ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.44 น. ค่าเงินบาททรงตัวอยู่ที่ระดับ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและลบ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างเปราะบาง เน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็กมากขึ้น เก็งกำไร 23 หุ้นเด่น ได้แก่ SIRI, QH, STEC, HEMRAJ, AP, HMPRO, INTUCH, IHL, KCE, RATCH, KBANK, BAY, TISCO, SAT, AH, SCC, DRT, CPF, DEMCO, TRC, KH, TTW, ADVANC

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : เทรดในกรอบ 1183-1195  กลยุทธ์การลงทุน : เทรดดิ้งในกรอบ

ภาพรวมตลาดช่วงนี้ยังค่อนข้างเปราะบางต่อปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระทบ ก่อให้เกิดแรงเหวี่ยงในระหว่างวันค่อนข้างมาก โดยแรงกดดันหลักยังคงมาจากเรื่องปัญหาหนี้ของยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข่าวนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์เสนอให้รัฐบาลลาออกหลังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณ อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิต AAA ของประเทศ รวมถึงผลการเลือกตั้งในฝรั่งเศสที่ยังต้องแข่งขันกันในการเลือกตั้งรอบตัดสินในวันที่ 6 พ.ค. ได้เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับภาพรวมมากขึ้น นอกเหนือไปจากความผิดหวังตัวเลขดัชนี PMI ของยูโรโซนและเยอรมนี ขณะที่ต่างชาติเริ่มชะลอการสะสมหุ้น สะท้อนภาพรอดูสถานการณ์ ดังนั้น คาด SETI ยังขยับไปไหนได้ไม่ไกล มองวันนี้เทรดต่อในกรอบ 1183-1195 กลยุทธ์การลงทุน : เน้นเก็งกำไรในกรอบ แนวต้าน : 1195-1201 แนวรับ : 1183-1178

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%

ถือต่อในพอร์ต : SAT, CPF, KH, TTW, ADVANC

KGI คาดว่าแรงกดดันจากฝั่งยุโรปจะถ่วง SET ให้อ่อนตัวปานกลาง มองแนวรับแรก 1,182 จุด ทั้งนี้ ดัชนี PMI เดือน เม.ย. ของกลุ่มยุโรปทั้งภาคการผลิตและภาคบริการลดลงหนักกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ขณะที่สเปนรายงานจีดีพีไตรมาส แรกลดลง 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งยังคงเป็นเครื่องชี้ที่ไม่ดีต่อการบริหารหนี้สินภาครัฐฯ ด้านสถานการณ์การเมืองในประเทศเนเธอร์แลนด์ไม่ดีหลังจากนายกฯ ประกาศลาออกเพราะตกลงกับสภาของเขาเรื่องงบประมาณไม่ได้ ส่วนในฝรั่งเศสยังต้องรอการเลือกตั้งปธน. รอบที่ 2 ในวันที่ 6 พ.ค. หลังจากไม่มีผู้สมัครใดได้เสียงข้างมากไม่ว่าจะเป็นนายซาร์โกซี ปธน.ปัจจุบันหรือนายฮอลลองก์ ผู้นำพรรคสังคมนิยม ภาพรวมยังไม่มีปัจจัยบวกในวันนี้และพรุ่งนี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่รอดูการแถลงข่าวของ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนวันที่ 25 เม.ย. ตามเวลาไทย ว่าจะมีการส่งสัญญาณเปิดช่องมาตรการ QE3 หรือไม่

กลยุทธ์: เรายังคงมองว่าปัจจัยมหภาคขณะนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อการเทรดหุ้นใหญ่ โดยกลุ่มธนาคารได้รายงานกำไรไตรมาส 1 หมดแล้ว ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะถูกกดดันจากความกังวลต่อเศรษฐกิจยุโรป และความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินของสหรัฐฯ เรามองว่าหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการฟื้นตัวชัดเจน เช่น อสังหาริมทรัพย์ นิคมอุตสาหกรรม และยานยนต์ น่าสนใจเข้าซื้อต่อ เราแนะซื้อ SIRI, STEC และ HEMRAJ และแนะนำถือต่อใน AP

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ หลังจากแนะนำขายช่วงบวกไปแล้ว ช่วงลบถ้าจะซื้อต้องเน้นเลือกหุ้น...

