Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
ตามรอยรัก (๖)



Munich, Germany

ลุงวิรัช และพ่อแม่ที่รัก

ออกเดินทางจากปารีสกันตั้งแต่เช้า แต่คราวนี้เราไม่ได้มากันตามลำพังสองคนแล้วละค่ะ มีน้ำผึ้งเพื่อนของเอกศักดิ์เดินทางมาด้วย เขาเจอกันโดยบังเอิญที่สนามบินและที่ร้านขายของวันก่อน เมื่อคืนจึงแวะมาหาเราที่โรงแรมขอให้ลูกชายลุงวิรัชพาเที่ยวด้วย เพราะเขาจับจ่ายซื้อของที่ปารีสเสร็จแล้ว เกิดเบื่อ ๆ ขึ้นมา แต่ก็ยังไม่อยากรีบบินกลับบ้านและคงอยากจะถือโอกาสอยู่คุยอยู่เที่ยวกับเพื่อนก่อนเพราะไม่ได้พบกันนาน

เพื่อนสาวของเอกศักดิ์เป็นคนสวยและหวานสมชื่อเชียวค่ะ รูปร่างดีมาก บุคลิกสง่าราวกับนางพญา เวลาเดินเยื้องกรายไปไหนมีแต่คนเหลียวมอง อายุคงรุ่นราวคราวเดียวกันกับฝน แต่ดูท่าแล้วเขาเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง และเก่งมากทีเดียว พูดภาษาอังกฤษเป็นไฟเลยจ้ะ

ตอนเช้าเราตื่นกันตั้งแต่ยังไม่ทันรุ่งสาง รีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวมาขึ้นรถไฟเดินทางต่อไปมิวนิค สงสัยฝนคงสะลึมสะลือมากไปจนเอกศักดิ์ออกปากทัก

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เช้านี้ดูขรึมไป ถ้าเป็นเรื่องผึ้งละก็อย่าคิดมาก เขาเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง คนที่อยู่ในใจผมตลอดมาคือคุณเท่านั้น ถึงแม้ผมเคยมีความสัมพันธ์กับสาวอื่นมาบ้าง แต่ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักคือภรรยาของผมในขณะนี้” สีหน้าและแววตาที่ดูจริงจังของเขาทำให้ฝนนึกละอายที่เผลอคิดไปต่าง ๆ นานา เลยได้แต่แย้งเบา ๆ

“ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ อดีตของคุณฝนไม่ขอก้าวก่าย และก็ไม่รังเกียจที่เพื่อนของคุณจะตามไปด้วย อีกอย่างเราจะเจอน้องรินแล้วคืนนี้ เที่ยวกันหลายคนน่าสนุกดีออก คุณผึ้งเองก็ช่างพูดช่างคุย คงช่วยแก้เหงาคุณได้บ้าง เธอเป็นผู้หญิงจะไปไหนมาไหนคนเดียวคงต้องระวังเป็นพิเศษ มาเที่ยวกับเราอย่างน้อยยังได้พอมีเพื่อนคุย”

“แต่เรามาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์นะคุณ ผมจะเหงาได้ยังไง มีสาวอื่นมาขัดคออย่างนี้แล้ว คุณจะยิ่งหาเรื่องไม่ให้ผมเข้าใกล้ ใจจริงแล้วผมไม่อยากให้ผึ้งตามเรามา แต่เห็นว่าเคยรู้จักกันมาก่อนเลยไม่อยากปฏิเสธให้เขาเสียน้ำใจ”

“พ่อเลี้ยงขา ฝนรักพ่อเลี้ยงจะตายไป ยิ่งมีสาวอื่นด้วย ฝนยิ่งไม่ยอมห่างต่างหากละค่ะ แต่ไม่แน่นะ พ่อเลี้ยงอาจจะได้ดื่มน้ำผึ้งแท้ก็ได้ คงทั้งหอมทั้งหวานติดลิ้นนะคะ” ฝนแกล้งประชดเขาเท่านั้นเอง ใครว่าไม่ได้เข้าใกล้ ช่างฉวยโอกาสออกแบบนั้น

