ดูทีวีออนไลน์ ดูทีวีย้อนหลัง ละครย้อนหลัง ช่อง 3 5 7 9 True AF8
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
3 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
โบรกแนะเก็งกำไร 24 หุ้นสดใส ดัชนีแกว่งขึ้น แรงซื้อฝรั่งทะลุ 6 หมื่นล.-ชอร์ตอนุพันธ์เพิ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.56น. ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากวานนี้มาอยู่ที่ระดับ 30.46 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ด้านตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนบวก โบรกเกอร์มองหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้น แต่ให้ระวังแรงขายต่างชาติหลังจากซื้อสุทธิทะลุ 6 หมื่นล้านบาท และเริ่มถือสถานะฝั่งขายในตลาดอนุพันธ์มากขึ้น เก็งกำไร 24 หุ้นเด่น ได้แก่ INTUCH, EASTW ,DCC, MAKRO , ROBINS, SAT, SINGER, BGH, AP, SCC, CFRESH, CPF, TUF, TVO, MINT,BIGC, CPALL, BJC, HMPRO, ADVANC, DTAC, THCOM, IRPC, CK ส่วนราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นจะส่งผลดีกับหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่ต้องระวังในหุ้นกลุ่มรับเหมา วัสดุก่อสร้าง และขนส่ง

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : Sideways up กลยุทธ์การลงทุน : ขึ้นขาย ลงซื้อ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังเทรดกันต่อในโมเมนตัมเชิงบวก แต่กรอบการปรับขึ้นไม่น่ามาก และจะอยู่ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปแบบ Sideways up เพื่อรอปัจจัยเสริม ซึ่งดูเหมือนจะยังไม่มีอะไรใหม่ๆ เข้ามา นอกเหนือจากเรื่องอีซีบีอัดฉีดสภาพคล่องแก่ธนาคารพาณิชย์ โดยตลาดรับข่าวไประดับหนึ่งแล้ว ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่ทยอยประกาศในช่วงนี้ แม้หลายตัวดูดีต่อเนื่อง อาทิ PMI ของจีน, ไต้หวัน, Chicago PMI, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ หากแต่บางตัวก็ดูอ่อนลง อาทิ ดัชนี ISM ภาคการผลิต, ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐที่ชะลอตัวลงในเดือนก.พ. ขณะที่ค่าเงินบาททรงตัวแถว 30.46 บาท/ดอลลาร์ ในเช้าวันนี้ (7.50 น.) และต่างชาติเริ่มถือสถานะฝั่งขายในตลาดอนุพันธ์มากขึ้น แม้ยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่น่าจับตาแรงซื้อใกล้ชิดมากขึ้น เนื่องจากสะสมหุ้นในรอบนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท จึงอาจเผชิญแรงเทขายได้เป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อหากมีปัจจัยทางลบเข้ามากระทบต่อตลาดหุ้น, ค่าเงิน

กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นยังเน้นเก็งกำไรแบบ “ขึ้นขาย ลงซื้อ” ในกรอบ 1158-1174 แนวต้าน : 1166-1174 แนวรับ : 1158-1153

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50-75% : เงินสด 50-25%

ถือต่อในพอร์ต : SAT, SINGER, BGH, AP, SCC

หุ้นที่ปรับเข้า :CFRESH แนวโน้มกำไรดี ปันผล 0.46 บาท/หุ้น yield 8.7% FV 8.6 กรอบเทรดระยะสั้น ต้าน 5.50 รับ 5.20 Cut loss 5.10 บาท

บล.ไทยพาณิชย์ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ Investment Theme: ราคาน้ำมันมีสัญญาณฟื้นตัว แนะนำซื้อกลุ่มพลังงาน แนวรับ: 1,159.42 / 1,156.48 แนวต้าน: 1,170.91 / 1,179.54

กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี เช่น IRPC PTTGC IVL หลังจากราคาน้ำมันดิบมีสัญญาณการฟื้นตัวรอบใหม่หลังจากปรับฐานไป 3 วัน แต่สำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความผันผวน แนะนำ ซื้อหุ้นปลอดภัย ได้แก่ SAT CPF AOT INTUCH DTAC ตามรายงานกลยุทธ์การลงทุนเดือน มี.ค.ของเรา

ประเด็นหลัก

ตัวเลขเศรษฐกิจจีน สหรัฐฯ และ ไทย ที่เพิ่งประกาศล่าสุดส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวได้ดีซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยในปี 2555

SET index ยังคงสามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ก.พ. โดยเราคาดว่ามีโอกาสสูงที่ SET index จะปรับตัวขึ้นไปถึง 1180-1200 จุด ภายในสัปดาห์หน้า

