ดูทีวีออนไลน์ ดูทีวีย้อนหลัง ละครย้อนหลัง ช่อง 3 5 7 9 True AF8
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
8 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

โบรกแนะเก็งกำไร 9 หุ้นพื้นฐานแกร่ง ดัชนีแกว่งตัวในกรอบ ปัญหายุโรปยังไม่ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.49 น.


ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 30.70 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและแดนลบ โบรกเกอร์คาดดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบจำกัด หลังจากยังไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับการปัญหาหนี้ยุโรป โดยเฉพาะกรีซและอิตาลี เก็งกำไร 9 หุ้นเด่น ได้แก่ BGH, CPF, SCC, STEC,THCOM, DCC, HMPRO,GLOBAL,HEMRAJ

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: Sideways กรอบจำกัด

ความไม่แน่นอนของปัจจัยที่แวดล้อมจะสร้างความผันผวนในระดับสูงให้กับตลาดต่อไป ขณะที่ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ที่โดดเด่นมาชี้นำ จึงต้องอยู่กับปัจจัยเดิมๆ ต่อไปโดยยังต้องติดตามใกล้ชิดทั้งเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปที่ตอนนี้ให้น้ำหนักกับปัญหาของกรีซและอิตาลีจากปัญหาการเมืองที่ซ้ำเติม รวมถึงความเสี่ยงจากสถานการณ์น้ำท่วมภายใน อย่างไรก็ดี มอง SETI มีโอกาสดีดตัวในระยะสั้นได้ตามสัญญาณทางเทคนิคที่มีลุ้นการดีดตัวแถวแนวรับบริเวณ EMA (25) ที่ 953 จุด ขณะที่ยอดซื้อสุทธิของต่างชาติยังคงทรงตัวข้างซื้อทั้งในตลาดหุ้นและอนุพันธ์

กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นเน้นการซื้อเก็งกำไรแบบระมัดระวัง โดยจำกัดพอร์ตไม่ให้มากเกินกว่า 25-50% ในกรอบ 950-965 แนวต้าน : 960-965 แนวรับ : 953-950

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 25% : เงินสด 75%

ถือต่อในพอร์ต : BGH, CPF, SCC, STEC

หุ้นที่ปรับออก : BWG

หุ้นที่ปรับเข้า :THCOM เก็งกำไร FV 13.70 บาท แนวต้าน 9.50-9.70 แนวรับ 9.00 Cut loss 8.80

KGI ประเมินหุ้นไทยวันอังคารแกว่งตัวแคบ กรอบ 953-960 จุด เนื่องจากปัจจัยในยุโรปไม่มีทิศทางที่ชัดเจน สถานการณ์ในกรีซเป็นบวกมากขึ้นหลังจากนายกฯ กรีซคนเก่าคือนายปาปันเดรอู จะส่งมอบตำแหน่งให้กับนายลูคัส ปาปาเดมอส ซึ่งเคยเป็นรองประธาน ECB และเป็นคนที่ฝั่งรัฐบาลเดิมกับฝ่ายค้านตกลงกันได้ว่าจะให้เข้ามาดำรงตำแหน่งในรัฐบาลแห่งชาติกรีซ และน่าจะทำให้สถานการณ์ในสภาของกรีซไปได้ง่ายขึ้นนับจากนี้ไป อย่างไรก็ดีข่าวสารในอิตาลีเป็นลบ หลังจากนายกฯ เบอร์ลุสโคนียังคงมีปัญหาในสภาอย่างมากก่อนหน้าการอนุมัติงบประมาณในวันนี้ ท่ามกลางข่าวลือว่าเขาถูกกดดันให้ลาออก ซึ่งความไม่ชัดเจนต่างๆ ได้ดันให้ดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปีของอิตาลีแตะ 6.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดรอบกว่า 14 ปี และต้นทุนประกันความเสี่ยงประเทศอิตาลีขึ้นแตะ 512bps ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดที่ทำไว้ในช่วงเดือน ก.ย.