“ผมตามใจคุณ แต่อย่าเกิดงอนหรือหึงขึ้นมาระหว่างทางนะครับ” ถ้าใครเห็นสายตาเอกศักดิ์ตอนนี้แล้วคงเข้าใจว่าทำไมสาวของเขาถึงยังหลงเสน่ห์ขอตามไปด้วย

“และรับรองว่าผมชอบดื่มน้ำฝนมากกว่าชิมน้ำผึ้งครับ ใสเย็นชื่นใจแบบนี้ผมแทบจะอดใจไม่อยู่มาหลายคืนแล้ว”

เล่าไม่ถูกแล้วค่ะ รู้แต่ว่าแก้มเย็น ๆ ของฝนโดนหอมเสียจนอุ่น ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ลูกชายลุงวิรัชเป็นอะไร นับวันยิ่งเกะกะเกเรค่ะ

เรานัดเจอกับน้ำผึ้งที่สถานี Gar de l’est (การ์ เดอ เลส) ซึ่งเป็นสถานีใหญ่มีรถไฟต่อไปเยอรมนี ขบวนที่เราขึ้นเป็นรถไฟวิ่งระหว่างประเทศมีชั้นเดียว เขาจะแบ่งเป็นช่วง ๆ ไปว่าตู้ไหนถึงตู้ไหนไปจุดหมายปลายทางอะไร เพราะคงถอดตู้ออกทีละส่วนหลังจากถึงที่แล้ว นึกเปรียบเทียบกับวันก่อน ๆ ที่เดินทางในปารีส รวมทั้งจากสนามบินเข้าตัวเมืองที่ได้นั่งรถไฟสองชั้นแต่สภาพค่อนข้างเก่าโทรมกว่า โดยรวมแล้วปารีสนับเป็นเมืองใหญ่ที่น่าสนใจเพราะนอกจากจะมีสัญลักษณ์เด่น ๆ เช่น หอไอเฟล โบสถ์ Notre Dame และประตูชัย แล้วยังมีพิพิธภัณฑ์ดี ๆ แบบ Louvre หรือเออเซ เลยทำให้ฝรั่งเศสเป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวนมากในแต่ละปี นอกเหนือจากการเป็นแหล่งชอปปิ้งของหรู ๆ มียี่ห้อทั้งหลาย

ตอนรถไฟออกจากชานชาลา มองไปนอกหน้าต่างยังเห็นพระจันทร์เต็มดวงสว่างนวลอยู่เลยค่ะ เราใช้เวลาเดินทางนานค่อนข้างนานเหมือนกัน แต่ส่วนมากฝนจะนั่งหลับสลับกับนั่งชมวิว ตามชนบทของฝรั่งเศสยังเห็นเป็นทุ่งโล่ง ๆ มีบ้านน่ารัก ส่วนของเยอรมนีก็เป็นป่าสนเยอะหน่อย บ้านเรือนของฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นแบบก่ออิฐถือปูนธรรมดา เอกศักดิ์บอกว่าไม่เหมือนอังกฤษที่เขาอนุรักษ์ไว้ทั้งอิฐอย่างนั้นเลยจ้ะ

กว่าเราจะมาถึงมิวนิคก็เกือบบ่ายคล้อย มาถึงโรงแรมเจอรินนภามารอเราอยู่แล้ว เดี๋ยวนี้น้องรินกลายเป็นสาวน้อยท่าทางคล่องแคล่ว แต่งตัวทะมัดทะแมง ซอยผมสั้นแบบเด็กผู้ชาย แต่ยังคงน่ารักเหมือนสมัยอยู่บ้านสวนค่ะ โผเข้ามากอดฝนเสียจนหายใจไม่ออก

“คิดถึงพี่ฝนมาก ไม่ได้เจอเสียนานพี่ยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลย” รินนภาทักฝนก่อนจะหันไปไหว้เอกศักดิ์ แต่แล้วก็ทำตาโตแปลกใจเมื่อเห็นคนข้างหลัง

“อ้าวพี่ผึ้ง ไหงมาอยู่นี่ได้ละ ได้ข่าวว่าพี่จะกลับเมืองไทยนี่หน่า รินนึกว่าถึงบ้านตั้งแต่ปีมะโว้แล้วเสียอีก”

