เบื่อคำว่า Seniority.......ทำไงดี
วันนี่นอนดึกหน่อย เพราะอยากจะ Up blog ง่ะไม่ได้ Up ซะนานเลยก็อย่างที่บอกไปนะ ว่าเรื่องงานที่ยุ่งๆอยู่ตอนนี้ ก็คลี่คลายหายกังวลไปแล้วหล่ะมันเป็นบทเรียนที่ทำให้เรียนรูถึงความอดทนที่จริงเรื่องงานน่ะก็ไปสมัครไว้หลายที่อยู่เหมือนกันนะที่หนึ่งที่ได้ไปสัมภาษณ์ วันนั้นเค้านัดสัมภาษณ์กัน 4 คน โดยวันนั้นเค้าให้สัมภาษณ์ 2 รอบ กับชุดคนไทย 1 รอบ และกับฝรั่งอีกรอบ รอบละครึ่งชั่วโมงกับชุดคนไทย เราคิดว่าเราตอบคำถามด้วยความจริงใจถามว่าทำไมถึงมาสมัครก็ตอบไปตรงๆว่า โครงการที่ทำอยู่กำลังจะหมดปีนี้ ไม่ได้ตอบอะไรที่เวอร์ เช่น อยากพัฒนาตัวเอง อยากใช้ประสบการณ์ที่มีมาพัฒนางานนี้ หรืออะไรที่เวอร์ เราตอบไปตรงๆ จริงใจ เค้าก็มีคำถามยิงมาเยอะมาก แล้วถามว่าเราจะทำได้มั๊ย เราก็บอกไปว่า ทุกงานต้องเริ่มต้นจากการเรียนรู้ ไม่ได้ตอบว่าทำได้หรือไม่ได้ แต่เราพอใจกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เพราะเราตอบไปตรงๆส่วนกับชุดฝรั่ง เราก็ตอบคำถามตามที่เค้าถามได้นะ แต่รู้สึกว่าเค้าถามเราน้อยจัง ไม่ถามเยอะเหมือนชุดคนไทยก็แหงหล่ะ คนไทยเราคุยกันฮากว่าแล้วฝรั่งก็บอกว่า แล้วจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะเราก็รอการติดต่อกลับจากเค้า รอแล้ววววว รอเล่า ก็ไม่ติดต่อกลับมา ก็ทำใจแล้วว่า ไม่ได้แหง ถือว่าสมภาษณ์เอาประสบการณ์แล้วกันเราคงไม่ได้มาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ถ้าไม่ได้ฟังเรื่องเล่าจากพี่คนนึ่งพี่คนนี้บังเอิญทำงานอยู่ที่นั่น เค้าเล่าให้ฟังว่า ผลการสัมภาษณ์ ชุดคนไทยเลือกเรา แต่ชุดฝรั่งไม่เลอกเรา เค้าบอกว่าเรา ไม่มี Seniority ซึ่งการจะตัดสินรับคนนั้น ชุดคนไทย และชุดฝรั่งต้องเห็นพ้องตรงกันถึงจะรับคนนั้นได้ปรากฏว่าชุดคนไทยก็ไม่ยอมจะรับเราให้ได้ ทางฝรั่งก็ไม่ยอมจะรับอีกคนนึ่งซึ่งดูแล้วมีอายุ (ประมาณ 30 ปลายๆ)เพราะฝรั่งเค้าบอกว่าดูมี Seniority ดีเออ.....ก็ตกลงว่าตำแหน่งนั้นเนื่องจากความเห็นไม่ตรงกันเลยไม่รับทั้งเรา และคนนั้นเลย ต้องไปประกาศรับสมัครกันใหม่.....เฮ้อ...มีงี้ด้วยเราเลยอยากรู้ว่า ไอ้ Seniority เนี่ย เค้าดูที่หน้าตา หรือภาพลักษณ์เท่านั้นเหรอเบื่อคำๆนี้จริงๆ เพราะเคยมีประสบการณ์กับคำๆนี้มาบ้างแล้ว คนเราทำไมไม่ดูผลของงานกันบ้างเนอะยังไงก็ฝากเอาไว้คิดกันเล่นๆด้วยนะคะ
แล้วเราก็เบื่อมันมากๆเหมือนกัน
เบื่อจนเราตัดสินใจเดินหนีมันออกมาดีกว่า
ตอนนี้สบายใจกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้เจ้าของบ๊อกนะคะ