โบรกแนะเก็งกำไร 7 หุ้นแกร่ง ดัชนีหุ้นไทยแกว่งในกรอบ ราคาน้ำมันฟื้นตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.39 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.27 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนบวก จากการคาดการณ์ว่าจีนจะดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายอีกครั้ง รวมทั้งการคาดการณ์ตัวเลขส่งออกที่ดีขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีในปีหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวในกรอบจำกัดจากแรงกดดันของปัญหาหนี้ยุโรปและการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นของธนาคารในสหรัฐ เก็งกำไร 7 หุ้นแกร่ง ได้แก่ GFPT, THCOM, CFRESH, STEC, CPN, ROBINS, DCC
บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ฟื้นตัวในกรอบจำกัด
ภาพรวมยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยไปมากนัก โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรป จึงยังคงเป็นแรงกดดันการลงทุนต่อเนื่องต่อไป ท่ามกลางการเตือนถึงแนวโน้มความเสี่ยงทางลงทางเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐต้องการให้ธนาคารในสหรัฐสำรองเงินทุนมากกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นลบเพิ่มที่ถ่วงตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนตัวลงวานนี้ ด้านปัจจัยภายในยังมีความคาดหวังเรื่องแนวโน้มการเข้าซื้อของกองทุน LTF/RMF ช่วยประคองการอ่อนตัวของตลาด อีกทั้งการดีดตัวของราคาน้ำมันจากความกังวลเรื่องอุปทานจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของตลาดได้บางส่วน อย่างไรก็ดี ยังมองกรอบการฟื้นตัวของตลาดจะจำกัด จากการขาดปัจจัยหนุนทางบวกอย่างจริงจัง โดยมองตลาดยังแกว่งกรอบ Sideways จนกว่าจะทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1036 หากผ่านไปได้จะมีต้านถัดไปที่ 1050 และด้าน Downside อยู่แถว 1030 และ1024 ตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุน: เก็งกำไรหุ้นรายตัวเป็นหลัก แนวต้าน: 1036, 1050 แนวรับ: 1030, 1024
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%
ถือต่อในพอร์ต : GFPT, THCOM
หุ้นที่ปรับออก : SAT, TUF
หุ้นที่ปรับเข้า :
1. STEC ข่าวไทย-จีนเตรียมลงนาม MOU ในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูง อาจเป็นบวกกลุ่มรับเหมาฯ FV 14 บาท ระยะสั้นมองต้าน 12.30-12.50 รับ 11.70-11.50 Cut loss 11.40 บาท
2. CFRESH การลงทุนในบ.ใหม่ในยุโรปจะทำให้ผลประกอบการกลับมาดีขึ้น+ กลับมาจ่ายปันผลได้ดีอีกครั้ง FV 5.30 บาท ระยะสั้นมองต้าน 4.60 รับ 4.40 Cut loss 4.32 บาท
บล.ไทยพาณิชย์ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ EU อนุมัติเงินให้ IMF – ล่าสุด EU มีมติอนุมัติเงินให้กู้แก่ IMF จำนวน 1.5 แสนล้านยูโร เพื่อนำไปเป็นเม็ดเงินในการช่วยเหลือวิกฤติในยุโรป โดยอีกจำนวน 5 หมื่นล้านยูโรคาดว่าจะมาจากประเทศสมาชิกอื่น ซึ่งเม็ดเงินที่มีการอนุมัติเป็นสิ่งที่ตลาดคาดกันไว้ก่อนหน้า ในขณะที่ความกังวลวานนี้อยู่ที่การออกมาให้สัมภาษณ์ของ ECB เกี่ยวกับภาคธนาคารว่า ในปี 55 น่าจะประสบปัญหาอยู่ นอกจากนี้ยังไม่มีท่าทีเรื่องการเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมเนื่องจากติดข้อกฎหมาย ซึ่งประเด็นหลังนี้เองที่ทำให้ตลาดหุ้นวานนี้ปรับร่วงลงมาแม้จะเปิดบวกในช่วงแรกก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามเรามองว่าจะส่งผลกระทบต่อบ้านเราไม่มาก โดยมองว่าระดับ Downside ที่จะปรับลงอยู่เพียงระดับ 1,025-1,030 จุดเท่านั้น ส่วน Upside คงไว้เดิมที่ 1,050 จุด นอกจากนี้ประเด็นในสหรัฐฯ อยู่ที่แรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคาร หลังจากที่มีข่าวออกมาว่า FED อาจจะกดดันให้ธนาคารพาณิชย์ต้องตั้งสำรองเงินเพิ่มทุนมากขึ้นด้วย ทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ วานนี้ร่วงลงราว 3-5% ขณะที่บทวิเคราะห์ Industry Update: อุตสาหกรรมโฆษณาฟื้นตัว โดย BEC น่าสนใจที่สุด
KGI ประเมินหุ้นไทยวันอังคารยังคงแกว่งกรอบแคบต่อไป โดยประเด็นการลงทุนเหมือนกับเมื่อวานคือปัจจัยภายนอกเป็นลบเล็กน้อยแต่แรงซื้อภายในประเทศจะพยุงตลาดในช่วงที่นักลงทุนต่างประเทศชะลอกิจกรรมในตลาด สำหรับพัฒนาการภายนอกที่เกิดขึ้นคือ i) รมว. คลังยุโรปและอีก 4 ประเทศนอกสกุลเงินยูโรโซนเห็นชอบการให้เงิน 1.5 แสนล้านยูโรกับ IMF เพื่อนำมาปล่อยกู้ แต่ที่เหลืออีก 5 หมื่นล้านยูโรนั้นทางยุโรปพยายามที่จะผลักดันให้สหรัฐฯ และอังกฤษรับภาระ แต่สหรัฐฯ ยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมส่วนอังกฤษขอตัดสินใจหลังปีใหม่ ii) นสพ. วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่าเฟดอาจสั่งให้ธนาคารสหรัฐฯ ขนาดใหญ่เพิ่มฐานทุนให้สูงกว่าเกณฑ์เพื่อรับความเสี่ยงของยุโรปที่จะเข้ามา ซึ่งข่าวหลังนี้กดดันให้หุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนลบพอสมควร เราเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะยังเป็นผู้ขายสุทธิ ส่วนสถาบันในประเทศคงมียอดซื้อบ้างแต่ไม่ไล่ราคา ส่วนพอร์ต บล. ซึ่งเป็นผู้ซื้อสุทธิหลักๆ เมื่อวานนี้นั้น กลายเป็นความเสี่ยงของตลาดในวันนี้ แนวต้าน 1,040 จุด และแนวรับอยู่ที่ 1,030 จุด
กลยุทธ์: คงคำแนะนำเดิม คือให้ถือหุ้นเพื่อรอขายในช่วงสิ้นปี 2554 หรือช่วงต้นปี 2555 เป็นอย่างช้า ส่วนพอร์ตลงทุนระยะไตรมาส 1/2555 ให้เน้นหุ้นขนาดกลางที่พึ่งพิงกำลังซื้อในประเทศ หรือได้ประโยชน์จากการก่อสร้างและซ่อมแซมหลังน้ำท่วม แนะซื้อ CPN, ROBINS, DCC เพื่อถือลงทุน และในวันนี้นักวิเคราะห์ยังปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนกลุ่มบ้านและที่ดินเป็น “เท่ากับตลาด” โดยมี LPN เป็นหุ้นเด่น รองลงไปได้แก่ AP
Create Date : 20 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 20 ธันวาคม 2554 10:11:20 น. |
|
0 comments
|
Counter : 374 Pageviews. |
|
|