“ฉันแวะมาช็อปปิ้งที่ปารีสก่อน บังเอิญเจอเอกศักดิ์เพื่อนสนิทเลยตามมาเที่ยวด้วย แล้วเรามาทำไมที่นี่ละ”

“ก็มาเจอเพื่อนสนิทกับพี่เขยบ้างนะสิ ไม่นึกว่ายังต้องมาเจอพี่อีก” ท่าทางรินนภาจะไม่ถูกชะตากับเพื่อนของเอกศักดิ์เท่าไหร่เลยค่ะ คงเข้าทำนองศรศิลป์ไม่กินกัน ดูน้ำผึ้งไม่ค่อยอยากพูดอยากคุยกับน้องรินเท่าไหร่ ส่วนน้องสาวของฟ้าก็ใช่ย่อย ท่าทางแสนจะยียวนกวนประสาทขนาดนั้น

“ฉันก็ไม่นึกว่าจะต้องมาเจอเราอีกเหมือนกัน” เสียงหวาน ๆ ที่เคยคุยกับลูกเขยพ่อ ตอนนี้ห้วนเชียวค่ะ แต่ยายรินก็ไม่เห็นยี่หระ ยังคงลอยหน้าลอยตาโต้ตอบไม่หยุดปาก

“แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันนะ ตอนแรกนึกว่าตัวเองจะมาเกะกะคู่ฮันนีมูนซะแล้ว แต่มาเจอพี่นี่ ค่อยยังชั่ว จะได้มีพวกหน่อย ไม่ต้องไปเป็นก้างขวางคอของคู่รักเขา ใช่มั้ยพี่” รินนภาพูดเหมือนจะดักคอน้ำผึ้ง และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ ฝนเลยต้องฉุดยายรินให้ตามเข้าไปคุยกันในห้องก่อน ปล่อยให้เอกศักดิ์อยู่เป็นเพื่อนน้ำผึ้งไปพลาง ๆ

พออยู่กันตามลำพัง น้องรินก็เริ่มโวยวายจนฝนฟังไม่ทัน
“โอย...พี่ฝน ปล่อยให้พี่ผึ้งตามมาทำไมเนี่ย เดี๋ยวแทนที่จะได้เที่ยวอย่างสบายใจ กลับปวดหัวแน่เลย”

“เขาคงอยากมาเที่ยวกับเพื่อนเขานะจ้ะ ผึ้งเขาเจอกับแฟนพี่ที่ปารีสเลยขอตามมาเที่ยวด้วย”

“โลกมันกลมชะมัด แต่คงไม่ได้ขอตามมาเที่ยวอย่างเดียวมั้ง เห็นติดแฟนพี่แจขนาดนั้น รินว่าพี่ผึ้งเขาคงเคยมีอะไรกับพี่เขยรินมาก่อนแน่เลยใช่มั้ยค่ะ” เด็กอะไรช่างซักเสียจริง ฝนเลยไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

“พี่ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ”

“ถ้ารินเดาไม่ผิด ก็คงจะใช่ เพราะตอนอยู่อังกฤษพี่ผึ้งเขาแสนจะเฟลิต ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า ยิ่งกับผู้ชายหล่อ ๆ รวย ๆ แบบนี้ด้วยละก็ พี่ผึ้งคงไม่ปล่อยให้หลุดมือไปหรอก เสียดายที่รินมาเรียนช้าไปไม่ทันรู้จักพี่เขยในอนาคต ไม่งั้นตอนนั้นรินจะได้ช่วยเป็นไม้กันหมา ไม่ให้พี่ผึ้งมายุ่งกับแฟนพี่หรอก แต่ไม่เป็นไรถึงตอนนี้ก็เป็นได้ อย่างรินนี่ไม้หน้าสามซะด้วย”

รินนภาหัวเราะขันความคิดของตัวเอง จนฝนพลอยหัวเราะตามไปด้วย ดู ๆ ไปแล้วยายรินจะแก่นกว่าสมัยก่อนเยอะเลยค่ะ

