๒๔. ธรรมสวัสดี



ขึ้นสิบสี่ค่ำ เดือนสิบเอ็ด วิหารบุพพาราม

เวลานั้นมหาวิหารดูเงียบเหงาและผู้คนซบเซา ด้วยว่าผู้คนที่เคยมาทำบุญพากันไปตามหาสังวาลล้ำค่ากันเสียหมด จันทราวตีถูกกักบริเวณอยู่แต่ในเขตราชฐานโดยที่ภาวิณีไม่อาจช่วยอะไรได้นอกจากปลอบพระทัยให้อดทนรอองค์เทวินทร์ แม้เจ้าหญิงจะโอดครวญว่าอยากให้พาหนี ด้วยกลัวว่าถ้าเจ้าชายไม่เสด็จมาสู่ขอ พระองค์ก็จะต้องกลายเป็นมเหสีของใครก็ตามที่นำสังวาลมาถวายเสียก่อนวันอภิเษก แต่คราวนี้ภาวิณีปฏิเสธอย่างแข็งขันแล้วรีบทูลลาก่อนจะใจอ่อนอีกครั้ง

เมื่อปลีกวิเวกออกมานั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สายตาก็หันไปพบกับ ชายชราร่างเล็กนามว่าวิภูทะ ผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์ที่เดินยิ้มร่ามาพร้อมกับนกพิราบคู่ใจ ในมือมีแผ่นหนังหนึ่งแผ่น จำเพาะเจาะจงมายื่นให้ถึงมือของหญิงสาว

“ข่าวถึงเจ้า”
ภาวิณีรับมาด้วยอาการงุนงง
“จากองค์หญิงหรือเจ้าคะ”
“หามิได้ ชะรอยว่าจะมาจากแคว้นมคธ”
วิภูทะหันไปพยักพเยิดกับนกน้อยบนบ่า ภาวิณีจึงเบิกตาค้าง
“เจ้านกตัวนั้นหรอกหรือ เหตุใดเพิ่งจะได้บินกลับมา”
“ไม่เป็นไร อย่างน้อยคนที่คุมตัวไว้ก็เลี้ยงดูมันอย่างดี เวลานี้กลับมาพร้อมจดหมายในมือเจ้า คงมีเรื่องสำคัญไม่น้อยอยู่หรอก”

ภาวิณียกมือขึ้นประนมไหว้

“ขอบคุณมากจ้ะ ฉันไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจท่านอย่างไรดี”

วิภูทะรับไหว้อย่างชื่นชม นึกนิยมหญิงสาวตรงหน้าอย่างชายชราที่เอ็นดูลูกหลาน

“ที่จริงต้องขอบใจเจ้าต่างหาก ลำพังองครักษ์ที่ตามเจ้าหญิงไป คงจัดการเรื่องต่างๆไม่ได้ดีอย่างนี้”

วิภูทะกล่าวปิดท้ายก่อนอำลา พร้อมกำชับว่าหากมีอันใดให้ช่วยก็ขอให้ไหว้วานได้ทุกเมื่อ ภาวิณีเดินไปส่งหัวหน้าองครักษ์ก่อนกลับมายืนพิงต้นไม้ใหญ่เพื่อเปิดแผ่นหนังออกอ่าน เนื้อความในจดหมายนั้นยืดยาวกว่าคราวที่เธอส่งไปหาเขาหลายเท่านัก

ก่อนถึงวิหารเวฬุวัน

ธรรมสวัสดีขอรับ

กระผมเขียนจดหมายฉบับนี้ขณะที่ยังรอนแรมอยู่ในขบวนเพื่อเดินทางกลับราชคฤห์ แต่อยากให้น้องหญิงได้ทราบข่าวนี้ก่อนใคร ก่อนอื่นคงต้องขอเล่าความเป็นไปในการสังคายนาตามที่สัญญาไว้โดยลำดับก่อนนะขอรับ

ยามแรกที่ไปถึงเวสาลี ขบวนของนครราชคฤห์ที่นำพระสงฆ์ฝ่ายคัดค้านกถาวัตถุที่ภิกษุชาววัชชีตั้งถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปในมหาวันวิหาร ด้วยว่าพระภิกษุชาววัชชีพากันเข้าหาฝ่ายบ้านเมือง ทูลเสด็จพระเจ้ากาฬาโศกไปเป็นองค์อุปถัมภกได้สำเร็จ และตั้งปราการไว้ที่ด่านตรวจคนของนครเวสาลีมิให้คณะสงฆ์ที่อยู่ฝ่ายวินัยวาที ได้เข้าไปกระทำการสังคายนาตามที่นัดหมายกันไว้

