|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
การค้ารวม 10 เดือนของปี 49
นับจากต้นปีที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนกระทั่งในเดือนพ.ย.49 ค่าเงินบาททะลุต่ำกว่า 37 บาทเรียบร้อย แต่ตัวเลขการส่งออกตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา กลับเกินดุลอยู่ 447.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจไทยกันแน่
สาเหตุที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เกิดจากภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอยู่ในช่วงชะลอตัว อีกทั้งปัญหาการขาดดุลการค้าอย่างมากของสหรัฐ ก่อให้เกิดความไม่สมดุลในเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้เงินทุนไหลเข้ามาสู่ประเทศในเอเชียเป็นจำนวนมากนับตั้งแต่ต้นปี 2549 สกุลเงินในเอเชียต่างๆจึงพากันแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเทียบกับในประเทศเอเชียด้วยกันเองแล้ว นับจากต้นปีที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 10.2 วอนเกาหลีใต้แข็งค่าขึ้นร้อยละ 7.9 รูเปียห์อินโดนีเซียแข็งค่าขึ้นร้อยละ 7.8 เปโซฟิลิปปินส์แข็งค่าขึ้นร้อยละ 6.9 และดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าขึ้นร้อยละ 6.1 ผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจึงไม่มากเท่าที่เห็นจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท แต่ส่วนต่างของค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากว่าเงินสกุลอื่นก็ยังคงมีผลกระทบอยู่บ้าง
ในมุมมองระดับจุลภาค สามารถแบ่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกได้เป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มผู้นำเข้าสินค้ามาเพื่อแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้าและส่งออก กลุ่มนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนมากนัก เพราะมูลค่าการส่งออกที่ลดลงได้ถูกชดเชยไปกับต้นทุนมูลค่าการนำเข้าที่ลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าไปในระดับหนึ่ง แต่ในกรณีกลุ่มผู้ส่งออกสินค้าที่ใช้ปัจจัยการผลิตจากในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร จะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาทเต็มๆ
ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมานับจากต้นปี 2549 ภายใต้การแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องของค่าเงินบาท การค้าระหว่างประเทศของไทยโดยรวมยังสามารถเกินดุลการค้าได้อยู่ 447.1 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นสิ่งดีต่อดุลการชำระเงินและทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่เมื่อคิดเป็นมูลค่าเงินบาทแล้ว ประเทศไทยกลับขาดดุลการค้าถึง 17,080.2 ล้านบาท นั่นหมายถึงรายได้ของผู้ส่งออกที่จะต้องรับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สาเหตุที่รายได้ของผู้ส่งออกรายย่อยของไทยในปัจจุบันลดลงอย่างมากมาจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท ดังที่เคยได้กล่าวไปแล้วในเรื่อง การส่งออกโต เกิดจากความมั่งคั่งของใครกันแน่ นั่นคือ โดยปกติแล้ว การตกลงทางการค้าระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย จะมีการตกลงเรื่องสินค้าและราคากันก่อน การแข็งค่าของค่าเงินบาท ทำให้รายได้ของผู้ส่งออกลดลง นั่นคือ หากทำสัญญาขายสินค้าไว้ที่ 1,000 ดอลลาร์ ณ วันนี้ (ค่าเงินบาทเท่ากับ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) ตกลงส่งมอบและชำระเงินในอีก 1 เดือน พอถึงกำหนดชำระเงิน ผู้ส่งออกของไทยจะได้รายได้ 1,000 เหรียญสหรัฐตามสัญญา แต่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็น 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ส่งออกไทยจะเสียรายได้ไป 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แม้จะมีการประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ช่วยได้เพียงระยะ 3-6 เดือนเท่านั้น ในปัจจุบันค่ามาร์จิ้นของธุรกิจอยู่ที่ร้อยละ 5-8 ซึ่งนั่นคือกรอบที่ผู้ส่งออกแต่ละรายจะสามารถแบกรับได้
การเกินดุลการค้าการค้าภายใต้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้ในภาพเศรษฐกิจมหภาค การแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาทในขณะนี้ จะยังไม่ใช่เรื่องน่ากังวลต่อการส่งออกของไทยมากนัก เพราะเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งทางการค้าอื่นในภูมิภาคเอเชีย ต่างก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกกันถ้วนหน้า แต่ในภาพของจุลภาคหรือผู้ส่งออกรายย่อยแล้ว การแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท จะส่งผลกระทบให้รายได้ของผู้ส่งออกอย่างแน่นอนครับ
Create Date : 27 พฤศจิกายน 2549 |
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2549 1:15:33 น. |
|
0 comments
|
Counter : 6353 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ
ค้นคว้าข้อมูลทั่วไป
แหล่งเชื่อมโยงอื่นๆที่น่าสนใจ
|
|
|
|
|
|
|