ฟังจากที่น้องรินเล่าแล้วพอจับใจความได้ว่าหลังจากที่น้ำผึ้งเรียนจบก็ได้งานทำที่บริษัทการเงินของอังกฤษอีกหลายปี ได้พบได้เจอยายรินบ้างตามงานเทศกาลต่าง ๆ ที่คนไทยร่วมกันจัดขึ้น ทั้งปีใหม่ สงกรานต์และลอยกระทง แต่นิสัยไม่ค่อยลงรอยกันนัก เพราะยายรินของเราร้ายไม่หยอก เห็นอะไรที่ไม่ดีก็ขัดเขาตรง ๆ น้ำผึ้งเลยคงไม่ค่อยพอใจที่รินไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่มั้งค่ะ

“ช่างเขาเถอะจ้ะ ว่าแต่ตอนนี้รินเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอตั้งนาน คิดถึงจะแย่ ตอนวันแต่งของพี่ ยายฟ้ากับพี่วฤธก็อุตสาห์มาร่วมงาน พี่ยังอดคิดถึงเราไม่ได้ ฟ้าบอกว่ารินไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมบ้าน เรียนหนักมากเหรอ”

“พอสมควรค่ะ สิ่งแวดล้อมปีสองต้องออกภาคสนามและเข้าห้องทดลองบ่อยกว่าเดิม ยิ่งถึงวันต้องส่งรายงานเป็นไม่ได้นอน บางทีตาหลับไปแล้ว มือยังเขียนต่อได้อีกแนะ ตอนไปส่งนี่ร้อนจนลวกมือเลย แต่รินชอบนะคะ สนุกดี แล้วก็อยากจบกลับไปทำงานเหมือนพี่ฟ้ากับพี่ฝนบ้าง นี่พึ่งสอบเสร็จไป ช่วงนี้ปิดเทอมสำหรับเทศกาลคริสต์มาสประมาณเดือนหนึ่ง รินเลยมีโอกาสตามมาเที่ยวกับพี่ได้ โชคดีจัง ไม่งั้นเหลืออยู่มหาลัยคนเดียว เหงาตายเลย ส่วนมากพอปิดเทอม เด็กต่างชาติจะพากันกลับบ้านเกือบหมด ส่วนเด็กฝรั่งก็กลับไปฉลองเทศกาลกันที่บ้านเขา มหาลัยร้างไปเลยค่ะ” น้องรินยังช่างพูดช่างคุย จนฝนฟังเพลินไปเลย ยิ่งฟังก็ยิ่งคิดถึงตอนเรียนด้วยกันกับยายฟ้า

“ฟังรินเล่าแล้วคิดถึงสมัยพี่เรียนมหาลัยเหมือนกันนะ กี่ปีมาแล้วนะ...อือ... ไม่นับดีกว่า ตอนนั้นพี่กับฟ้าแทบจะไม่ได้กลับบ้านเหมือนกัน กินนอนกันอยู่ห้องแล็บนั่นแหละจ้ะ อาทิตย์หนึ่งนี่ต้องส่งผลแล็บไม่รู้กี่วิชา เวลาออกต่างจังหวัดไปฝึกงานก็หายหัวเข้าสถานีวิจัยในป่ากันเป็นเดือน พูดแล้วเหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านมาหยก ๆ ที่ไหนได้ตอนนี้แต่ละคนแต่งงานกันแล้ว ป่านนี้ไม่รู้ฟ้าหายแพ้ท้องแล้วยัง อีกไม่กี่เดือนก็จะเป็นแม่คนแล้ว”

“คงค่อยยังชั่วแล้วละค่ะ พี่วฤธเพิ่งส่งข่าวมาว่าตอนนี้พี่ฟ้าแข็งแรงดี รินว่าพี่ชายรินนะเห่อลูกคนแรกจะตายไป เวลาพี่ฟ้าจะลุกจะนั่งแต่ละที พี่วฤธแทบจะถลาเข้าไปประคอง ทีน้องสาวไม่เห็นจะตามใจบ้างเลย ไอ้เรานะตกกระป๋องไปตามระเบียบเรียบร้อยแล้ว” เห็นยายรินแกล้งตีสีหน้าเศร้า ๆ แต่แฝงแววทะเล้นแล้วก็ขำค่ะ คุยกับน้องรินนี่แล้วฝนพลอยยิ้มจนปวดแก้ม

