วัฒนธรรมการดูกีฬาของคนไทย เปลี่ยนไปหรือเหมือนเดิม
จะให้ผมย้อนกลับไปเมื่อช่วงเวลาที่ผมยังเป็นเด็กการที่จะได้รับการติดตามชมกีฬา ตามกระแสของสังคมยุคนั้นในช่วงที่ผมจำความได้ ก็คือต้องใช้สื่อทางโทรทัศน์ แต่ถ้าผมจำไม่ผิดยังมีคนรุ่นเก่าบางท่านยังใช้วิธีการฟังคำบรรยายการเล่นกีฬาผ่านทางวิทยุ น่าจะซักประมาณ 24 - 25 ปีที่แล้ว เป็นวิทยุยี่ห้อธานิน เครื่องสีดำ ด้านหน้าเป็นพลาสติก ด้านหลังปุด้วยไม้อัดสีน้ำตาล ถ่านไฟที่ใช้ก็เป็นยี่ห้อฤษีขี่เสือ จำไม่ผิดตรากบสมัยนั้นผมเคยเห็นแต่ในโฆษณา แต่ที่ภาคใต้นิยมใช้ยี่ห้อนี้มากกว่า ตอนนี้ผมอายุผมก็ปาเข้าไป 34 ปี แล้ว ใครสักคนที่อยากจะร่วมชมกีฬาบ้านไหนที่มีโทรทัศน์ชาวบ้านก็จะแห่กันมาดูบ้านหลังที่มีโทรทัศน์ซึ่งเป็นบรรยาการศที่อบอุ่นมาก ถึงแม้โทรทัศน์ 30 ปีก่อน มักจะเป็นจอขาวดำแต่การได้ชมภาพการเคลื่อนไหวผ่านทางจอเงินที่มีเพียงสีขาวและดำก็สร้างบรรยากาศที่คึกครี้นได้เป็นอย่าง ช่วงเวลานั้นนักกีฬาที่ดังมากก็คงจะเป็น เขาทราย กาแลกซี่ ในช่วงเวลาของมวยสากล ที่ถึงขนาดคนไทยทั้งประเทศต้องหยุดเพื่อที่จะมาฟัง หรือชมการถ่ายทอดสดกับการแข่งขัน ชนิดเรียกว่าทำให้เมืองไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวของรถราบนท้องถนนกันเลยทีเดียว
ซึ่งหากมองดูให้ดีๆ แล้ว การที่คนไทยหยุดดูหรือชมกีฬาแบบชนิดที่ว่านัดไหนดัง คนไหนแข่งคนไทยก็จะพร้อมออกพร้อมใจกันไปเชียร์ หรือตั้งหน้าตั้งตากันพร้อมใจกันที่จะหยุดดู ส่งเสียงเชียร์หรือไปร่วมให้กำลังใจกันถึงขอบสนาม จนเป็นเรื่องที่คุ้นชิน ซึ่งกลายเป็นวัฒนธรรมไปในแบบคนไทยดูกีฬาไปโดยปริยายซะแล้ว อย่างการแข่งขันกีฬาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบ้านเราถึงกับหยุดเคลื่อนไหว ก็คือการแข่งขันของฟุตบอลทีมชาติไทยเพื่อทำการ คว้าลำดับในการไปแข่งบอลโลกครั้งหน้าที่จะถึง หลายคนหลายท่านอาจจะรู้สึกลึกอยู่ในใจว่าความสำเร็จมันอาจจะมีน้อยนิดแต่ก็อดที่จะไปให้กำลังใจนักกีฬาบ้านเราไม่ได้ ซึ่งการเชียร์ในแบบคนไทยก็มีเอกลักษณ์น่าสนใจ สนุกน่าติดตามมีสีสันของทั้งกองเชียร์ การจัดบูธทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นกระแสการชมกีฬา จนอาจจะเรียกได้ว่าหากมีการแข่งขันกีฬาชนิดใดที่ไหนเกิดขึ้น หากไม่มีสีสันกองเชียร์ หรือไม่มีบูธขายสินค้า