ตลาดหุ้นภูมิภาคเปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้: (8.00 น.) ญี่ปุ่น +0.92% เกาหลี +0.61% ออสเตรเลีย +0.26% ไต้หวัน +0.49% และสิงคโปร์ +0.50% หลังจากปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้: ฮ่องกง -1.35% ญี่ปุ่น -0.16% ออสเตรเลีย -0.96% ไต้หวัน -0.04% และสิงคโปร์ -0.51%

เจาะประเด็น

ตัวเลขเศรษฐกิจ จีน สหรัฐฯ และ ไทย ที่เพิ่งประกาศออกมาล่าสุด ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวได้ดี – วานนี้จีนประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือน ก.พ. ออกมาขยายตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51 ส่วนสหรัฐฯประกาศตัวเลข ISM ภาคการผลิต เดือน ก.พ. ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์แต่ตัวเลขยังคงอยู่ที่ระดับ 52.4 (สูงกว่าระดับ 50 จุดถือว่ารับได้) ในขณะที่ตัวเลขด้านการจ้างงานดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วน ตัวเลข CPI เดือน ก.พ.ของไทยเพิ่มขึ้น 3.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นการชะลอตัวลงจากเดือน ม.ค. การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากราคาพลังงาน ส่วนราคาอาหารยังคงเพิ่มขึ้นไม่มาก ทำให้เราคาดว่า กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.0% จนถึงสิ้นปี 2555 ทั้งนี้ โดยสรุปแล้ว พบว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในภาคการผลิตของประเทศสำคัญยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและไทย ทำให้เราประเมินต่อไปว่านักลงทุนจะเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและทำให้นักลงทุนต่างชาติยังคงปรับพอร์ตเพื่อลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในปี 2555

SET index ยังคงสามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ก.พ. โดยเราคาดว่ามีโอกาสสูงที่ SET index จะปรับตัวขึ้นไปถึง 1180-1200 จุด ภายในสัปดาห์หน้า – ตลาดหุ้นไทยในเดือน มี.ค.ยังคงได้รับ Momentum ขาขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ก.พ.ถึงแม้ว่าดัชนีฯจะมีการอ่อนตัวลงบ้างแต่ก็สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ ทั้งนี้ยังคงเห็นแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาต่อเนื่องในหุ้นขนาดใหญ่จากอิทธิของสภาพคล่องในตลาดการเงินทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงอัดฉีดเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบ โดยล่าสุด ECB ได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระดับผ่านโครงการกู้เงิน LTRO ถึง 2 รอบ มีมูลค่ารวมกันประมาณ 1 ล้านล้านยูโร ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในยุโรปลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับวันนี้ เราคาดว่า หุ้นกลุ่มพลังงานมีโอกาสกลับมาเป็นกลุ่มนำตลาดฯ หลังจากเห็นสัญญาณว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวขึ้นรอบใหม่หลังจากพักตัวมาแล้ว 3 วัน โดยมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีนซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนให้ดัชนีฯมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปได้ถึง 1180-1200 จุด ได้ภายในสัปดาห์หน้าซึ่งเรายังคงไม่เห็นว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะมากดดันตลาดฯนอกจากการขายทำกำไรระยะสั้น

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดยังมีแนวโน้มแกว่งขึ้นต่อเนื่อง แต่ควรเลือกหุ้นในการเข้าซื้อด้วย...

กลยุทธ์: เรามองว่าตลาดยังมีแนวโน้มขยับขึ้นต่อได้ แต่ก็มีความเสี่ยงมากขึ้นจากราคาน้ำมันที่ยังคงพุ่งสูง ดังนั้นยังควรเข้าซื้อในลักษณะ Selective Buy อยู่ โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มอาหาร (CPF, TUF, TVO, MINT); กลุ่มค้าปลีก (BIGC, CPALL, BJC, MAKRO, HMPRO) และกลุ่มสื่อสาร (INTUCH, ADVANC, DTAC, THCOM) ส่วนราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นจะส่งผลดีกับหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่ต้องระวังในหุ้นกลุ่มรับเหมา วัสดุก่อสร้าง และขนส่ง

หุ้นเด่นทางเทคนิค IRPC, CK, GLOBAL(SBL)