“แล้วนอกจากเยอรมนี พี่เอกจะพาพี่ฝนไปเที่ยวเมืองไหนในออสเตรียกับสวิสต่อค่ะ”

ฝนเคยส่งข่าวบอกน้องรินถึงรายละเอียดคร่าว ๆ ว่าพวกเราจะไปเที่ยวที่ประเทศไหนกันบ้าง รินนภาเลยจัดแจงขอ Schengen visa จากสถานทูตเยอรมันในประเทศอังกฤษ นักท่องเที่ยวที่มีวีซ่าแบบนี้สามารถเดินทางไปเที่ยวในประเทศใดก็ได้ในกลุ่มประเทศเชงเกน คือ Austria, Belgium, Denmark, Finland, France, Germany, Greece, Iceland, Italy, Luxembourg, the Netherlands, Norway, Portugal, Spain และ Sweden ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเดินทางเข้าประเทศไหนเป็นประเทศแรก หรือ พักที่ประเทศไหนนานที่สุด ก็ไปขอวีซ่าจากสถานทูตประเทศนั้นค่ะ ส่วนสวิสเซอร์แลนด์ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มกับเขานั้น น้องรินไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าเพราะมีวีซ่านักเรียนอังกฤษอยู่แล้วเขาให้เข้าประเทศได้เลย สะดวกดีค่ะ

“พี่อยากไปเที่ยวเมืองซาลส์บวร์กในออสเตรียก่อน แล้วค่อยเข้าไปเที่ยวดูหิมะแถวอินเตอร์ลาเคนในสวิสจ้ะ”

เมืองซาลส์บวร์กอยู่ติดกับชายแดนเยอรมัน เป็นเมืองของโมสาร์ทนักดนตรีมีชื่อของโลก และเป็นเมืองที่ถ่ายทำภาพยนตร์เพลงเรื่อง The Sound of Music ค่ะ ถ้าเราซื้อตั๋วแบบ Wokenend ticket สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ ราคาจะถูกมาก และสามารถใช้เดินทางรวมกันเป็นกลุ่มได้ถึงห้าคนเลยจ้ะ

ส่วนเมืองอินเตอร์ลาเคนนั้นมียอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป ฝนเลยถือโอกาสจะไปเล่นหิมะที่นั่น น้องรินพลอยตื่นเต้นไปด้วย เพราะเมืองที่เรียนอยู่ในอังกฤษไม่ค่อยมีหิมะตกให้เห็นแบบสะใจค่ะ

“ดีเลย ที่ซาลส์บวร์กรินรู้จักพี่นาวิน พี่ชายของเพื่อนคนไทยที่เรียนอยู่ด้วยกัน ตอนที่เขามาเยี่ยมน้องสาวที่อังกฤษรินยังช่วยพาเที่ยวด้วยเลย คราวนี้จะได้ไปล้มทับให้เป็นไกด์พาเราเที่ยวบ้าง พี่เขามาเรียนทางด้านดนตรีที่นั่นตั้งแต่เด็ก ตอนนี้กลายเป็นนักประพันธ์เพลงและนักดนตรีไปแล้ว ถ้างั้นเดี๋ยวคืนนี้รินจะโทรไปบอกเขาล่วงหน้าให้เตรียมตัวไว้”

“ลำบากเขาหรือเปล่าจ้ะ เราไปกันหลายคนด้วย”

“ไม่หรอกค่ะ พี่วินใจดีจะตาย ยิ่งมีสาว ๆ สวย ๆ อย่างพี่ฝน พี่ผึ้งไปด้วยละก็ รับรองจะตามเอาใจไม่หวาดไม่ไหว พี่ไม่ต้องห่วงค่ะเรื่องนั้น”

หลังจากเอาของเข้าเก็บและพักยืดแข้งยืดขากันเรียบร้อย พวกเราก็ออกมาเดินเล่นชมเมืองมิวนิคตอนพลบค่ำกันค่ะ พากันแวะกินอาหารว่างกันที่สถานีรถไฟก่อน สารพัดทั้งไส้กรอก แฮม ขาหมู อาหารน่ากินทั้งนั้น แถมมีเยอะแยะเต็มไปหมดจนเลือกไม่ถูก เห็นคนเขากินกันง่าย ๆ ซื้อมายืนกินตรงโต๊ะกลมสูงระดับอก กินกันไว เสร็จกันไว เป็นเรียบร้อย

