วสันต์เร่พเนจร (บทส่งท้าย)
เวลาพักร้อนอีกเกือบหนึ่งอาทิตย์ของนาวินหมดไปกับการอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวและพักผ่อนหลังจากตระเวนเที่ยวไปยังที่ต่าง ๆ ช่วงเวลาที่เหลือนี้ชายหนุ่มไม่ได้รุกรินนภา ยังคงรักษาความสัมพันธ์แบบเดิมเอาไว้ เพื่อไม่ให้หญิงสาวรู้สึกลำบากหรืออึดอัดใจ อยากให้สาวน้อยคนนี้คงความน่ารักสดใสและจิตใจที่สะอาดงดงามโดยไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องเขา รอให้ก้าวพ้นวัยเรียนเสียก่อน จึงค่อยแสดงท่าทีต่อหล่อนฉันคนรัก ถึงตอนนั้นหวังว่ารินนภาจะเปิดใจยอมรับในที่สุด
อุตสาห์ตื่นแต่เช้ามาส่งพี่ด้วยเหมือนกันนะ นาวินยิ้มอย่างเอ็นดูทักรินนภาที่อุตสาห์ตื่นมาส่งพร้อมกับนาวีและวิทยาเมื่อถึงวันกำหนดกลับ
โธ่เอ๋ย ... ตื่นได้อยู่แล้ว ตอนไปเที่ยวนี่รินตื่นเช้ากว่าเรียนอีกนะ อาศัยยายวีปลุกแค่บางวันเอ๊ง เก่งมั้ย? พอหกโมงเช้าปุ๊บก็ตื่นเองปั๊บ เล่าแล้วจะหาว่าโม้ รินไม่ได้โม้นะ แค่คุยเขื่องให้ฟังเฉย ๆ เอง คนคุยเขื่องทำหน้าทะเล้นลอยหน้าลอยตาเล่าอย่างชื่นชมตัวเอง
โม้อิ๋บอ๋ายเลยไอ้ริน ...ข้าละไม่อยากจะเซด เสียงลอยลมกวนประสาทดังมาจากวิทยาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนเจ้าเพื่อนตัวดีจะหันไปไหว้ลานาวิน พลางสะกิดนาวีที่ยืนเกาะแขนพี่ชายให้หลบฉาก ปล่อยให้คู่นี้เขาร่ำลากันตามลำพัง
(น่านนน ...มันต้องยังง้านนนน ... เดี๋ยวคนอ่านเอาอะไรเขวี้ยงนะ ถ้าไม่มีบทหวานให้ก่อนจบ) **^_^**
น่ารักจริงนะเรา ... ไม่รู้นาวินหมายถึงการตื่นเช้านั้นน่ารักหรือคนขี้โม้น่ารัก พี่จะกลับมาหาตอนรินเรียนจบ มาเพื่อบอกรักรินอีกครั้ง ชายหนุ่มจับต้นแขนเรียวเล็กนั้นไว้เพื่อให้ตั้งใจฟังเมื่อเห็นอีกฝ่ายยุกยิกอย่างอยู่ไม่สุข ทำเอาหญิงสาวเงียบไปชั่วขณะ ดวงตาหลุบต่ำอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคมเข้มฉายแววจริงใจของคนตัวใหญ่ตรงหน้า
ไว้ให้ถึงตอนนั้น ถ้าพี่ยังเหมือนเดิม เราค่อยมาคุยกันถึงเรื่องนี้อีกครั้งก็แล้วกันเนอะ ... พี่วินเนอะ ... ยิ่งอยู่ห่างกันแบบนี้ รินกลัวว่ารักแท้จะแพ้ใกล้ชิด อะไร ๆ มันก็ไม่แน่นอนหรอก ดวงตาใสปราศจากแววซุกซนเหมือนเช่นเคย คงมีแต่รอยยิ้มประดับใบหน้านวลเท่านั้นที่ทำให้คนฟังใจชื้นขึ้นมาหน่อย
แบบนั้นพี่ไม่เรียกว่ารักแท้ ระยะทางและเวลาไม่มีผลต่อใจที่คงมั่น ชายหนุ่มยิ้มตอบเต็มหัวใจ ดวงตาพราวหวานทอประกายด้วยความหวัง อย่างน้อยยายลิงตัวแสบก็ไม่ตัดไมตรีเสียทีเดียว
กลัวแต่ว่าความรักที่เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ จะสลายไปกับกาลเวลาเมื่อฤดูใบไม้ร่วงกรายมาถึง อย่างที่เขาว่า ใบไม้ยังเปลี่ยนสี นับประสาอะไรกับใจคน
นาวินแทบไม่เชื่อหูตนเองว่าคำพูดที่ได้ยินจะออกมาจากปากคนขี้เล่นอย่างรินนภา พูดแบบนี้ได้แสดงว่าสาวน้อยของเขาคงไม่เด็กแล้วละมั้ง ... ชายหนุ่มกระชับมือหญิงสาวเอาไว้แน่นราวกับจะถ่ายโอนความคิดถึงห่วงหาฝากเอาไว้ก่อนจะตัดใจลา ... ลาเพียงชั่วคราวเท่านั้น ... ไม่ว่าจะไกลสักเพียงไหนเขาก็จะดั้นด้นกลับมา ... กลับมาหาคนของหัวใจ ...
O, my luve's like a red, red rose, That's newly sprung in June. O, my luve's like the melodie Tha'ts sweetly play'd in tune.
As fair thou art, my bonnie lass, So deep in luve am I; And I will luve thee still, my dear, Till a' the seas gang dry,
Till a' the seas gang dry, my dear, And the rocks melt wi' thr sun! And I will luve thee still, my dear, While the sands o' life shall run.
An fare thee well, my only luve! And fare thee well a while! And I will come again, my luve, Tho' it were ten thousand mile.
ไม่ว่าเวลาผันเปลี่ยนไปอย่างไร ใจพี่ที่ฝากไว้กับรินจะมีแต่วสันตฤดู ฤดูกาลที่สวยสดงดงาม เต็มไปด้วยความหวานสดชื่นและความรักเท่านั้น (อุ๋ย! ...เว่อร์ไปหรือเปล่าจ๊ะพ่อหนุ่ม) >_<
รินนภามองตามชายหนุ่มจนลับตา เก็บคำพูดของอีกฝ่ายไว้ในใจโดยไม่เอ่ยตอบคำ นาวินคงไม่รู้หรอกว่าลมฤดูใบไม้ผลิปีนี้ได้พัดพาหัวใจของหล่อนปลิวห่างไปไกลเพียงใด ...
ตราบสิ้นฟ้าดินดับดาวลับคล้อย ใจดวงน้อยยังคอยรอยลมหวน ครั้นเดือนกลับทอสว่างกระจ่างนวล คงได้ทวนชวนชิดสนิทนาน
*************************************
ธราธร ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๖
Create Date : 27 พฤษภาคม 2549 |
|
0 comments |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 21:49:49 น. |
Counter : 623 Pageviews. |
|
|
|