แนวโน้ม แม้ว่าวันก่อนจากความเห็นของประธานเฟดจะสร้างความผิดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ (QE3) จากทางสหรัฐไปบ้าง แต่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลง ยังช่วยหนุนให้นักลงทุนคาดหวังการฟื้นตัวของตลาดแรงงานของสหรัฐได้ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารของหลายประเทศก็เริ่มกลับมาขยับขึ้นได้อีกครั้ง จากความหวังที่ว่าการอัดฉีดสภาพคล่องครั้งใหม่ของ ECB จะช่วยคลี่คลายวิกฤติการเงินของยูโรโซนลงได้ ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังมีลุ้นโอกาสแกว่งขึ้นต่อเนื่อง ด้วยเม็ดเงินของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังให้ความสนใจในตลาดหุ้นไทยอยู่มาก อย่างไรก็ตามต้องระวังจังหวะแกว่งตัวผันผวนของ SET ไว้ด้วย เนื่องจากแรงกดดันของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบกับต้นทุนของ บจ.ต่างๆ และเป็นปัจจัยลบกับการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกได้

แนวรับ 1162-1158 , 1152-1146 จุด แนวต้าน 1166-1170 , 1176-1184 จุด

KGI แนะ เลี่ยงกลุ่มหลัก ให้เล่นกลุ่มอาหาร + ค้าปลีก ประเมินตลาดหุ้นไทยวันศุกร์บวกต่อ จากแรงผลักของเงินทุนไหลเข้าซึ่งแรงกว่าที่เราคาดไว้รวมทั้งจิตวิทยาที่ดีจากตลาดหุ้นฝั่งยุโรปที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 1.5% หลังจากเม็ดเงินปล่อยกู้ของธนาคารกลางยุโรปหนุนหุ้นธนาคารในประเทศที่เกี่ยวข้อง ส่วนฝั่งสหรัฐฯ นั้นถึงแม้ว่าดัชนี ISM ภาคการผลิตจะต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้และลดลงจากเดือน ม.ค. แต่โดยรวมๆ ดัชนีก็ยังยืนในระดับที่ดีจึงไม่ได้กระทบตลาดมากนัก และมีแรงหนุนจากตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ SET ยังจะมีแรงหนุนในระดับหนึ่งจากกลุ่มพลังงาน หลังจาก i) ราคาน้ำมันดูไบพุ่ง 3% เนื่องจากมีข่าวลือ (ภายหลังปฎิเสธแล้วแต่ก็ยังมีผลต่อตลาดอยู่บ้าง) ว่าเกิดไฟไหม้ที่ท่อส่งน้ำมันของซาอุฯ ii) เครื่องชี้ภาคการผลิตของจีนแข็งแกร่งกว่าที่คาด (ดัชนี PMI เดือน ก.พ.) และ iii) น่าจะมีแรงซื้อหุ้น PTT* มากในวันนี้ก่อนการขึ้น XD เงินปันผล 7 บ. ต่อหุ้นในวันจันทร์หน้า (5 มี.ค.) ขณะที่หุ้นธนาคารน่าจะไม่หวือหวานักเราคิดว่ากระแสทุนต่างชาติที่เข้ามาที่ SET ในระดับราคานี้ จะให้ความสนใจกับหุ้นที่เสี่ยงไม่มากนักและมีการเติบโตในระยะยาวที่ดี เช่นกลุ่มการบริโภค กลุ่มอาหาร และกลุ่มค้าปลีก เป็นต้น

สำหรับในสัปดาห์หน้า ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ i) วันที่ 8 มี.ค. กรีซจะพยายามสรุปเงื่อนไขต่างๆ ของการแลกเปลี่ยนพันธบัตร (PSI bond swap) ให้ได้ เพื่อเข้าสู่งานเอกสารต่างๆ ก่อนที่กรีซจะต้องชำระคืนหนี้ก่อนใหญ่ในวันที่ 20 มี.ค. มูลค่า 1.45 หมื่นล้านยูโร และ ii) ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันที่ 9 มี.ค.ซึ่งจะมีความสำคัญต่อแนวนโยบายการเงินสหรัฐฯ หลังจากเฟดลดความหวังต่อ QE ไปเมื่อสองวันก่อน

กลยุทธ์: นักลงทุนควรเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานและแบงก์ เนื่องจากที่ราคานี้มีความเสี่ยงสูงต่อการปรับฐานแรงๆ เราคงแนะให้ซื้อหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสูงๆ เช่น INTUCH, EASTW และ DCCและหุ้นกลุ่มค้าปลีกซึ่งเป็นกลุ่มที่แนวโน้มการเติบโตสูงที่สุดกลุ่มหนึ่งในปี 2555 และได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ เราชอบ MAKRO (ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 345 บ.) และ ROBINS



Create Date : 03 มีนาคม 2555
Last Update : 3 มีนาคม 2555 14:12:03 น. 0 comments
Counter : 439 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ตุ้งแง่ว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ตุ้งแง่ว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.