เท่าที่เห็นมิวนิคเป็นเมืองใหญ่มีทั้งรถใต้ดิน รถราง รถรางที่นี่สวยใหม่เชียว ร้านรวงใหญ่โตหรูหราเหมือนห้างสรรพสินค้าบ้านเรา แต่มีชีวิตชีวากว่าเพราะช่วงนี้เขาประดับไฟและต้นคริสต์มาสเพื่อรอรับเทศกาลที่กำลังจะมาถึง

ส่วนพรุ่งนี้เราวางแผนไปเที่ยวปราสาทนอยชวานสไตน์ ซึ่งต้องเดินทางจากมิวนิคไปลงที่สถานีรถไฟเมืองฟึสเซ่น (Fuessen) คงใช้เวลาราว ๆ สองชั่วโมง แล้วค่อยต่อรถเมล์ไปปราสาทนอยชวานสไตน์อีกสิบกว่านาที อ่านในประวัติคร่าว ๆ ว่าเป็นปราสาทที่กษัตริย์ลุดวิกที่สองสร้างขึ้นมาและตั้งอยู่บนเขามองลงมาเห็นทะเลสาบ ฝนเคยเห็นรูปในไปรษณียบัตรแล้วติดใจมากจนอยากมาเห็นของจริง เพราะเหมือนปราสาทในเทพนิยายเลย

แล้วฝนค่อยเขียนมาเล่าต่อพรุ่งนี้นะคะ ตอนนี้ขอตัวไปอาบน้ำก่อนจ้ะ

รักและคิดถึงทุกคนที่สุดเลย

น้ำฝน


**************************************************************************



Muenchen Hotel, Germany

พ่อ อาเมฆและอานาที่เคารพรัก

มิวนิค หรือ มึนเช่นตามภาษาเยอรมัน เป็นเมืองอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟจากปารีสเกือบเก้าชั่วโมง เพราะเราออกเดินทางเกือบเจ็ดโมงเช้าและมาถึงมิวนิคเวลาบ่ายสามโมงกว่า ผ่านเมืองสำคัญ คือ Strasbourg และ Stuttgart แต่ผมไม่รู้สึกว่านานเท่าไหร่เพราะได้นั่งกอดลูกสะใภ้พ่อมาตลอดทาง น้ำฝนพยายามฝืนนั่งชมวิวสองข้างทางแต่คงเหนื่อยจากการเที่ยวตะลอนในปารีสเลยหลับ ๆ ตื่น ๆ เป็นส่วนมาก ผมอดสงสารไม่ได้เลยต้องดึงตัวให้เอนลงมาซบกับอกจะได้หลับสบายขึ้นมาหน่อย พอรถไฟวิ่งเข้าเขตเยอรมันจะเห็นว่าตามสถานีเขาจะมีตัวย่อ HBF ต่อท้ายชื่อสถานี เช่น Muenchen Hbf แปลว่าสถานีหลักมึนเช่น เพราะ Hbf ย่อมาจาก Hauptbahnhof แปลว่าสถานีหลักครับ

วันนี้น่าจะเป็นวันพักผ่อนสบาย ๆ เพราะเราแค่นั่งพักในรถไฟระหว่างเดินทางข้ามประเทศเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าเป็นวันที่ผมปวดหัวที่สุดตั้งแต่พาน้ำฝนมาเที่ยว เพราะหลังลงจากรถไฟน้ำผึ้งกลับตามประกบผมไม่ห่าง ส่วนน้ำฝนก็อยู่ห่างผมไม่มีเข้าใกล้ ยิ่งลูกสาวอานาเจอกับรินนภาด้วยแล้วยิ่งไม่ใส่ใจผมเลยครับ ยังขับไล่ไสส่งให้ผมไปคอยดูแลน้ำผึ้งอีกต่างหาก แถมอากาศคืนนี้หนาวมากน้ำผึ้งเลยได้โอกาสเดินเกาะผมไม่ปล่อยระหว่างที่เดินชมเมืองยามค่ำด้วยกัน ไม่รู้ทำไมมันช่างกลับตาลปัตรไปหมดแบบนี้

