Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
วสันต์เร่พเนจร (๖)



“She is a winsome wee thing,
She is a handsome wee thing,
She is a bonnie wee thing,
This sweet wee wife o’ mine”

นาวินท่องกลอนออกมาอย่างครึ้มใจ เมื่อคณะพเนจรพากันหยุดพักนั่งเล่นบริเวณริมลำธารสายเล็กของ Glen Nevis เทือกเขาที่มี Ben Nevis ยอดเขาที่สูงสุดในสหราชอาณาจักร ซึ่งสูงถึง ๑๓๔๔ เมตร ปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งหน้าหนาวและฤดูใบไม้ผลิ

“พี่วินพูดอะไร ไหงผมฟังไม่ออกเลยละครับ”

“กลอนของโรเบิร์ต เบิร์น กวีชาวสก็อตนะ” นาวินตอบคำถามของวิทยาที่กำลังคว้าขนมกินเล่นเข้าปากตลอดเวลา

“ไอ้คำว่า วี่ วี่ นี่ นี่ มันแปลว่าอะไรกันบ้างฮะ ไม่เข้าใจสักกะประโยค” วิทยาส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ พลางมองอีกฝ่ายอย่างขอให้ช่วยขยายความหน่อย

“wee แปลว่าเล็ก ๆ เหมือนกับคำ little หรือ small ในภาษาอังกฤษ คำว่า winsome เป็นคำอังกฤษโบราณ แปลว่า มีเสน่ห์ ส่วน bonnie เป็นคำสก็อตที่คงได้มาจากคำฝรั่งเศส bon ที่แปลว่า สวย น่ารัก กลอนบทนี้ โรเบิร์ต เบิร์น แต่งให้ภรรยาของเขา”

“ท่าทางเขาจะเป็นคนโรแมนติคมากเลยนะคะ วีเคยเห็นรูป หล่อเชียว เห็นว่ามีสาว ๆ มาติดเยอะแยะ”

“โห ...เหมือนเราเลยแฮะ” วิทยายืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิเอ่ยชมความรูปหล่อของตัวเองแบบไม่อายใคร

“แหวะ ... หน้าไม่อายเลยจริง ๆ เพื่อนใครวะนี่” รินนภาลุกขึ้นยืนทำท่าโก่งคออาเจียนหลังจากนั่งฟังเงียบ ๆ อยู่เป็นนาน ก่อนจะจัดการถอดรองเท้า ถุงเท้า แล้ววิ่งลงเนินตรงไปยังลำธารเบื้องล่าง

“ไปท่องน้ำเล่นกันมั้ย” นาวินเอ่ยชวนคนที่เหลือ

“ไม่ไหวหรอกค่ะ น้ำเย็นเจี๊ยบยังกับธารน้ำแข็งเลย แล้วขี้เกียจเปียกด้วย วีนั่งเล่นนอนเล่นชมวิวแค่นี้ก็พอ” นาวีส่ายหน้าไม่ยอมลุกตามไปด้วย

“ผมก็ขอกินก่อนครับ ยังไม่อิ่มดีเลย” อีกหนึ่งหนุ่มปฏิเสธขึ้นมาบ้าง ปล่อยให้นาวินออกเดินตามรินนภาที่ข้ามไปอยู่อีกฝั่งของลำธารแล้วอย่างรวดเร็ว ช่างไวปานกามนิตหนุ่ม ...

“วิทว่าคู่นี้เขาแปลก ๆ ไปมั้ย” นาวีปรารภขึ้นมาขณะทอดสายตามองตามเพื่อนสาวที่วิ่งขึ้นวิ่งลงน้ำอยู่หลายรอบ คงเพราะทนความเย็นของน้ำนาน ๆ ไม่ไหว ก่อนจะแลเลยชมวิวทิวทัศน์รอบตัวตั้งแต่ฟ้าใสสว่างที่มีปุยเมฆขาวบางลอยเรื่อยเอื่อยไปตามสายลมเย็น ตลอดจนเทือกเขา Glen Nevis ซึ่งยาวเป็นแนวโอบล้อมลานหุบเขากว้างเบื้องล่างที่มีลำธารใสไหลผ่านกรวดหินน้อยใหญ่ คำว่า Nevis มาจาก Gaelic word แปลว่าสวรรค์หรือเมฆ ดังนั้น Glen Nevis อาจหมายถึง ภูเขาสูงเทียมเมฆ