เล่ากันว่าในเวลาต่อมาราตรีหนึ่งพระเจ้ากาฬาโศกบรรทมเกิดสุบินนิมิตว่า นายนิรยบาล จับเอาพระองค์ลงไปทอดในหม้อเหล็กน้ำทองแดงจนสะดุ้งตื่น มีความหวาดกลัวภัยเป็นกำลัง ในวันนั้นบังเอิญพระเจ้าน้องนางของเธอองค์หนึ่ง ซึ่งบวชเป็นภิกษุณีและได้บรรลุอรหันต์ ชื่อนันทาเถรี ทราบข่าวความแตกร้าวของสงฆ์ จึงเสด็จเข้ามาห้ามปรามพระเชษฐามิให้หลงเชื่อพวกวัชชีบุตร พระเจ้ากาฬาโศกจึงกลับพระหฤทัย รับสั่งให้มีการประชุมสงฆ์ทั้ง 2 ฝ่าย ณ มหาวันวิหาร ในสงฆ์ทั้ง 2 ฝ่ายแถลงเหตุผลกันในที่ประชุมซึ่งเสด็จฟังอยู่ด้วย ทรงพิจารณาแล้วโปรดเหตุผลสงฆ์ฝ่ายวินัยวาที จึงรับอุปถัมภ์ในการทำทุติยสังคายนา เพื่อชำระมลทินในพระศาสนา สถานที่ทำทุติยสังคายนาก็เลือกเอาที่วาลุการามวิหาร ณ เมืองเวสาลีนั่นเอง

พอพวกกระผมเข้าเมืองได้ก็โล่งใจกันขึ้นมามากขอรับ เจ้าชายเทวินทร์วรมันต์ได้รับการทูลเชิญไปประทับในราชวังของเวสาลีและมาเยือนที่วาลุการาวิหารเป็นครั้งคราว เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลในการอุปถัมภ์ค้ำจุนการสังคายนาให้ผ่านไปได้ด้วยดี น้องหญิงภาวิณีคงจะพอคาดเดาได้ว่า เจ้าชายจะต้องใช้สมาธิมากเพียงใดเพื่อมิให้จิตใจล่องลอยไปหาหญิงสาวชาวบ้านที่ช่วยเหลือพระองค์ไว้ในกลางป่า แต่เมื่อเสร็จสิ้นการสังคายนาก็ทรงปลงพระทัยได้ขอรับ ว่าควรจะกลับไปรับการสถาปนาและเข้าพิธีอภิเษก มิรู้ว่าสาวชาวบ้านคนนั้นเวลานี้อยู่หนใด จะได้ไปร่วมงานในวันนั้นหรือไม่หนอ แต่กระผมพอจะเดาได้ขอรับ ว่าเธอจะต้องมาแน่ๆ แต่จะด้วยสถานะใดไม่อาจรู้ได้

เข้าเรื่องการสังคายนากันต่อดีกว่าขอรับ…

ที่ประชุมได้ยกพระสัพพกามีมหาเถระศิษย์ของพระอานนท์เถระเจ้า ซึ่งมีพรรษาอายุกาล ๑๒๐ ปี สูงกว่าภิกษุทุกรูป ณ ที่นั้นเป็นประธาน และมีพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ที่สำคัญคือ พระเรวตะ พระสาฬหะ พระสาณสัมภูต พระยศ พระอุชชโสภิตะ ทั้ง ๕ รูปนี้ก็เป็นศิษย์ของพระอานนท์เถรเจ้าดุจกัน พระวาสภคามิ พระสุมนะเป็นศิษย์ขอพระอนุรุทธเถระเจ้า ที่ประชุมมีการคัดเลือกพระอรหันตสาวกเข้าร่วมประชุมอยู่ ๗๐๐ รูปเพื่อทำการสังคายนาโดยพร้อมเพรียงกัน

เวลาผ่านมา ๘ เดือนนับแต่วันแรกที่พระเจ้ากาฬาโศกทรงอนุญาตให้มีการชุมนุมที่เวลุการามวิหาร การสังคายนาพระไตรปิฎกจึงแล้วเสร็จ ผลการสังคายนาถือเอาคติตามแบบแผนตามมติของพระอรหันตเจ้าครั้งปฐมสังคายนา และพยายามที่จะรักษาจารีตเก่าตามที่ได้ตกลงกันไว้แต่คราวที่มีการสังคายนาในครั้งแรก โดยไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย การสังคายนาครั้งนี้จึงเป็นการซักซ้อมความเข้าใจกันให้หนักแน่นในการธำรงรักษาพระธรรมวินัย โดยปราศจากข้อเปลี่ยนแปลงใดๆในหมู่สงฆ์หมู่หนึ่ง