และกิจกรรมก็อาจจะเรียกได้ว่าการจัดงานยังไม่สมบูรณ์ ผู้ชมเองก็มีการแต่งตัวให้เข้ากับการเข้าร่วมเชียร์ให้กำลังใจ อย่างที่เป็นกระแสต่อเนื่องของวอลเล่บอลไทย ก็น่าสนใจไม่เช่นน้อยเพราะนับตั้งแต่ทีมวอลเล่บอลหญิงแม่เนื้ออ่อน (แต่ขาหรือแขนของคุณเธอคงไม่อ่อนแน่นอนเพราะตบทีหนึ่งลูกบอลมันลอยพุ่งไปกันอย่างรวดเร็วรุนแรงมาก) ก็มีกระแสแฝนคลับให้ความสนใจจัดตั้งเป็นเว็บไซค์และใช้สือออนไลน์อย่างเฟสบุ๊คในการเข้าถึงแฟนคลับ ให้ข้อมูลข่าวสารในการติดตามผลงานของทีมวอลเล่บอลหญิงอย่างต่อเนื่อง มีการทำเสื้อ ซี่งดูแล้วก็คงเริ่มจะไม่แตกต่างจากฟุตบอลไทยลีค ต่อไปในอนาคตซึ่งมีแต่จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ กับกีฬาชนิดนี้ การทีมีรูปลักษณ์ สัญลักษณ์ เหมือนกันเพื่อนเป็นการบอกว่าเราร่วมเชียร์อยู่นั้น ก็เป็นความสดใสน่าสนใจสนุกสนานรวมกลุ่มกันได้อย่างเข้มข้นเข้มแข็งขึ้น
แต่หากจะให้พูดถึงเรื่องดูกีฬาของคนไทย ผมว่ายังแย่อยู่มิใช่น้อยเพราะยังมีผู้ชมบางคนบางกลุ่มที่ยังมีแนวคิดเดิมๆ ที่ทำตัวแย่ๆเป็นนักเลงอันพาล ทำให้เป็นปัญหาระดับชาติจนเป็นเรื่องยากที่จะเยียวยาคือเรื่องทีมแพ้คนไม่แพ้ ก็กำลังจะกลายเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ต่างจากความคลั่งไคล้ทีมกีฬาของประเทศอื่นๆ ที่เขาไม่พอใจการแข่งขัน ก็หันมาห้ำหันกันเองจนทำให้เกิดการนองเลือดเสียชีวิตขึ้น นอกจากผู้เล่นต้องมีจิตใจเป็นนักกีฬาเต็มร้อย ผู้ชมเองก็ต้องมีจิตใจของความเป็นนักกีฬาให้สมศักดิ์ศรีของทีมที่ตนเชียร์อยู่นั้นถึงจะเรียกว่าถูกต้อง ไอ้ครั้นจะมาออกกฏหมายเพื่อที่จะควบคุม การชมกีฬา ผมมองว่า "การที่คนเราตั้งกฎ หรือกฏหมายขึ้น ยิ่งมากยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเหลวแหลกเลวร้ายของสังคมมากขึ้นเช่นกัน" ฉนั้นเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมความยึดมั่นในความมีน้ำใจนักกีฬา ต่างหากที่สมควรจะต้องปลูกฝังให้กับผู้ชม ผู้เชียร์ ยิ่งทีมเราแพ้เราต้องยิ่งให้กำลังใจช่วยกันผลักดันให้นักกีฬาให้มีใจสู้ ผลักดันให้ผู้ชมกลายเป็นผู้ชมที่ดี ผลักดันให้กลายเป็นกีฬาที่ดี และแล้วก็จะกลายเป็นวัฒนธรรมการชมกีฬาที่ดี
Create Date : 11 เมษายน 2555 |
Last Update : 11 เมษายน 2555 1:04:25 น. |
|
11 comments
|
Counter : 897 Pageviews. |
|
|