Bloggang.com : weblog for you and your gang
เหรียญมีสองด้าน แล้วแต่คุณจะเลือกมองด้านไหน
Group Blog
ยินดีต้อนรับ
แนะนำติชมที่นี่เลยครับ
เกี่ยวกับญี่ปุ่น
เกี่ยวกับเศรษฐกิจ
เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
เกี่ยวกับการออกกำลังกาย
<<
มีนาคม 2550
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
19 มีนาคม 2550
ทิศทางตลาดเงินไทยกลางปี 2550
All Blogs
เกี่ยวกับเศรษฐกิจ
เงินคืออะไร สำคัญยังไง
วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐจะสิ้นสุดเมื่อไหร และจะเริ่มต้นอีกครั้งเมื่อไหร
ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินในปัจจุบัน
ความสัมพันธ์ของระบบการเงิน
เวปไซต์ข้อมูลเศรษฐกิจทั่วโลก
Currency Board และ Hyperinflation
นโยบายการเงินภายใต้เงินเฟ้อด้านต้นทุน
ภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง (Hyperinflation)
สถานะธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน
หมดยุคอาหารราคาถูก
โครงสร้างภาษีของประเทศไทย
ภาษีในระบบเศรษฐกิจ
ปัญหาซับไพร์มในสหรัฐ
เงินบาทจะแข็งหรืออ่อน ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง
จะลดดอกเบี้ยก็บอกก่อนได้ไหม จะได้เตรียมตัวทัน!?
พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน (เม.ย.50)
ธปท.ไม่ได้ใช้เงินเพื่อแทรกแซงค่าเงินบาทอย่างเดียว แต่ต้องดูแลสภาพคล่องในระบบด้วย (วิเคราะห์ข่าว)
ทิศทางตลาดเงินไทยกลางปี 2550
The Quality of Life from Womb to Tomb
คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง: จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน
โครงสร้างภาคต่างประเทศของเศรษฐกิจไทย
ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ
ลดดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ปรับใช้ R/P 1 วัน ???
ระเบิดกลางเมืองหลวง ร้ายแรงขนาดไหน
เวปไซต์ข่าว
มาตรการสำรองเงินตราต่างประเทศร้อยละ 30
การค้ารวม 10 เดือนของปี 49
หนี้สาธารณะ
ผลกระทบของนโยบายการชดเชยการขาดดุล
ผลกระทบของนโยบายการคลังด้านรายจ่าย
ผลกระทบของนโยบายการคลังด้านรายได้
ขอบเขตของภาครัฐ
ภาษีไม่เท่าเทียมกันได้ แต่ต้องมีความยุติธรรม
พัฒนาการของนโยบายการคลังของไทย
พัฒนาการของนโยบายการเงินของไทย
Crowding-in Effect
Crowding-out Effect
การส่งออกโต เกิดจากความมั่งคั่งของใครกันแน่
ภาครัฐเงินไม่พอ! แล้วไง?
เอกชนกับราชการ ทำงานอะไรดี
ดอกเบี้ยเงินฝาก ทำไมขึ้นกันใหญ่เลย
ดอกเบี้ยสูง เงินบาทแข็ง เงินเฟ้อก็สูงอีก เฮ้อ!!!
