครั้งก่อน

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ คาดว่ายังมีลุ้นโอกาสขยับขึ้นต่อ แต่เริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น ต้องระมัดระวัง!

กลยุทธ์: เนื่องจากตลาดมีความเสี่ยงสูงขึ้น จึงแนะนำให้เริ่มมองหาจังหวะขายทำกำไรบ้างเมื่อตลาดบวกแรง และถ้าจะเข้าเทรดดิ้งช่วงนี้ แนะนำให้เลือกหุ้นเข้าเพียงบางตัว (Selective Buy) โดยเราแนะนำหุ้นกลุ่มอาหาร (CPF, TUF) เกษตร(GFPT) ค้าปลีก(CPALL, HMPRO) สื่อสาร(ADVANC, DTAC) และหุ้น defensive อื่นๆ เช่นหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล (BGH) เป็นต้น

หุ้นเด่นทางเทคนิค TISCO, GLOBAL, TPIPL(SBL)

แนวโน้ม ความกังวลเรื่องราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นมาว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาแกว่งตัวผันผวนและมีจังหวะปรับพักตัวกันถ้วนหน้า ซึ่งรวมถึง SET ที่เริ่มมีจังหวะแกว่งย้อนพักตัวลงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามสภาพคล่องในตลาดที่ยังมีอยู่มาก รวมทั้งความคาดหวังว่าการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้จะมีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำรอบสอง รวมทั้งการร่วงลงของราคาน้ำมันเมื่อวานนี้ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีความเป็นไปได้ที่จะดีดตัวขึ้นรอบใหม่อีกครั้ง แต่เนื่องจาก SET ขยับขึ้นมามากพอควรแล้วในรอบที่ผ่านมา ดังนั้นการขยับขึ้นต่อเนื่องจากบริเวณนี้ขึ้นไปถือว่าเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันแม้จะมีปรับพักตัวลงมาบ้าง แต่ก็ยังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูง รวมทั้งความตึงเครียดในอิหร่านยังมีอยู่ ซึ่งอาจผลักดันให้ราคาน้ำมันกลับพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งได้ เราจึงแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการพิจารณาเลือกหุ้นเข้าเทรดดิ้งใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงจากการแกว่งตัวรุนแรงของตลาด

แนวรับ 1132-1130 , 1127-1125 จุด แนวต้าน 1140-1145 , 1148-1152 จุด

KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันอังคารทรงตัว แม้ดัชนีฯ อาจเปิดรีบาวด์ได้หลังร่วงแรงและเร็วเมื่อวานบ่าย แต่กระแสทุนต่างชาติที่ชะลอตัวหลังจากเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยไปแล้ว 4.57 หมื่นล้านบาทตั้งแต่ต้นปี 2555 จะทำให้ตลาดหุ้นเปราะบางมากขึ้นต่อแรงขายทำกำไรจากฝั่งในประเทศ ผนวกกับฤดูกาลเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 4/2554 ใกล้จบลงส่งผลแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวน้อยลงเช่นกัน นอกจากนี้นัก

ลงทุนทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอการลงทุนจนถึงคืนวันพุธ เพื่อรอการปล่อยกู้อายุ 3 ปี (LTRO) ของ ธ.กลางยุโรปที่ตลาดคาดว่าจะมีการปล่อยกู้ประมาณ 5 แสนล้านยูโร รวมทั้งการประชุม รมว. คลังกลุ่มยุโรปในวันที่ 1 มี.ค. เกี่ยวกับแผน PSI debt swap ของกรีซ โดยในช่วงนี้นักลงทุนให้น้ำหนักกับเรื่อง LTRO ค่อนข้างมากและไม่สนใจปัจจัยอื่นๆ เช่นการที่ S&P ลดเครดิตของกรีซเป็น Selective Default (SD) เมื่อกลางดึก ส่วนหนึ่งเพราะว่า S&P กล่าวเสริมไว้เลยว่าหลังจากเสร็จดีล debt swap แล้วก็จะปรับเพิ่มเครดิตของกรีซเป็น CCC

กลยุทธ์: เรายังคงมุมมองว่าตลาดหุ้นจะมีการพัก/ปรับฐานหลังจากกรีซประกาศความสำเร็จในการได้รับเงินช่วยเหลือรอบสอง รวมทั้งโครงการแลกเปลี่ยนพันธบัตร เราแนะนำเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มธนาคารและพลังงาน, แนะนำขายหุ้นเด่นเชิงกลยุทธ์ที่แนะนำมาในสัปดาห์ก่อนเช่น BIGC* (ราคาหุ้นขึ้น 21.8% แล้วตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 ก.พ.) ส่วนหุ้นแนะนำซื้อเป็นหุ้นขนาดกลางเช่น STA* ซึ่งแจ้งขาดทุนไตรมาส 4/54 ที่ 648 ล้านบาท แต่น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของธุรกิจในช่วงนี้ก่อนฟื้นตัวในครึ่งปีแรก และแนะซื้อ TASCO ซึ่งวันนี้ KGI ปรับเพิ่มประมาณการและราคาเป้าหมาย

รวมแบบบ้านสวยๆ ไอเดียตกแต่งบ้าน ห้องนอน จัดสวน ฟรี

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2555		0 comments
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2555 10:39:14 น.
Counter : 416 Pageviews.
Share Tweet