“วีรู้สึกว่ามาคราวนี้พี่วินดูแปลกไป ชักจะยังไง ๆ กับเพื่อนเราซะแล้ว” หญิงสาวหันมามองวิทยา ที่ยังคงนั่งคุ้ยหาขนมมากินอยู่ตลอดเวลา

“โธ่เอ๋ยยัยวี เพิ่งจะรู้เหรอ ข้านะรู้มานานแล้ว ไม่สังเกตพี่ชายตัวเองบ้างเลยเหรอ อุตสาห์เทียวไล้เทียวขื่อ ถ่อมาเยี่ยมน้องสาวบ่อย ๆ ที่แท้มีแรงจูงใจอย่างอื่นด้วย” วิทยาพูดขึ้นอย่างคะนอง มองตามสายตาเพื่อนไปยังคนทั้งคู่

“ฉันไม่ทันสังเกตนะสิ ไม่รู้ยัยรินจะรู้ตัวรึเปล่า” นาวีถอนใจอย่างหนัก ใจหนึ่งก็ดีใจที่พี่ชายมาตกหลุมรักเพื่อนสนิทตัวเอง แต่อีกใจก็หนักใจแทนไม่รู้ว่ารินนภาจะว่าอย่างไรบ้าง เพราะตั้งแต่คบกันมาไม่เคยมีแม้แต่สักครั้งที่อีกฝ่ายแสดงความสนใจเพศตรงข้ามให้เห็น วัน ๆ เห็นแต่เล่นสนุก กะล่อน ตลกโปกฮาไร้สาระไปเรื่อย ตรงข้ามกับพี่ชายหล่อนที่ขยันหาเรื่องสาว ๆ มาเข้าตัว

“เมื่อก่อนมันคงไม่รู้หรอก แต่คราวนี้คงรู้แล้ว มางวดนี้พี่วินเล่นรุกไม่ให้มันตั้งตัวเลยนี่ ดีแล้วละ เพื่อนเรามันจะได้เป็นผู้เป็นคน เอ๊ย! ...เป็นผู้หญิงขึ้นมากับเขาบ้าง”

“เมื่อก่อนพวกเราเอาแต่คอยลุ้นให้พี่วินจีบสาว ๆ เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่ายัยรินกลับมาโดนจีบซะเอง จ๋อยไปถนัดตาเลย” นาวีเอ่ยยิ้ม ๆ นึกไม่ออกว่าคู่นี้จะเป็นยังไงต่อไป

“เราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะ ไม่งั้นขืนไอ้รินรู้ว่าเราเข้าข้างพี่วิน มีหวังมันหันมาถล่มพวกเราแน่ แล้วเรื่องมันจะยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ปล่อยให้พี่วินเขาจัดการเหอะ มือชั้นนั้นแล้ว”


***************************************************************



สายน้ำใสสะอาดทำให้รินนภาอดใจไม่ได้ที่จะถกขากางเกงยีนส์ขึ้นสูงก่อนจะลงไปเดินเล่นอยู่กลางลำธาร ก้อนกรวดใต้ท้องน้ำเจ็บจนเดินลำบาก อีกกระแสน้ำเย็นจัดจนเท้าและขาชาไม่ทำให้หญิงสาวท้อที่จะเดินทวนกระแสน้ำชมธรรมชาติขึ้นไปเรื่อย ๆ อากาศรอบตัวสดชื่นเย็นสบายด้วยแสงแดดรำไรที่ทอลอดเงาไม้ใหญ่ลงต้องผิวน้ำเป็นประกายเลื่อมพราว บริเวณลานกว้างริมตลิ่งเป็นแหล่งพักผ่อนชั้นดีสำหรับครอบครัวที่หอบลูกจูงหลานมานั่งเล่น ผู้ใหญ่นั่งอาบแดดฟังเสียงใบไม้ไหวน้ำไหลผ่าน ส่วนเด็กฝรั่งเล็ก ๆ พากันลงเล่นน้ำอย่างร่าเริง รินนภาเลยพลอยรู้สึกสนุกจนนึกอยากลงเล่นน้ำตามไปด้วย แต่พอหันกลับไปมองธรรมชาติเบื้องหลังที่เดินผ่านมาไกลจึงรู้ว่ามีคนเดินตามหล่อนมานานแล้ว