อัตราแลกเปลี่ยนและผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
เห็นพูดกันจัง เงินคงคลังเนี่ย
จะเกิดอะไรขึ้นกับรากหญ้าของไทยในอนาคต
คิดซักนิด ก่อนเลือกรถวันที่ 2 เมษา
Public-Private Partnership: PPP
วิกฤติงบประมาณ
ขอลองวิเคราะห์การเมืองดูบ้าง (28 กพ. 2549)
ทิศทางตลาดเงินไทยกลางปี 2550
แม้ว่าธปท.ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 2 ครั้งนับจากต้นปี 2550 จนอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.50 ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ในหลายภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจหลายคน ยังคงเรียกร้องให้ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
จากข้อมูลภาวะเศรษฐกิจของธปท.จะพบว่าเดือนมกราคม 2550 ดัชนีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนเริ่มชะลอตัว โดยขยายตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าร้อยละ 0.99 และ -0.67 ตามลำดับ ซึ่งเมื่อตามดูรายละเอียดแล้วพบว่าเป็นการชะลอตัวในระยะยาวทั้งการบริโภคและการลงภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการบริโภคสินค้าคงทน (สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้บริโภคในอนาคต) หรือแนวโน้มการผลิตในอนาคต
เมื่อพิจารณาข้อมูลดัชนีการลงทุนประกอบกับข้อมูลอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมแล้ว พบว่า มีความขัดแย้งกัน จากข้อมูลเดือนมกราคม 2550 พบว่าการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในระดับสูง ที่ระดับร้อยละ 74.27 ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เมื่อธุรกิจมีอัตราการใช้กำลังการผลิตใกล้เต็มประสิทธิภาพการผลิต (Full Capacity) ธุรกิจนั้นจะเริ่มการลงทุนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งของตนเองหรือโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่อาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่หากอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับสูง แต่หน่วยธุรกิจดังกล่าวกลับไม่มีการลงทุนใหม่ใดๆเพิ่มเติม แสดงว่าความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจขณะนั้นเริ่มแย่ลง
ภาวะตลาดเงินในปัจจุบัน
ภายหลังจากทั่วโลกประสบปัญหาวิกฤตราคาพลังงาน จากระดับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 60 เหรียญสหรัฐ/บาเรลล์ในช่วงปี 2548-2549 ส่งผลให้ระดับเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในช่วงเวลาดังกล่าวปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 6 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมดัชนีราคากลุ่มพลังงานและอาหารสด) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 3 ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ธปท.กำลังควบคุมไม่ให้เกินระดับร้อยละ 3.5 (Inflation Targeting) ด้วยหน้าที่รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายในของประเทศ ธปท.จึงจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงเพื่อไม่ให้ระดับราคาสินค้าและบริการในประเทศสูงจนเป็นภาระต่อระบบเศรษฐกิจ
นอกเหนือจากปัญหาเงินเฟ้อในช่วงปี 2548-2549 แล้ว ประเทศไทยยังประสบกับปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปี 2549 โดยการเกินดุลบัญชีการชำระเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากปลายปี 2548 ทั้งจากกำไรที่ได้จากการค้าสินค้าและบริการ และเงินลงทุนจากต่างประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยหน้าที่รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายนอกของประเทศ ธปท.จึงจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงเพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทเปลี่ยนแปลงมากเกินไปจนเป็นภาระต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผู้ส่งออกของไทย
การแทรกแซงเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของธปท.ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเพื่อรักษาเสถียรภาพของระดับราคา หรือเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน ธปท.ใช้วิธีการซื้อขายพันธบัตรเป็นเครื่องมือในการแทรกแซงดังกล่าว ในกรณีที่ค่าเงินบาทแข็งเกินไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ธปท.จะทำการแทรกแซงโดยนำเงินบาทออกซื้อดอลลาร์สหรัฐในตลาดเงิน ผลก็คือปริมาณเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดลดลง ขณะที่ปริมาณเงินบาทในตลาดจะเพิ่มสูงขึ้น ตามหลักอุปสงค์อุปทานแล้ว ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ผลที่ตามมาในขั้นแรกคือ ปริมาณเงินดอลลาร์สหรัฐที่ถือโดยธปท.จะเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี การแทรกแซงดังกล่าว อยู่ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง เมื่อปริมาณเงินบาทอยู่ในระบบมากเกินไป จึงมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ธปท.จึงจำเป็นต้องออกพันธบัตรเพื่อดูดซับเงินบาทที่มากเกินไปในระบบออกมา ผลในขั้นนี้คือ หนี้พันธบัตรของธปท.จึงเพิ่มสูงขึ้น
ยอดตราสารหนี้คงค้าง (ล้านบาท)
ภายใต้เงื่อนไขของภาวะตลาดเงินในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินตราสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ภาระหนี้คงค้างของธปท.ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูงประมาณ 4.0-5.0 รวมถึงค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการนำเข้าสินค้าบริโภคและสินค้าทุนที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ดุลการค้าเกินดุลได้ไม่ยาก แม้ธปท.จะออกมาตราการกันสำรองเงินตราระหว่างประเทศร้อยละ 30 แล้ว ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นเป็นแรงกดดันสำคัญที่ตลาดมองว่า ธปท.จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย ร้อยละ 0.5-1.0
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2550
จากเงื่อนไขที่ได้กล่าวมาในช่วงก่อนหน้า ทำให้นักลงทุนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะลดลงได้อีก การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท. 2 ครั้งนับตั้งแต่ต้นปี 2550 จึงดูเหมือนว่าจะไม่กระตุ้นให้เกิดการลงทุนขึ้นเลย เนื่องจากเครื่องชี้วัดภาวะการลงทุนยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามารถสรุปประเด็นปัญหาที่ควรรีบเร่งแก้ไขได้ 2 ประการ
1.