คืนนี้ก็เช่นกันน้ำผึ้งแวะมาหาตอนดึกแล้วก่อเรื่องให้ผมหนักใจ เผอิญเป็นช่วงที่น้ำฝนเข้าไปอาบน้ำพอดี ช่างประจวบเหมาะอะไรขนาดนี้

“ผึ้งเหงาค่ะ แล้วโรงแรมที่นี่ก็น่ากลัวด้วย ทึม ๆ สลัว ๆ เหมือนปราสาทเก่า ๆ เอกไปอยู่เป็นเพื่อนผึ้งหน่อยสิค่ะคืนนี้”

“ห้องเราไม่ได้ห่างกันมาก คุณไม่ต้องกลัวหรอกกลับไปนอนเถอะ หรือถ้าคุณกลัวจริง ๆ ขอให้น้องรินไปนอนเป็นเพื่อนก็ได้ และมันไม่เหมาะด้วยที่คุณมาตามผมให้ไปอยู่เป็นเพื่อน” ผมพยายามพูดตัดบทให้เร็วที่สุด หวังว่าน้ำผึ้งจะกลับห้องไปพักผ่อนเสียที แต่ดูเหมือนจะยิ่งต่อความยาวสาวความยืดครับ

“แหม...เอกนี่หัวโบราณจัง ผึ้งไม่สนหรอกนะคะว่าเอกนะแต่งงานแล้ว ผึ้งแค่เห็นว่าเรื่องระหว่างเราในอดีตเป็นสิ่งที่ผึ้งประทับใจ และเมื่อกลับมาพบเจอกันอีกครั้งก็แค่อยากจะรื้อฟื้นความหลัง จากนั้นต่างคนต่างไปใช้ชีวิตของตนเองไม่ผูกมัดกัน เพียงแต่ขอให้วันนี้มีความสุขแค่นั้นพอ และเวลานี้ผึ้งอยากมีสัมพันธ์กับคุณเท่านั้นเองค่ะ เมียคุณไม่เห็นจะสนใจเราเสียเท่าไหร่นี่ค่ะ ทำไมถึงต้องแคร์อะไรมากมาย คุณเป็นผู้ชายจะทำอะไรก็ได้ คงไม่ถึงกับต้องขออนุญาตเมียนะคะ ถ้าจะมานอนกับผู้หญิงอื่นบ้างโดยเฉพาะคู่ขาเก่าของสามี สรุปแล้วคืนนี้เอกไปนอนห้องผึ้งนะคะ”

เจ้าหล่อนอรรถาธิบายไม่หยุดปาก ไม่เพียงแค่นั้นยังรุกเข้าหาผมอย่างไม่ให้ตั้งตัว
แล้วก็เจ้ากรรมที่น้ำฝนออกมาเห็นสาวอื่นพยายามจะกอดรัดและเบียดร่างในชุดนอนบางเบาเข้ากับอกผมพอดี ภาพนั้นคงจะบาดตาไม่น้อยเพราะไม่ทันที่ผมจะรั้งไว้ น้ำฝนก็รีบหันหลังเดินกลับไปในห้องน้ำใหม่ทันที

“คุณปล่อยผมเถอะ ผมแต่งงานแล้ว และไม่มีวันทำให้ภรรยาผมเสียใจ ความสัมพันธ์เมื่อครั้งก่อนเป็นเพียงเรื่องที่คุณเห็นสนุกเท่านั้นและมันจบลงไปนานแล้ว”

“ทำไมค่ะ ผึ้งมีอะไรดีไม่เท่าเมียคุณหรือค่ะ ทั้งสวยทั้งอวบอิ่มกว่า และผึ้งก็เชื่อว่าเมียคุณคงไม่ประสาเรื่องนั้น”

“คุณหยุดพาดพิงถึงน้ำฝนเสียที ผมยังไม่เคยล่วงเกินอะไรเขา แล้วความรักของผมไม่เกี่ยวกับเรื่องบนเตียง คุณกลับไปนอนเถอะ ผมขออยู่กับภรรยาตามลำพัง”

