|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ดอกเบี้ยเงินฝาก ทำไมขึ้นกันใหญ่เลย
จะเห็นได้ว่าช่วงนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะขึ้นกันเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝากในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี นี่มันเกิดอะไรขึ้นในตลาดเงินล่ะเนี่ย
ทุกคนคงรู้จักอุปสงค์อุปทานกันแล้ว ถ้าปริมาณสินค้าในตลาดมีน้อยกว่าความต้องการ ราคาสินค้าก็จะปรับตัวสูงขึ้น ผู้ผลิตก็จะพยายามผลิตสินค้ามากขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคก็พยายามลดการบริโภคลง
อัตราดอกเบี้ยก็เปรียบเสมือนราคาของเงินทุน ถ้าความต้องการใช้เงินทุนมีน้อยกว่าสภาพคล่องในระบบ อัตราดอกเบี้ยก็จะต่ำลง เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นหลังสมัยวิกฤต แต่หากความต้องการใช้เงินทุนมีมากกว่าสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ยก็จะปรับสูงขึ้น
ในปีที่แล้วเราทราบกันว่า ภาครัฐจะมีการลงทุนในเมกะโปรเจ็คต์ จึงทำให้ภาคเอกชนคาดการถึงความต้องการเงินทุน ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ อีกทั้งการที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ จึงทำให้อัตราดอกเบี้ยในระบบค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้น
แต่ในปัจจุบัน เมกะโปรเจ็คต์ถูกชะลอไป อัตราดอกเบี้ยสหรัฐก็มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นไม่มากแล้ว คำถามคือ อะไรเป็นตัวผลักดันให้ธนาคารต่างๆ เสนอเงินฝากดอกเบี้ยระดับ 4-5% อย่างที่เป็นอยู่กัน
ดังที่เคยพูดไว้ในเรื่องเงินคงคลังและงบประมาณคร่าวๆแล้ว ว่าในกรณีที่รัฐขาดเงินสดในการใช้จ่าย ก็จะออกตั๋วเงินคลังออกมา เพื่อดึงเงินสดมาใช้จ่าย ในกรณีกลับกัน หากเดือนนั้นมีเงินภาษีไหลเข้ามามาก ก็จะนำเงินดังกล่าว ไปไถ่ถอนตั๋วเงินคลังคืน
แล้วมันเกี่ยวข้องกันยังไง การเกิดปัญหาเงินคงคลังถึง 2 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงการวางแผนในการบริหารเงินสดที่ค่อนข้างมีปัญหา รัฐเคยออกมาประกาศว่า เงินคงคลังมีพอใช้ได้ 14 วัน ตามเกณฑ์ของทางกรมบัญชีกลาง
แต่ รัฐกลับมองข้ามเรื่องการเบิกจ่ายในงบลงทุน ซึ่งเป็นตัวความต้องการเงินทุนที่อยู่เหนือเกณฑ์กรมบัญชีกลาง ที่เป็นความต้องการในงบประจำ เช่น เงินเดือนข้าราชการเท่านั้น ถามว่าตรงนี้รัฐรู้หรือเปล่าว่าเดือนไหนจะมีการเบิกจ่ายเงินเท่าไหร ตรงนี้ผมก็ไม่ทราบ แต่ก็เป็นหน้าที่ของรัฐ ที่ต้องประมาณการการเบิกจ่ายดังกล่าว และเตรียมเงินสดให้พอเพียง (เงินเดือนผมก็ติดอยู่ในท่อเหมือนกัน เดือนนี้จะได้เงินเดือนหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เฮ้อ)
จากประสบการณ์ 2 ครั้งและแนวโน้มการเบิกจ่ายของรัฐ ทำให้สถาบันการเงินมองว่า ความต้องการระดมทุนจากภาครัฐ จะต้องเกิดขึ้นอีกในไม่ช้า ซึ่งยังไม่รวมถึง เรื่องงบล้างท่อ ที่จากเดิมเตรียมน้ำไว้แค่กินแค่ดื่ม ก็ต้องเตรียมน้ำจำนวนมาก ไว้ล้างท่อ
สถาบันการเงินต่างๆจึงชิงระดมเงินออมจากประชาชนก่อนหน้ารัฐ เพราะหากรัฐระดมทุนดังกล่าวจริง จะทำให้เกิดการกระชากเงินทุนในตลาดเงินอย่างแรง
แต่ ทำไมต้องเป็นเงินออม 6 เดือน ถึง 1ปี ปกติแล้ว การขาดแคลนความต้องการเงินสด จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น รัฐจึงออกตั๋วเงินคลังที่เป็นตราสารทางการเงินระยะสั้น เพื่อรักษาระดับเงินสดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
จริงๆแล้ว ตั๋วเงินคลังมีขีดจำกัดทางกฎหมายอยู่ เมื่อใดก็ตาม ที่ขีดจำกัดนั้นมาถึง รัฐก็จะโยกย้ายหนี้ระยะสั้น เป็นหนี้ระยะยาว เพื่อให้เหลือช่องว่างในการออกตราสารทางการเงินระยะสั้นอยู่ เมื่อนั้นอัตราดอกเบี้ยระยะยาวก็จะปรับตัวขึ้นตาม แต่ตอนนี้ ตลาดเงินยังไม่มีการปรับตัวไปถึงจุดนั้น
หากการปรับตัวดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ระดับผลตอบแทนเงินทุนในประเทศก็จะสูงกว่าประเทศอื่นโดยเปรียบเทียบ ส่งผลให้เกิดเงินทุนไหลเข้าประเทศมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อ capital account balance และอัตราแลกเปลี่ยนแน่นอนครับ
Create Date : 26 เมษายน 2549 |
Last Update : 26 เมษายน 2549 18:22:08 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1568 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ
ค้นคว้าข้อมูลทั่วไป
แหล่งเชื่อมโยงอื่นๆที่น่าสนใจ
|
|
|
|
|
|
|