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่น้อยเกินไป
จนนักลงทุนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มลดลงต่อในอนาคตอันใกล้ ซึ่งหากนักลงทุนมองว่าการรอให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง คุ้มค่ากับค่าเสียโอกาสที่จะรอ จะทำให้นักลงทุนยังคงชะลอการลงทุนต่อไป อย่างไรก็ดี ภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลง ยังเป็นโอกาสที่ดีที่ธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวมากเกินไป
2.
การปรับอัตราดอกเบี้ยที่ช้าเกินไป
อาจทำให้สภาพเศรษฐกิจอาจกลับไปเหมือนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ที่แม้อัตราดอกเบี้ยจะลดต่ำมาก แต่ไม่มีนักลงทุนคนไหนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจพอที่จะลงทุนใหม่เลย อีกทั้งธนาคารพาณิชย์ก็ไม่มีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมากพอที่จะกล้าให้เงินกู้โดยไม่กลัวหนี้เสีย (NPL) ดังนั้น ธปท.ควรกระตุ้นการลงทุนก่อนความเชื่อมั่นนักลงทุนจะหมดไป และธนาคารพาณิชย์ยังมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจปัจจุบันอยู่
นอกเหนือจากประเด็นสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ 2 ประการแล้ว ยังมีความเชื่อมโยงอีกจุดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับภาคต่างประเทศ ซึ่งหมายรวมถึงการที่มาตรการที่ออกโดยธปท.ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากมาตรการที่ออกโดยธปท. โดยเฉพาะมาตรการกันสำรองเงินตราต่างประเทศร้อยละ 30 เป็นมาตรการที่ควบคุมเงินตราไหลเข้า จึงไม่มีผลต่อเงินตราที่หมุนเวียนอยู่ภายในประเทศ การออกมาตรการดังกล่าวจึงไม่เพียงไม่ส่งผลให้เงินตราไหลออก แต่ยังสร้างแรงจูงใจไม่ให้คนเอาเงินตราออกนอกประเทศด้วย เพราะเมื่อเอาเงินตราออกไปแล้ว การที่จะเอากลับเข้ามานั้นยากกว่าเดิม ในกรณีของนักลงทุนต่างประเทศที่ถือเงินบาทอยู่ในประเทศไทย สามารถนำไปทำธุรกรรมทางการเงินได้ใน 3 แหล่งใหญ่ๆคือ ตลาดตราสารทุน (ตลาดหลักทรัพย์) ตลาดตราสารหนี้ และเงินฝากธนาคาร (Non-resident) ในช่วงต้นปี เราจึงได้เห็นเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์มาก ภายหลังจากที่ธปท.ยกเลิกการผ่อนปรน ทำให้ต่างชาติมีเงินฝากธนาคาร (Non-resident) ได้ไม่เกิน 300 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันกับนักลงทุนไทย อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลงก่อให้เกิดแรงจูงใจนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้มากขึ้น เนื่องจากการที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง จะส่งผลให้ราคาพันธบัตรเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น คนที่มองว่าธปท.มีแนวโน้มจะลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตก็จะเข้าไปซื้อพันธบัตร และเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลงจริง ก็จะทำให้ราคาพันธบัตรสูงขึ้น และก็จะขายเมื่อเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่ลดไปมากกว่านี้อีกแล้ว
การปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันค่อนข้างลำบากสำหรับผู้ดำเนินนโยบายในปัจจุบัน เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่น้อยเกินไป จะไม่สร้างแรงจูงใจให้แก่นักลงทุน และยังสร้างแรงจูงใจให้ต่างชาติที่มีเงินอยู่ในไทยเก็งกำไรในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่การปรับลดที่มากเกินไปก็อาจทำให้เงินตราต่างประเทศไหลออกเร็วเกินไป จนทำให้เกินความผันผวนต่อระบบการเงินของประเทศ
การปรับอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ อาจดำเนินการได้โดยปรับอัตราดอกเบี้ยในปริมาณที่ทำให้เกิดความลังเลที่จะทยอยนำเงินตราต่างประเทศออก เพื่อให้บางคนนำเงินตราออกในทันที ให้บางคนเกิดความลังเลที่จะนำเงินตราออกและนำเงินออกช้ากว่าคนกลุ่มแรก เพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนในตลาดเงินมากนัก ทั้งนี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวน่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 0.50-0.75 เนื่องจากหากปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยเกินไป นักลงทุนไทยก็ยังคงไม่เริ่มลงทุน และนักลงทุนต่างประเทศก็ยังคงเก็งกำไรในตลาดตราสารหนี้ แต่หากปรับลดมากเกินไปถึงร้อยละ 1 อาจทำให้เงินทุนไหลออกมากเกินไปจนเกิดความผันผวนในตลาดเงินได้
ปล.การเรียนเศรษฐศาสตร์ สอนให้คนเรียนรู้จักการเปลี่ยนแปลงจากดุลยภาพสู่ดุลยภาพ แต่ไม่ได้สอนถึงการส่งผ่านการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดุลยภาพ
เช่นเดียวกัน ตามทฤษฎีแล้ว การลดอัตราดอกเบี้ยก่อให้เกิดการลงทุนในประเทศ และทำให้เงินตราไหลออกจากผลตอบแทนของเงินที่ได้รับลดลง แต่สภาพการณ์ในปัจจุบันก็กลับไม่เป็นเช่นนั้น
และในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพียงแต่ใช้ความรู้เศรษฐศาสตร์ที่เป็น
ศาสตร์
เท่านั้น แต่จำเป็นต้องใช้ความเป็น
ศิลป์
ในการดำเนินนโยบายด้วย ว่าเมื่อใดควรทำอะไร และเมื่อใด ไม่ควรทำอะไร ควรทำมากน้อยเพียงใด และว่องไวเพียงใด
Create Date : 19 มีนาคม 2550
Last Update : 19 มีนาคม 2550 23:23:47 น.
0 comments
Counter : 3163 Pageviews.
Share
Tweet
TheShadow
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [
?
]
ข่าวเศรษฐกิจไทย
ข่าวต่างประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ
NESDB (สศช.)
BOT (ธปท.)
NSO (สสช.)
MOC (ก.พาณิชย์)
MOF (ก.คลัง)
PDMO (สบน.)
SEPO (สคร.)
EPPO (สนพ.)
SET (ตลท.)
ThaiBMA
AFET (ตสล.)
สมาคมค้าทองคำ
เชื่อมโยงหน่วยราชการอื่นๆ
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ
IMF
World Bank
EIA
CARMA
CIA
Bloomberg.com
x-rates.com
Links ธ.กลางทั่วโลก
Links ก.คลังทั่วโลก
Links สำนักงานสถิติทั่วโลก
>
Thai CEO @ Japan
ค้นคว้าข้อมูลทั่วไป
แหล่งค้นคว้าข้อมูลทั่วไป
google
wikipedia
วิชาการ.คอม
แหล่งเชื่อมโยงอื่นๆที่น่าสนใจ
แหล่งค้นคว้าข้อมูลทั่วไป
Electionworld.org
mathworld
9wat (วัฒนธรรมและการ์ตูนญี่ปุ่น)
Friends' blogs
Solow
กาลามะชน
Webmaster - BlogGang
[Add TheShadow's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.