“เมื่อก่อนคุณไม่เคยปฏิเสธผึ้งแบบนี้ แต่ไม่เป็นไรวันนี้คุณยังไม่มีอารมณ์ ผึ้งไม่กวนก็ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณพร้อมละก็ ไปหาผึ้งได้ทุกเวลา ผึ้งจะรอค่ะ”

ผมรู้ว่าน้ำฝนต้องได้ยินคำพูดของสาวอีกคนในห้องโดยตลอด เพียงแต่ไม่ออกมาตอบโต้เท่านั้น ผู้หญิงนี่ช่างเดาใจยากเหลือเกิน แต่ตอนนี้แม้แต่หน้าผม น้ำฝนก็ไม่มองแล้วครับ เอาแต่นิ่งเฉยไม่แสดงกิริยาโกรธหรือถามอะไร ยังคงเงียบเสียจนน่าอึดอัด ผมเลยต้องจับตัวลูกสาวอานาให้หันมาพูดกับผมบ้าง

“คุณโกรธผมหรือ”

“เปล่านี่ค่ะ ฝนมีสิทธิ์อะไรมาโกรธคุณ ในเมื่อคุณกับเขารักกันมาก่อน”

“น้ำฝนฟังผมนะครับ ผมไม่เคยรักใครนอกจากคุณ ถึงผมจะห่างบ้านมาเรียนอยู่ต่างประเทศเสียหลายปี แต่ผู้หญิงที่อยู่ในใจผมก็คือเด็กสาวนัยน์ตาโต ยิ้มหวาน ขี้เล่นและร่าเริง ผมเองยังนึกไม่ถึงด้วยซ้ำไปว่าจะมีโอกาสได้กลับมาคว้าเจ้าของหัวใจดวงนี้มาครอง เพียงแต่เมื่อคราวที่ผมยังไม่มีคุณก็อาจเถลไถลไปบ้างตามประสาผู้ชาย คุณคงไม่ถือ”

“ฝนไม่ถือให้หนักหรอก ถึงตอนนี้คุณอยากเปลี่ยนห้องนอนก็เชิญเถอะค่ะ เดี๋ยวฝนไปนอนกับยายรินได้” ปากบอกว่าไม่ถือ แต่กลับสะบัดหน้าหนีไปเสียดื้อ ๆ นี่ถ้าผมไม่กอดไว้ คงเดินหนีไปนอนกับรินนภาเสียนานแล้ว

“คุณยังงอนอยู่อีกหรือ เพื่อให้คุณสบายใจผมไม่ยอมให้ผึ้งไปเที่ยวกับเราแล้ว” แทนที่ลูกสะใภ้พ่อจะดีใจกลับใจอ่อน พลอยเห็นใจคนอื่นเสียอีก

“ไม่งอนหรอกค่ะ ฝนเข้าใจ อย่าไปห้ามเธอเลยค่ะ มาด้วยกันตั้งไกลขนาดนี้แล้ว จะทิ้งกันง่าย ๆ ได้ไงค่ะ น่าสงสารออกถ้าต้องเคว้งคว้างหาที่เที่ยวตามลำพัง แล้วอีกอย่างคุณจะเสียเพื่อนเปล่า ๆ”

“คุณใจดีเกินเหตุแล้วละครับ แต่ถ้าคุณเข้าใจผมก็สบายใจ”

เป็นอันว่ากว่าผมจะคุยกับลูกสะใภ้พ่อรู้เรื่องก็ดึกโข แต่น้ำฝนยังคงถือทิฐิอยู่ดีไม่ยอมให้ผมนอนกอด เพราะบอกว่าคืนนี้มีคนอื่นรอให้ผมไปกอดอยู่แล้ว อานาดูลูกสาวอาสิครับ เกเรจริง ๆ

จากลูกชายที่กำลังปวดหัวของพ่อและลูกเขยที่เมียไม่ยอมให้กอดของอาเมฆอานา

เอกศักดิ์






Create Date : 27 พฤษภาคม 2549
Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 20:28:35 น. 0 comments
Counter : 197 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธราธร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หากมิเริ่มเพียงก้าว
เจ้าตรองดู
ฤาหาญสู้
อุปสรรคอีกนับพัน
Friends' blogs
[Add ธราธร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.