|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
โครงสร้างภาษีของประเทศไทย
โครงสร้างภาษีของประเทศไทย
ในจำนวนรายได้จัดเก็บของของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2550 สามารถแบ่งเป็นรายได้จากภาษีอากรและรายได้ที่มิได้มาจากภาษีอากร โดยรัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ภาษีอากรคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 87.87 และรายได้ที่มิได้มาจากภาษีอากรร้อยละ 12.13 หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 1,496,992 ล้านบาท และ 206,649 ล้านบาทตามลำดับ โดยส่วนของรายได้จัดเก็บจากภาษีมาจากกรมจัดเก็บทั้ง 3 กรม คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ขณะที่รายได้ที่มิได้มาจากภาษีมาจากรัฐวิสาหกิจและส่วนราชการอื่น ซึ่งในที่นี้จะแสดงเฉพาะรายจัดเก็บจากภาษี โดยจะทำการแบ่งรายได้จัดเก็บภาษีเป็นภาษีทางตรง และภาษีทางอ้อม ตามผลกระทบที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ
การจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2550 จำนวน 1,496,992 ล้านบาท นั้น แบ่งเป็นภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อมคิดเป็นร้อยละ 42.97 และร้อยละ 57.03 ของรายได้จัดเก็บภาษีทั้งหมดตามลำดับ ซึ่งภาษีทางตรงเป็นภาษีที่จัดเก็บจากตัวบุคคลหรือนิติบุคคลโดยตรง โดยตามหลักการแล้วการจัดเก็บภาษีทางตรงจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบุคคล หรือนิติบุคคลหลังหักภาษี (Disposable Incomes) ซึ่งจะส่งผลเชิงรายได้ (Income Effects) เมื่อส่งผ่านไปยังเศรษฐกิจมหภาค จะทำให้การใช้จ่ายภาคเอกชน (การบริโภค และ/หรือ การลงทุน) ลดน้อยลง ในทางกลับกันภาษีทางอ้อม ซึ่งมิได้จัดเก็บกับตัวบุคคลหรือนิติบุคคลโดยตรง หากแต่เป็นการเก็บภาษีผ่านสินค้าและบริการชนิดต่างๆ ซึ่ง ราคาสินค้าทิ่เพิ่มสูงขึ้นจากการจัดเก็บภาษีนี้เองจะส่งผลต่อเศรษฐกิจมหภาคผ่าน ผ่านช่องทางราคา (Price Effects) โดยราคาสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาษีทางอ้อมจะส่งผลให้การใช้จ่ายเพื่อบริโภคสินค้าดังกล่าวลดน้อยลง รวมถึงจะส่งผลให้รายได้ที่แท้จริงของบุคคลหรือนิติบุคคล (Real Incomes) ลดลงตามราคาของสินค้าและบริการที่สูงขึ้นด้วย
Create Date : 19 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 19 ธันวาคม 2550 23:25:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2382 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ
ค้นคว้าข้อมูลทั่วไป
แหล่งเชื่อมโยงอื่นๆที่น่าสนใจ
|
|
|
|
|
|
|