ไอ้ช่วงรักใหม่ๆ หรือที่เราๆเรียกกันว่าช่วงโปรโมชั่นเนี่ย มันก็สดชื่นดีหรอกแต่พอหมดโปรแล้ว อะไรหลายๆอย่างที่ขัดเคืองใจ มันคือสิ่งที่คู่รักต้องปรับตัวเข้าหากันทุกคน มาจากต่างครอบครัว ต่างการเลี้ยงดู ต่างความคิดขนาดคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมาเป็นสิบปี ยังทะเลาะกันได้เลย ประสาอะไรกับพวกนาย จริงมั๊ยข้อแนะนำอย่างนึง ในฐานะที่ ทิพกับคุณชายมีความชอบเหมือนกัน แต่ถูกเลี้ยงดูต่างกันสุดโต่งทิพมักจะทะเลาะกับคุณชายด้วยเรื่องยิบย่อย ไอ้ประเภททิพทำนู่นนี่นั่นให้เยอะแยะ แต่เค้าไม่เห็นช่วยทำเลยวิธีคิด ความรับผิดชอบ ความขวยขวาย หรือแม้กระทั่งวิธีใช้เงินซื้อของเล็กๆน้อยๆ ยังทะเลาะกันได้นิสัยหลายๆอย่างของคุณชายที่ทิพไม่ชอบใจ แต่ทิพไม่พยายามเปลี่ยน ทิพแค่บอกว่า เออ ทิพไม่ชอบนะ จบถ้าเค้าจะแก้ก็แก้เพราะเค้าอยากจะทำ ไม่ขอสัญญาให้เลิกทำ เพราะทิพบอกแต่แรกว่า "ทิพยอมรับทุกสิ่งที่เค้าเป็น และทิพรักเค้าที่ตรงนี้" ไม่ใช่พูดแต่ปาก เพราะทิพหมายความตามนั้นจริงๆตัวคุณชายเอง อะไรที่ทิพบอกว่าไม่ชอบ และอยู่ในวิสัยที่เค้าจะแก้ได้ เค้าก็ปรับเปลี่ยนให้ทิพแต่ถ้ามันเป็นสันดาน ให้ตายก็เปลี่ยนไม่ได้ ก็ต้องยอมรับกันไป ปรับใจตัวเอง ว่านี่คืออีกด้านของคนที่เรารักในขณะเดียวกัน นิสัยชอบเกาะตัวเพื่อนของทิพ คุณชายก็ไม่ชอบให้ทิพแตะตัวผู้ชายอื่น มันก็เป็นอะไรที่ทิพแก้ได้ เพื่อความสบายใจของเค้า ทิพก็แก้ให้ แต่ติดแชท เลิกไม่ได้ 555ทิพเป็นคนติดเพื่อน ติดนิยาย แล้วก็บ้างานพอตัว ในขณะที่คุณชายติดเกมส์ เล่นได้ทั้งวันทั้งคืนจากการคบกันมา 2 ปี ทิพก็พบว่า เราไม่ตำเป็นต้องเจอกันตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องคุยกันตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันก็แค่แบ่งเวลามาเจอกันบ้าง วันละ 3-4 ชม. ถ้ามีเรื่องคุยก็คุย ถ้าไม่มี ก็ทำนู่นทำนี่ของตัวเองไป แค่ให้รู้สึกถึงตัวตนของอีกฝ่าย ที่อยู่ใกล้ๆเราก็เพียงพอแล้ว แต่อย่างว่า ทิพเป็นคนไม่ชอบเล่าชีวิตประจำวันให้ใครฟัง ยกเว้นว่ามีเรื่องตื่นเต้นมากๆ ถึงจะเล่าได้ทิพก็จะเป็นฝ่ายฟังเค้าพูดมากกว่า บางทีเค้าก็งอนที่เอ๊ะ ทิพไม่เห็นเล่าอะไรให้เค้าฟังเลยนะไม่เห็นว่าเค้าสำคัญหรอ ถึงไม่เล่า ไรงี้ แต่ทิพว่า แฟนกัน ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องอะทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัว ที่ไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวายทั้งนั้นและการที่ไม่บอกเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ได้หมายถึงไม่ให้ความสำคัญกับตัวคนฟังแต่หมายถึง เรื่องที่ไม่เล่านั้น ไม่สำคัญ หรือเล่าไป ก็ไม่ก่อให้เกิดผลดี จึงเลือกที่จะไม่เล่าการคบกัน เราต้องวางใจซึ่งกันและกัน เชื่อใจว่า อีกฝ่ายเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเรา และเราก็เช่นกันต้องเชื่อใจกัน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะชายตาแลใคร อย่าได้คิดเลยเถิดไปว่า เค้าสนใจมันก็แค่มีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดสายตาให้หันไปมองเท่านั้นละทิพยังเหล่หนุ่มหุ่นดีๆให้คุณชายเห็นบ่อยไป ไม่เหล่ธรรมดา ชี้ให้ดูอีกตังหากแน่ะพอๆกับที่ ทิพจะงอนมากกกกก ถ้าคุณชายเหล่สาวสวย หุ่นดี แต่ไม่เรียกให้ทิพดูมั่ง ถ้าเรียกจะไม่เคืองเลย 555อย่างที่บอก การคบกัน มันต้องปรับตัว ปรับนิสัยกันเยอะอย่างทิพนี่ ที่พวกนายบอกว่า เป็นแม่ศรีเรือนชะมัด นี่ก็ปรับเพราะคุณชายนี่ละก่อนจะคบกัน ทิพทำกับข้าวไม่เป็นซักอย่าง อย่าว่าแต่กับข้าวเลย หุงข้าวยังไม่เป็นด้วยซ้ำแล้วดูตอนนี้ งานบ้าน ทำเป็นทุกอย่างอะ จากที่แต่ก่อน จะทำอะไร จะไปไหนไม่เคยต้องบอกใคร (ไม่นับพ่อแม่นะ) พอคบกันก็บอกให้เค้ารู้ซะหน่อยไม่ใช่แค่ว่า เค้าเป็นห่วงเรา แต่เพื่อที่เวลาเราออกไปกะเพื่อน เค้าจะได้ไม่โทรกวน โฮ๊ะๆๆอีกอย่าง เราไปไหน จะกลับตอนไหน ถึงไม่มีแพลนเป๊ะๆ แต่บอกเวลาคร่าวๆให้เค้ารู้ เพื่อเป็นการป้องกัน ถ้าเรามีอุบัติเหตุ จนผิดเวลาที่บอกเค้า เค้าก็จะได้รู้ตัวแล้วโทรเช็คเราได้ ออกมาช่วยเราได้ทันเวลาไงละอิสระอาจจะหมดไปบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่ก็เพราะมีคนเป็นห่วงนั่นละ ถ้าเค้าห่วงมากนัก ก็ลากออกไปเที่ยวกะกลุ่มเพื่อนเราไปเลย ถ้าเสนองั้นแล้ว เค้าไม่ไป ก็ดักเอาไว้ล่วงหน้าซะว่า งั้นอย่างมาง๊องแง๊งใส่ทีหลัง เพราะให้โอกาสได้ตามไปดูแล้ว แต่เธอเลือกไม่ไปเอง!เอาเหอะ เท่านี้ละมั๊ง ที่ทิพอยากบอก ณ ตอนนี้ ก็หวังว่า มันจะช่วยให้ปัญหาต่างๆคลี่คลายนะจ๊ะร๊ากทั้งสองคนเลยน้า จุ๊บๆ