เด็กทุกคนต่างหลงรักลูกโป่ง ... แต่เรามักหลงลืมความสนุกสนานนั้น ในวันที่เราเติบโตขึ้น
ถ้อยแถลงของ "เด็กรักลูกโป่ง" :)
ชั้นเขียนเรื่องนี้ไว้ได้สักพักแล้ว ... มันไม่ใช่เวอร์ชั่นที่พอใจสูงสุด แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกอยากแบ่งปันมันขึ้นมา ทว่า หากวันไหน ได้มีโอกาสปรับแก้ใหม่ ก็จะนำมาแปะไว้อีกรอบแล้วกัน :)
ปล. ชั้นเขียนเรื่องนี้ด้วยอคติสูงสุด ... ดังนั้น คุณไม่จำเป็นต้องเห็นคล้อยตามไปกับอคติของ "เด็กรักลูกโป่ง" หรอกนะคะ :)
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ในวัยเด็ก ความสุขของชั้นคือการได้ครอบครองเป็นเจ้าของลูกโป่งสักลูก ได้ทานไอติมหลากสีเย็นเจี๊ยบในบ่ายหน้าร้อน และได้มีโอกาสออกจากบ้านไปวิ่งเล่นท้าสายฝน
ในวัยที่เติบโตขึ้น .... ก็คงคล้ายกับเรื่องราวของพวกคุณ .... ในวันวุ่นวายวันหนึ่งในเมืองหลวง วันที่ปัญหาการงานผ่านมาทับถม ปัญหาสุขภาพของคนรอบข้างแวะผ่านมาให้เป็นกังวล ปัญหาการเมืองผ่านทางมาเคาะถามหา จิตสำนึกต่อสังคม ยังไม่นับรวมถึงปัญหาใหญ่ส่วนตัวว่า ทำไมยังหาแฟนไม่ได้เสียที นั่นอีก หลายเรื่องหลากมุมที่ผ่านทางเข้ามา ทำให้ ลูกโป่ง, ไอศกรีม, และสายฝน กลายเป็นเรื่องของเด็กๆ ไป
วันก่อนนู้นอีกเหมือนกัน ที่น้องคนนึงที่มีสถานะเป็นอาจารย์ในระดับชั้นอุดมศึกษา ถูกคนรอบกายแสดงความเห็นต่อรสนิยมฟังเพลงของเธอว่า โตแล้วนะ ... ในความหมายที่ว่า โตแล้ว เลิกฟังเพลงหรือชอบนักร้องคนนี้ได้แล้ว
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ น่ะเหรอ? ที่ในวัยที่เราโตขึ้น เราควรต้องเลิกทำหรือเลิกรักอะไรบางอย่างที่ทำให้เรามีความสุขมาก เพื่อจะได้ทำให้สังคมรู้สึกว่า เราโตแล้ว เราเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตสำนึกแล้วนะ
เราถอยรถบีเอ็ม เราผ่อนคอนโด และเราออกไปมีส่วนร่วมกับทางการเมืองแล้วนะ
แต่เราไม่มีความสุขกับชีวิต
ฉันไม่ได้หมายความว่า จะให้เรากลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีความรับผิดชอบ แต่หลายครั้งทีเดียว ที่ฉันพบว่า ความสุขง่ายๆ ที่เราเคยมีในวัยเด็ก มักไม่เพียงพอจะทำให้ผู้ใหญ่บางคนหัวเราะได้
และผู้ใหญ่บางคน ก็มักจะเหยียดหยาม และพร้อมจะเลิกให้เรามี ความสุข กับอะไรบางอย่าง ที่เค้าเห็นว่ามันไม่สมควร
แต่ฉันคิดว่า ไม่เห็นจะจริงเสียหน่อย .... ที่โตแล้ว จะต้องเลิกทานไอติม เลิกชอบลูกโป่ง และหวาดกลัวกับการเล่นน้ำฝน
พอๆ กับที่ การโตแล้ว ไม่ได้หมายความว่า จะมีความสุขกับการฟังเพลง Balloon ของ ทงบังชินกิ หรือ หัวเราะเสียงดังกับ กระเป๋าแบนแฟนยิ้ม ของ Richman Toy ไม่ได้เสียหน่อย
การ โตแล้วนะ น่าจะหมายถึง การรู้จักมีความรับผิดชอบ ควบคู่กับการเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับชีวิต โดยไม่เบียดเบียนใคร
มากกว่าจะหมายถึง การได้เป็นเจ้าของบีเอ็มสักคัน , ได้เป็นคนที่แสดงจิตสำนึกทางการเมืองอันสูงส่งด้วยการส่ง sms เข้าไปในรายการข่าวทุกววี่วัน, ได้เป็นคนอินเทรนด์ที่สวมแบรนด์เก๋ไก๋ของ กอม เดอ การ์ ซองส์, หรือได้เป็นมนุษย์รสนิยมเริ่ดที่ฟังเพลงเดอบุสซี โชแปง หรือโมสาร์ต
แต่ไม่เคยยิ้มได้ในแต่ละวันของการมีชีวิต
รวมถึงไม่เคยมีความสุขกับสิ่งง่ายๆ ....และไม่เคยรู้ว่าทุกวันที่หายใจทิ้งไปนั้น หัวใจของตัวเองต้องการอะไร อย่างแท้จริง
Create Date : 23 สิงหาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 22:10:31 น. |
Counter : 1734 Pageviews. |
|
|
|
เด็กน้อยลุกขึ้นวิ่งเล่นต่อ โดยไม่คิดแก้แค้นคนที่ผลัก
แต่สำหรับผู้ใหญ่...ที่บอกว่าโตแล้ว
กลับมีเรื่องร้ายๆ เหล่านั้นไว้ในหัวมากมาย
ลูกโป่ง..อมยิ้ม..ไอติม..กับความสุขเรียบง่ายรอบตัว
นี่แหละช่วยเติมเต็มวัยผู้ใหญ่อย่างเราๆ ได้ดีจริงๆ
ขอบคุณบทความดีๆ นะคะ
แวะมาทักทายเลยได้มุมมองอะไรใหม่ๆ กลับไปด้วย ขอบคุณค่ะ