เห็นพูดกันจัง เงินคงคลังเนี่ย
เห็นพูดกันมา 2 ครั้งแล้วว่าเงินคงคลังมีปัญหา แต่ปัญหานั้นเบาบาง หรือหนักหนาเพียงใด และอย่างไร
มาที่ตัวเงินคงคลังกัน ถ้าจะตีความหมายง่ายๆของเงินคงคลังก็คือ เงินสดที่อยู่ในกระเป๋าเพื่อนๆน่ะแหล่ะครับ เงินที่ใช้จ่ายค่ากินอยู่ประจำในทุกๆวัน ค่าข้าว ค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น
แล้วรัฐมีเงินสดไว้ทำอะไรล่ะ หลักๆก็พวกเงินเดือนข้าราชการตอนสิ้นเดือนไง เดือนๆนึงก็หลายอยู่ รัฐก็ต้องเตรียมเงินสดสำรองไว้ให้พอใช้ ขืนปล่อยให้หมดก็โดนโวยวายตายเลย โดยปกติรัฐก็จะมีการเตรียมเงินสดไว้ใช้ประมาณ 10 วันทำการ หรือประมาณ 2 สัปดาห์ ดังนั้นถ้าเป็นช่วงปลายเดือนที่ต้องจ่ายเงินเดือนราชการ ก็จะต้องมีเงินคงคลังมากหน่อย
ปกติคนเราถ้าเงินเงินสดเหลือมากเกิน ก็จะฝากธนาคาร แต่ถ้ามีเงินสดเหลือน้อยเกิน ก็จะกดเอทีเอ็มออกมา
แล้วรัฐล่ะ จะทำไง ถ้าช่วงไหนเงินสดไม่พอ รัฐก็จะใช้ตั๋วเงินคลัง ซึ่งปกติเป็นตั๋วเงินระยะสั้น ออกมาในระบบการเงิน เพื่อยืมเงินสดไปใช้ แต่ถ้าช่วงไหนเงินสดมีมากเกิน ก็จะเอาไปไถ่ถอนตั๋วเงินคลังกลับคืน
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า เงินคงคลังน่ะ จริงๆแล้วไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการลงทุนของรัฐโดยตรง เพราะคงไม่มีใครเอาเงินสดในกระเป๋าตัวเองไปซื้อบ้านหรือรถใช่ไหมล่ะ ถ้าจะซื้อ หรือลงทุน รัฐก็จะใช้เงินกู้เช่นเดียวกันกับพวกเราน่ะแหล่ะ ทั้งการตั๋วเงินคลังกู้ระยะสั้น ในกรณีที่เงินภาษีกำลังจะเข้ารัฐในอีกไม่กี่วัน หรือการกู้ระยะยาว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แล้วผ่อนโดยเงินภาษีที่เข้ามาในแต่ละเดือน
แต่ สิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้คือ ทำไม รัฐจึงปล่อยให้เกิดปัญหาเงินสดขาดมือ อาจจะเกิดจากข้อมูลที่ผิดพลาด โดยที่ไม่รู้ว่า เดือนนี้ต้องมีการเบิกงบเหลื่อมจ่ายประจำปีมาก อีกทั้งปัญหาเงินคงคลังก็เคยเกิดขึ้นไปครั้งนึงเมื่อกลางปีที่แล้ว นั้นหมายถึงความไม่เตรียมพร้อมในระบบเงินสดของรัฐ ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ผลกระทบที่ตามมาคือ การกู้เงินสดระยะสั้นในจำนวนมากของรัฐ ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ปัญหานี้คงอยู่ไม่นาน เพราะเงินภาษีที่ประชาชนจ่าย ณ สิ้นปีภาษี เข้ามาเมื่อสิ้นเดือนมีนาคมแล้ว เหลือแต่รัฐนำเงินดังกล่าวไปไถ่ถอนเงินกู้ระยะสั้นคืน
สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากกว่า คือ นิสัยการใช้จ่ายเงิน และการเตรียมพร้อมด้านการเงินของภาครัฐ ครับ
Create Date : 01 เมษายน 2549 |
|
0 comments |
Last Update : 2 เมษายน 2549 12:13:20 น. |
Counter : 1497 Pageviews. |
|
|
|