ส่วนปัจจัยในประเทศ น้ำท่วมเริ่มแผ่ไปยังฝั่งตะวันออกมากขึ้นและเป็นความเสี่ยงต่อนิคมอุตสาหกรรมอีก 2 แห่งได้แก่บางชันและลาดกระบัง ซึ่งต้องติดตามว่าหากน้ำไปท่วมสองนิคมดังกล่าวจะมีการปรับลดประมาณการ GDP อีกหรือไม่ โดยปัจจุบันนี้นักเศรษฐศาสตร์มอง GDP ปี 2554 กันระหว่าง 1.5-2.5%และดอกเบี้ยของไทยน่าจะเข้าสู่ขาลงแล้ว

กลยุทธ์: ดัชนีฯ น่าจะเปิดบวกบ้างจากหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดบวก และหุ้นพลังงานที่อาจขึ้นได้บ้างหลังราคาน้ำมันฟื้นตัวและงบไตรมาส 3/54 ของ TOP สูงกว่าตลาดคาด อย่างไรก็ดีปัจจัยในอิตาลีเป็นเรื่องหลักที่ต้องติดตามบ่ายวันนี้ จึงแนะให้ชะลอการลงทุนในหุ้นใหญ่ๆ ต่อไป ส่วนหุ้นที่น่าซื้อยังเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมและการลงทุนใหม่ๆ หลังน้ำท่วม เช่น DCC, STEC รวมทั้ง HEMRAJ ซึ่งน่าจะมีจิตวิทยาที่ดีหลังเป็นนิคมที่น้ำไม่ท่วม ส่วนหุ้นที่เราไม่ได้วิเคราะห์และน่าจะมีความสนใจเข้ามาจากประเด็นนี้ ก็มี HMPRO และ GLOBAL เป็นต้น

บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลีขึ้นไปสูงสุดที่ 6.57% เข้าไปใกล้ระดับ 7%

ซึ่งเป็นระดับที่หลายประเทศในยูโรโซน ต้องขอความช่วยเหลือจาก IMF แต่ด้วยปัญหาทางการเมืองในอิตาลีอาจทำให้การแก้ปัญหามีความซับซ้อนขึ้น ขณะที่ปัญหาการเมืองในกรีซ ก็แสดงให้เห็นว่าปัญหาการเมืองอาจเป็นอุปสรรคที่สำคัญในแก้หนี้ยุโรปในอนาคต ทำให้นักลงทุนยังคงระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาดมากนัก สำหรับปัจจัยในประเทศปัญหาน้ำท่วมยังประเมินผลเสียหายได้ยาก แม้ว่าจะมีความหวังว่าจะเริ่มคลี่คลายในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าก็ตาม อย่างไรก็ตามการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อทดแทนของที่ถูกน้ำท่วม ขณะที่การส่งออกที่สะดุดลงใน 2-3 เดือนข้างหน้า อาจกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ในระยะต่อไป ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตลาดหุ้น

กลยุทธ์การลงทุน: คำแนะนำยังเหมือนเดิม ระยะสั้นยังคงเน้นเก็งกำไรต่อไป โดยเน้นหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรวมถึงปัญหาหนี้ในยุโรปด้วย เช่น ADVANC KTB CPF HMPRO GLOBAL TUF BGH SCCC DCC STEC ITD HEMRAJ TASCO VNG TPC และ TTCL เป็นต้น อย่างไรก็ตามความเสี่ยงระยะกลางที่ยังคงมีอยู่ ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่ลดพอร์ตทำกำไรไปแล้ว แนะนำให้ Wait and See หรือเลือกเก็งกำไรตามสัญญาณทางเทคนิค ส่วนท่านที่มีต้นทุนสูงและยังไม่ได้ลดพอร์ต ยังคงแนะนำให้ทยอยลดพอร์ตเมื่อมีกำไร โดยมอง upside ของ SET index ปีนี้ไว้ที่ 1020 จุด ซึ่งอาจเห็นในช่วงเดือนธ.ค. แต่ให้พิจารณาจุด cut loss ทางเทคนิคประกอบด้วย




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2554
0 comments
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2554 12:01:32 น.
Counter : 472 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ตุ้งแง่ว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ตุ้งแง่ว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.