กลยุทธ์: ตลาดปรับพักตัวลงสามารถดูจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อได้ แต่เน้นเป็นแค่การเทรดดิ้งเล่นตามรอบสั้นๆ ในลักษณะลงซื้อ-ขึ้นขายต่อไปก่อน โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ KBANK(TP=177) , BAY(TP=30) , TISCO(TP=45) , SAT(TP=33.50) , AH(TP=18) , SCC(TP=400) , DRT(TP=7.10) , CPF(TP=42) , SIRI(TP=2.50) , QH(TP=2) , INTUCH(TP=69)

หุ้นเด่นทางเทคนิค DEMCO, TRC, JAS (SBL)

แนวโน้ม แม้ว่าข้อมูลภาคการผลิตของจีนที่ประกาศในช่วงเช้าวานนี้จะออกมาดี แต่ก็ช่วยได้เพียงจำกัดช่วงลบให้กับตลาดหุ้นต่างๆ ในเอเชียเท่านั้น ขณะที่ตัวเลขภาคการผลิตของประเทศในยุโรปที่ออกมาแย่กว่าคาด ดูจะมีอิทธิพลกดดันตลาดหุ้นเอเชียมากกว่า ซึ่งรวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย ขณะที่แรงซื้อที่มีเข้ามาในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ ก็อยู่ในลักษณะเลือกซื้อเป็นรายตัวมากกว่า ทำให้ไม่สามารถพยุงดัชนีให้แกว่งบวกได้ตลอด โดยเฉพาะเมื่อ SET เริ่มเข้าใกล้ระดับสูงสุดเดิมซึ่งรอบที่แล้วมีแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศกดดันให้ปรับตัวลงรุนแรงไปครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นพอยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุน จึงทำให้ SET เริ่มมีแรงขายกดดันอีกครั้ง ซึ่ง FSS คาดว่า SET จะยังแกว่งตัวผันผวนและปรับตัวลดลงต่อไปอีกสักพัก ดังนั้นช่วงนี้เราจึงยังแนะนำเพียงการเข้าเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบ โดยถ้าจะมองหาจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อ แนะนำให้รอ SET แกว่งลงเท่านั้น ส่วนจังหวะแกว่งบวกกลับยังน่าหาจังหวะขายทำกำไรมากกว่าอยู่

แนวรับ  1185-1180 , 1175 จุด    แนวต้าน  1193-1195 , 1198  จุด

บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดยุโรปปรับตัวลดลงแรงจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเปิดเผยภาระหนี้ของประเทศในยูโรโซนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงแม้ว่าโดยรวมแล้วยูโรโซนจะมีขาดดุลงบประมาณลดลงจาก 6.2% ของ GDP ในปี 2553 เหลือ 4.1% ในปี 2554 นอกจากนี้ตลาดยังได้ปัจจัยลบทางจิตวิทยาว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจฉุดการแก้ปัญหายูโรโซนจากจากวิกฤติหนี้ ทั้งจากการที่ฝ่ายสังคมนิยมมีแนวโน้มชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบ 2 ที่มีกำหนดลงคะแนนในวันที่ 6 พ.ค.นี้ และจากข่าวรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ลาออกยกชุดเรามองตลาดโลกแกว่งตัวและมองดัชนี SET Index แก่วงตัวในกรอบใหญ่ที่ 1150-1214 จุด จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ที่มีน้ำหนักพอมาขับเคลื่อน อย่างไรก็ตามระดับดัชนีที่ปัจจุบันที่ตลาดชาชินต่อข่าวดี แต่กลับตอบสนองต่อข่าวร้ายมากขึ้นทำให้เราวางกลยุทธ์ในเชิงตั้งรับและระมัดระวังมากขึ้น ทั้งนี้หากในการประชุม 24-25 เม.ย. เฟดไม่สามารถประกาศนโยบายที่สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดได้ นักลงทุนจะเริ่มกังวลและอาจลดระดับความอย่างเสี่ยงลง ซึ่งอาจกดตลาดลงทดสอบ1150+/- จึงเป็นความเสี่ยงของนักลงทุนระยะสั้นที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกับความคาดหวังของตลาด ในขณะที่นักลงทุนระยะกลางการแกว่งลงจะเปิดโอกาสซื้อสะสมที่ดี

กลยุทธ์การลงทุน: น้ำหนักการซื้อของต่างชาติที่ลดลงทั้งภูมิภาคทำให้ความน่าสนใจของหุ้นใหญ่ต่ำลง โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดไร้ปัจจัยกำหนดทิศทาง นักเก็งกำไรเน้นหุ้นกลาง-เล็กที่ขึ้นกับปัจจัยในประเทศ หรือรอดูมาตรการของเฟด หุ้นแนะนำ HMPRO INTUCH IHL KCE ทยอยสะสม RATCH ทั้งนี้การแกว่งลงของ SET Index สู่แถว 1180+/- เป็นโอกาสเก็งกำไรของนักลงทุนระยะสั้นที่เก็งกำไรอย่างมี Stop loss ได้สำหรับนักลงทุนระยะกลาง ยังไม่ทำอะไรเพิ่มหลังเราแนะนำการเข้าซื้อ 25% ในระดับ1150+/- โดยเราจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นสำหรับการปรับตัวลงสู่ 1100 และอาจแนะนำการเข้าซื้อเต็มที่ในระดับที่เราประเมินว่าเป็น downside ของ SET Index รอบนี้ที่ 1050 จุด

Create Date : 24 เมษายน 2555
Last Update : 24 เมษายน 2555 11:39:27 น.		0 comments
Counter : 623 Pageviews.
Share Tweet