ทั้งนี้ กระผมยังไม่มั่นใจนักว่าเหตุการณ์จะสงบเรียบร้อยเสียทีเดียว เนื่องจากยังมีภิกษุชาววัชชีบุตรกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมการสังคายนา ในช่วงระยะเวลาแปดเดือนนั้น กระผมได้ข่าวมาว่าภิกษุกลุ่มนี้ ได้เที่ยวชักชวนคณะภิกษุต่างๆ ที่มีความคิดเห็นในทางลดหย่อนสิกขาบท และที่มีความเห็นประสงค์จะดัดแปลงแก้ไขพระธรรมเข้าเป็นพวกด้วยจำนวนหมื่น เหมือนดังว่าจะเตรียมการทำอะไรสักอย่าง

ประการใดก็ตาม กระผมก็ยังเชื่อว่า พระสัทธรรมจะยังคงไม่เสื่อมสลาย หากยังมีพุทธบริษัทสี่ที่คอยเกื้อกูลกันด้วยใจที่มุ่งหวังจะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้สืบทอดยืนยาวไปตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน ขอน้องหญิงภาวิณีโปรดวางใจ

หวังว่าคงสบายดีนะขอรับ กระผมจะตามเสด็จพระโอรสไปรับเจ้าหญิงแห่งสาวัตถีไปเข้าพิธีอภิเษกในเดือนหน้า หวังว่าคงจะมีบุญได้พบน้องหญิงที่นั่นอีกสักครั้ง

อ้อ เกือบลืมแน่ะขอรับ ครั้งหน้าหากจะส่งจดหมายมา ใช้ภาษาโกศลก็ได้นะขอรับ ทีแรกกระผมอ่านลายมือที่เป็นภาษาสิงหลแล้วเดาไม่ถูกว่าน้องหญิงมาจากแคว้นไหน รู้ได้อีกทีก็เมื่อสังเกตดูลักษณะของเจ้านกพิราบที่มีลวดลายและสีขนเป็นลักษณะเฉพาะของนกพิราบที่เลี้ยงในนครสาวัตถีจึงเดาได้ ส่วนน้องวตีแท้จริงเป็นเจ้าหญิงและน้องภาวิณีเป็นเหลนสาวของวิสาขามิคารมาตา กระผมเดาเอาทั้งสิ้น หากมีวาสนาจะมาขอคำเฉลยจากปากของน้องหญิงเองนะขอรับ

บุญรักษา
ศรีราม.

ความปีติยินดีเกิดขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่าอยู่ภายในใจ ภาวิณีอ่านทวนซ้ำเนื้อความในจดหมายอีกหลายรอบ เผลอทอดจินตนาการไปถึงเหตุการณ์ภายในวิหารเวลุการามว่าคงจะคราคร่ำไปด้วยพุทธบริษัทอยู่เป็นจำนวนมาก ศรีรามอาจจะนั่งอยู่ตรงไหนสักตำแหน่งของพระวิหารแล้วจดจำเรื่องราวต่างๆมาบันทึกไว้ในเวลาที่ว่างเว้นจากภาระ

…น้องหญิงภาวิณีคงจะพอคาดเดาได้ว่า เจ้าชายต้องใช้สมาธิมากเพียงใดเพื่อมิให้จิตใจล่องลอยไปหาหญิงสาวชาวบ้านที่ช่วยเหลือพระองค์ไว้ในกลางป่า…

แล้วสมาธิของคนเขียนเองเล่า มิได้บรรยายบอก หญิงสาวหรี่ตามองแผ่นหนังต่างหน้าผู้เขียน นึกอยากให้เจ้าตัวมาปรากฏกายเสียในเวลานี้

“จะดีหรือขอรับ”

เสียงที่คะนึงหามากระซิบอยู่ข้างหู ภาวิณียืนนิ่งไม่กล้ากระดิกตัว ด้วยเกรงว่าหากขยับนิดเดียวจะล้มพับไปซบกับไหล่เจ้าของเสียงนี้อีก




 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2554
1 comments
Last Update : 3 พฤษภาคม 2554 7:12:57 น.
Counter : 626 Pageviews.

 

ตอนเราเข้าค่ายธรรมมาปีที่แล้วม.4อะเราก็พูดแบบเนี่ยทำมะสะหวัดดี อิอิ

 

โดย: ตะวันเจ้าเอย 3 พฤษภาคม 2554 11:43:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
3 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.