|
น้ำท่วมฉุดกำไรประกันภัยQ4สะดุด กระทบยาวถึงกลางปีหน้าภาระสำรอง-สินไหมอื้อ
น้ำท่วมซัดกำไรบริษัทประกัน ไตรมาส 3 สะเทือน หลายบริษัทเตรียมรับมือล่วงหน้า ทยอยเพิ่มสำรองสินไหม คาดไตรมาส 4 กระทบอื้อ ชี้ลากยาวถึงกลางปีหน้า
นางปุณฑริกา ใบเงิน รองกรรมการ ผู้จัดการอาวุโส บมจ.เมืองไทยประกันภัย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผลจากความเสียหายที่เกิดจากมหันตภัยน้ำท่วม คาดว่าบริษัทประกันภัยเกือบทุกแห่งจะต้องทยอยตั้งสำรองค่าสินไหมกันตั้งแต่ไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ และน่าจะมีบางส่วน เช่น ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ หรือโรงงาน ที่มีความซับซ้อนในการสำรวจและประเมินความเสียหาย ก็อาจจะทำให้กระทบต่อสำรองและค่าสินไหมไปจนถึงไตรมาส 1-2 ของปี หน้าด้วย
"ส่วนของเมืองไทยประกันภัยได้ตั้งสำรองล่วงหน้าไว้ระดับหนึ่งแล้ว เพราะเราก็ต้องคำนึงถึงหลักความระมัดระวังไว้ก่อน ซึ่งประมาณการจากข้อมูลที่มีอยู่เบื้องต้นจากต้นทุนสินไหมที่เคยเกิดขึ้น รวมถึงการประกันภัยต่อเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงภัยที่มีอยู่อีกชั้นหนึ่งแล้ว" นางปุณฑริกากล่าว
ทั้งนี้ ในหมายเหตุประกอบงบการเงินของ บมจ.เมืองไทยประกันภัย ณ 30 ก.ย. 2554 ได้ชี้แจงว่า ได้สำรองเงินไว้เพิ่มขึ้นสำหรับกรณีภัยน้ำท่วมครั้งนี้ 100 ล้านบาท เช่นเดียวกับ บมจ.ทิพยประกันภัย ที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ได้ประมาณการสินไหมเพิ่มขึ้นอีก 134.41 ล้านบาท สำหรับภัยครั้งนี้ ซึ่งทำให้เกิดผลขาดทุนจากการรับประกันภัยในไตรมาส 3/54
แม้จะตั้งสำรองเพิ่มขึ้นไปบางส่วนแล้ว แต่บริษัทประกันภัยส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างประเมินความเสียหายที่ชัดเจน ซึ่งจะสะท้อนในงบการเงินสำหรับไตรมาสถัดไปที่จะมีภาระค่าสินไหมส่วนหลักและการตั้งสำรองสินไหมอีกด้วย จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะกระทบต่อผลประกอบการของไตรมาส 4/54
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทิพยประกันภัย กล่าวว่า บริษัทได้ประเมินความเสียหายเบื้องต้นที่อาจจะกระทบต่อสินไหมของบริษัทสุทธิประมาณ 300 ล้านบาท จาก มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนที่เหลือจะเป็นการทำประกันภัยต่อไว้ หลังจากนี้ก็จะดำเนินการด้านสินไหม รวมถึงสำรองสินไหมจากกรณีนี้เพิ่มเติมในไตรมาสต่อไปด้วย
"เบื้องต้นเราประเมินจากระดับความเสียหายของลูกค้าในภาพรวม เช่น กลุ่มธุรกิจที่มีระดับการใช้เทคโนโลยีและอุปกรณอิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างสูง ก็จะประเมินความเสียหาย 50-60% ของความคุ้มครอง ส่วนกรณีรถยนต์คาดว่าจะมีลูกค้าได้รับความเสียหายประมาณ 700 คัน สินไหมประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งประมาณการดังกล่าวอยู่บนสถานการณ์น้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรมเพียง 7 แห่ง หากเกิดเหตุเพิ่มเติมก็ต้องประเมินความเสียหายใหม่"
ด้านนายเรืองเดช ดุษฎีสุรพจน์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.สินมั่นคงประกันภัย กล่าวว่า บริษัทได้ทยอยตั้งสำรองสินไหมเพิ่มขึ้นไว้บางส่วนตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากตัดสินใจไม่ซื้อประกันภัยต่อเพื่อคุ้มครองความเสียหายส่วนเกิน (Excess of Loss) ดังนั้นผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสนี้จึงไม่มาก
"หลังจากนี้อาจเห็นหลายบริษัททยอยตั้งสำรองและค่าสินไหมเพิ่มขึ้นในไตรมาสต่อไปอย่างแน่นอน แต่คงไม่มีสูตรที่ชัดเจนว่าจะมากน้อยแค่ไหน โดยทั่วไปประกันภัยรถยนต์ก็น่าจะรับรู้ค่าสินไหมได้หมดภายในไตรมาส 1/55 แต่ถ้าเป็นประกันภัยทรัพย์สินที่สำรวจภัยยากหน่อยก็อาจจะยังต้องตั้งสำรองเผื่อเอาไว้ และไปรับรู้สินไหมในช่วงถัดไป"
Create Date : 24 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2554 0:11:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 425 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|