“เป็นอะไร ... พี่มาใกล้แล้วหน้าบึ้งเชียว เมื่อกี้ยังเห็นอารมณ์ดีกระโดดโลดเต้นอยู่เลย หรือโกรธพี่?” นาวินเอ่ยถามเมื่อเดินตามมาทันหญิงสาวที่หนีกลับขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว

“เปล่า” หญิงสาวยังคงนิ่งด้วยไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไรดี ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาแทนที่

“You are a winsome wee thing,
You are a handsome wee thing,
You are a bonnie wee thing,
This sweet wee love o’ mine”

เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยออกมาพร้อมนัยน์ตาพราวของชายหนุ่มแทนที่จะทำให้คนฟังคล้อยตามไปด้วย กลับทำให้ใบหน้าเฉยเมินเมื่อครู่ระบายลมหายใจพรืดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ก่อนจะผิวปากหวือล้อเลียน

“อย่างรินเนี่ยนะ สวย น่ารัก บอบบาง มีเสน่ห์ อะ ฮ้า ... พี่วินพูดออกมาได้ไม่อายปากเล้ย รินกระดากหูตัวเองชะมัด กลอนเขาเสียหมด เลิกเล่นเหอะ เดี๋ยวบรรยากาศจะเสียซะเปล่า ๆ พี่เก็บไว้ไปพูดกับสาวอื่นเถอะ” รินนภารีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นเอาจริงเอาจัง ชักไม่นึกสนุกกับอีกฝ่ายเสียแล้ว

“ก็เวลาพี่เอาจริง เราดันถอยไม่สู้นี่” นาวินทรุดตัวลงเคียงอีกฝ่ายที่หยุดพักนั่งเหยียดขาใต้เงาไม้เสียดื้อ ๆ มือใหญ่แข็งแรงเอื้อมคว้าข้อมือเล็กที่ระดมปาก้อนหินลงน้ำเล่นอย่างหงุดหงิด พลางกำชับให้อีกฝ่ายนั่งนิ่ง ๆ ฟังเสียงธารน้ำด้วยกัน ราวกับจะให้สายน้ำเย็นเบื้องหน้าช่วยดับไฟในใจของหญิงสาวที่คอยแต่จะพาลหาเรื่อง สักพักคนถูกบังคับให้สงบจึงหันไปกอบก้อนกรวดริมฝั่งมาโรยเรียงเป็นตัวอักษร อย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่า ...


ไม่มีรักพี่จ๋าอย่ามารัก
แสนกลัวนักรักแล้วไม่แคล้วขม
ใช้คำพร่ำพลอดพ้อพะนอชม
ไม่เห็นสมคงคลายแหนงหน่ายไป


นาวินถึงกับยิ้มอย่างเอ็นดู นึกชมความพยายามของอีกฝ่าย เมื่อค่อย ๆ ไล่อ่านทีละตัวอักษรอย่างช้า ๆ ประสมกันเป็นคำจนอ่านได้ใจความ

ไม่มีรักพี่จ๋าอย่ามารัก
ไม่ประจักษ์รักนี้ดีที่ไหน
ขอเชิญรักผ่านพ้นไปจนไกล
อย่ากรายใกล้น้ำใสหัวใจจริง


“เข้าใจตัดพ้อนะ ... พี่คงชอบเราเพราะความประหลาดนี่เอง” ชายหนุ่มหัวเราะออกมา เมื่ออ่านจบ เล่นเอาอีกฝ่ายหันขวับมาทำตาเขียวใส่

“ไอ้พี่วิน! หาเรื่องเหรอ เดี๋ยวเหอะ” ว่าแล้วคนที่สงบได้เพียงชั่วครู่ชั่วยามก็ปาหินก้อนใหญ่ลงน้ำตรงหน้าชายหนุ่ม ทำเอาน้ำแตกกระจายกระเด็นจนอีกฝ่ายเปียกไปหมด แต่เขาก็ยังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอื้อมไปคว้ามือทั้งคู่ของคนข้างตัวไว้เพื่อหยุดการปาระเบิดลูกถัดไป

