* คนเรา เกิดมา สมมุติชีวิตมี 5 ส่วน แบ่งเป็น กรรมเก่าติดตัวมา 2 ส่วน กรรมใหม่ที่สร้ายภายหลัง 3 ส่วนที่เราทำเองในชาตินี้ การที่เราต้องเจ็บป่วย พิการ นั้นก็มาเพราะกรรมเก่าที่ติดตาม ที่ต้องชดใช้ .....แต่กรรมใหม่เราก็เลือกทำเพิ่มได้ คนที่วัดตายแล้วหน้าตาเหมือนหมู ร้องเสียงเหมือนหมูถูกฆ่า เพราะก่อนตายมีอาชีพฆ่าหมูขาย....จึงต้องรับกรรมนั้น มีชีวิตอยู่เราเลือกได้ว่าชีวิตนี้จะเลือกทำดีหรือทำไม่ดี..... แต่ที่สุดแล้วไม่มีใครหนึพ้นกรรมได้ * คนเราเกิดมามันต้องมีความรู้สึกท้อแท้ หดหู่ เป็นบางครั้ง ยามมีปัญหา แต่เราก็ต้องพยายามทำใจให้เข้มแข็ง ต่อสู้กับปัญหา * เราควรใช้เวลาก่อนนอน สัก 15 นาที ถามตัวเองว่า เราทำหน้าที่ของเรา ดีที่สุดหรือยัง เมื่อทำดีที่สุดแล้ว ให้พิจารณาถึงความไม่เที่ยง ยอมรับความเป็นจริง ว่าเราหนีความตายไม่พ้น คนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาดพลั้ง ผิดก็แก้ไขปรับปรุงตน...ตรวจสอบตัวเองทุกวัน * การกินอะไรก็ตาม ถ้ากินมากเกินไป ก็ตายได้....ตัวอย่าง ลูกศิษย์กินทุเรียน เช้ากลางวันเย็นไม่แบ่งใครกินเยอะมาก เช้ามาตายเลย กินมากเกินไป (ความตายอยู่ใกล้เราแค่นี้เอง) * มีชีวิตอยู่อย่าท้อแท้ ชีวิตต้องเจออุปสรรคกันทั้งนั้น ปัญหา สอนให้เรา ต้องมีความอดทน มีความเพียร ซึ่งจะทำให้พ้นทุกข์ได้ * เมื่อเจอปํญหา ให้ถามตัวเองว่า.... ถ้าพระพุทธเจ้าเป็นเราท่านจะทำอย่างไร จะแก้ไขอย่างไร....ท่านจะสู้ไหม เราเป็นศิษย์ท่านเราจะทำอย่างไร ปัญหามาทดสอบ มาทำให้เราเข้มแข็ง เราจะทำอย่างไร เกิดมาต้องเจอปัญหากันทั้งนั้น คนที่วัดกระโดดตึกชั้น 5 ลงมาตาย....ร่างเละ ก็เอาไปเผา มีอีกคนขาหัก 2 ข้างโดดตึกไม่ตายเพราะโดดจากชั้น 2 ท่านจึงแนะว่าถ้าอยากตายต้องไปชั้น 5 ตายสมใจแน่นอน ตอนนี้อยากตายอีกไหม.....เขาตอบว่าตอนนี้ไม่อยากตายแล้ว ไม่ตายแต่ทรมาณ สร้างทุกข์แก่ตน แก่คนดูแล หมอพยาบาล เดือนร้อนไปหมด..... * ความสุข เกิดได้ด้วยเรามีเมตตา คิดดี ไม่คิดร้ายกับใคร ไม่โกรธ ไม่อาฆาต ไม่พยาบาทกับใคร จิตใจเราก็จะดี มีความสุข * ปัญหาต่่าง ๆ ที่เข้ามา ให้เราอดทน อดทน ให้ได้ทุกปัญหา แล้วก็มีความเพียรไม่มีที่สิ้นสุด แล้วก็จะผ่านปัญหาต่าง ๆ ไปได้ * สุขและทุกข์ แท้จริงอยู่ในใจ ซึ่งเราปรุงแต่งขึ้นมาเอง ทุกอย่างอยู่ที่ความคิด วิธีคิด คิดีก็มีสุข มองโลกแง่ดี คือมีเมตตา คิดว่าเราจะทำอะไรให้เขาได้บ้าง ช่วยอะไรเขาได้บ้าง..... * ทำใจให้เบิกบาน ทำบุญกุศลให้มาก อย่าขี้เกียจ * การมีชีวิต อยู่ต้องทำประโยชน์ให้ได้แก่ตัวเอง และเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น นี่คือความหมายของการเกิดมา * พูด ทำ เรื่องดี ๆ ยิ้มเยอะๆๆๆ แล้วแผ่เมตตาไป.....จิตเราก็จะมีสุข * เวลาหลวงพ่อเหนื่อยมาก แล้วมันรู้สึกง่วง ความง่วงเข้ามา ท่านก็ยิ้มรับ ยิ้มเยอะๆๆ ยิ้ม ต้อนรับความง่วง รู้แล้วความง่วงจงไปเสียเถิด ก็ไม่ง่วง มีแรงทำงานต่อไป * บางวันทำงานเหนื่อยจริง ๆ แต่ก็มีความสุข ไม่ใช่ทุกข์ ความเหนื่อยล้า ก็ทำให้การควบคุมสติตนเอง บกพร่องได้ เช่นพูดผิด ลืมโน่นลืมนี่ไป มันเป็นความเสื่อมของร่างกาย ของสังขารต่าง ๆ เสื่อมไปตามอายุที่มากขึ้น เป็นธรรมดา * ฝึกให้มีสติ คือสิ่งที่เราจักต้องทำ ทำยากแต่ต้องทำ ฝึกจิตให้มีเมตตา จิตจะไม่เศร้าหมอง เบิกบาน แจ่มใส สงบ เย็น หนักแน่น สุขุม รอบคอบ มีสุข ความสุขเกิดกับเราแล้วก็จะเกิดกับผู้อื่นด้วยเช่นกัน * เรื่องของอนาคต มันเป็นไปตามกรรม สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ทำหน้าที่ของเรา ณ ปัจจุบันต่อไปเรื่อย ๆ มีหน้าที่ก็ทำไป ถ้าเราตายไปแล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าใครจะทำต่อสานต่อ เดี่๋ยวมันก็เป็นไปของมันเอง * การให้ทางคนที่รีบร้อนไปก่อน การเปิดทาง นำทาง ให้คนอื่น เวลาเรามีปัญหา เราจะไม่จนทาง จะมีคนเปิดทางให้เช่นกัน คนปฏิบัติธรรม ต้องเริ่มจากมีเมตตาก่อน เมตตาไปมาก ๆ เราก็จะมีความสุข ความสุขอยู่ที่ใจ ใจที่คิดจะให้ย่อมเป็นสุข