“กับเรา พี่ไม่ได้เล่นนะ”
มือใหญ่แข็งแรงเลื่อนขึ้นมาจับต้นแขนบอบบางของรินนภาให้หันมาฟังคำ สายตาอ่อนโยนจริงใจแต่หนักแน่นจับอยู่ที่ใบหน้านวลที่ทำไม่รู้ไม่ชี้อย่างถือดี ดวงตาของคนตัวเล็กที่เคยขี้เล่นซุกซนอยู่เสมอบัดนี้กลับเสมองพื้นไม่กล้าสบตาหวานที่กำลังบอกความในใจให้รับรู้ นึกเจ็บใจตัวเองนัก ความกล้าความแก่นที่เคยมีไม่รู้หายไปไหนหมด อยากจะอัดคนตรงหน้าให้หายแค้นที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะแบบนี้ แต่ก็กลัวว่าถ้าอีกฝ่ายเกิดเอาคืนขึ้นมา ตัวเองนะแหละจะเสียเปรียบ ปากน้อย ๆ เลยเฉไฉเปลี่ยนเรื่องพูดเสียดื้อ ๆ ไม่ให้อีกฝ่ายรุกเอาตามใจชอบอีกต่อไป

“เหรอ ... ไม่เล่นหน่อยเหรอ พี่วินไม่เล่นกับริน ก็ไม่เห็นมีใครยอมเล่นด้วยเลยนะ แต่ตอนนี้เรากลับกันเถอะ สองคนนั้นคงคอยแย่แล้วละ ยังต้องไปต่ออีก พี่วินเคยดูเรื่องแฮรรี่ พอตเตอร์มั้ย เอ ...คงไม่เคยละสิ หนังเด็ก ๆ เหมาะสำหรับวัยขนาดรินแบบนี้ พี่คงเลยวัยไปแล้วเนอะ เนี่ย ... รินดูตั้งหลายรอบ (ขี้โม้จริง เด็กอะไร) สนุ๊ก สนุกนะเออ”
พูดมาก ๆ ยาว ๆ แบบนี้ รับรองคนฟังมึน ... หญิงสาวยิ้มให้อย่างทะเล้นอีกครั้ง พลางแอบถอนใจไม่ให้อีกฝ่ายเห็น ก่อนจะทะลึ่งตัวขึ้นยืนทันที

“ได้ดูสิ หนังออกดังขนาดนั้น ทำไมหรือ” เมื่อเห็นสาวน้อยของเขายังไม่พร้อมจะรับรู้ ชายหนุ่มก็ไม่ฝืนใจ ปล่อยให้ชวนคุยเรื่องอื่นแทน

“แฮรรี่ภาคแรก Harry Potter and the Philosopher’s Stone ก็มาถ่ายทำกันที่ Glen Nevis นี่เอง ใช้เป็นฉากหลังของการแข่ง Qidditch ไอ้ที่เราเห็นเขาขี่ไม้กวาดไล่กวดลูกบอลกันไปมาไง” หญิงสาวหันมาเล่าให้ฟังพลางคว้ากิ่งไม้ขึ้นมาทำท่าเหมือนเจ้าหนูแฮร์รี่ขี่ไม้กวาดวิเศษวิ่งวนรอบ ๆ ตัวเขาอย่างนึกสนุก วันก่อนพึ่งเป็นหนุมานน้อย วันนี้กลายเป็นพ่อมดน้อยเสียแล้ว

“เดี๋ยวเราจะไปดูทางรถไฟที่เขาถ่ายทำหนังเรื่องนี้ภาคสองด้วย จากนี่เลยออกไปไม่ไกลหรอก” พูดจบรินนภาก็เร่งความเร็วของไม้กวาดผละนำไปก่อน แถมยังหันหลังกลับมาเร่งคนข้างหลังอีกว่า

“เร็ว ๆ สิพี่วิน ช้าเดี๋ยวอดดู ที่บอกว่าไม่ไกล ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่หลงนะ” สีหน้าท่าทางของคนนำทำเอานาวินถึงกับยิ้มตอบอย่างเอ็นดูในความน่ารัก ก่อนจะสืบเท้ายาว ๆ ตามไปติด ๆ


**************************************************************************



“จาก Glen Nevis ย้อนกลับไปที่ตัวเมือง Fort William ก่อนแล้วค่อยเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย A830” เนวิเกเตอร์สาวอธิบายเส้นทางคร่าว ๆ ให้คนขับฟังขณะมุ่งหน้าออกมาจาก Ben Nevis

“ตอนนี้เราถึงทะเลสาบอะไรแล้วเหรอวี” รินนภาหันมาถามคนนั่งข้าง ขณะขับมาได้สักพัก จนถึงเส้นทางที่เลียบไปตามทะเลสาบอีกแห่ง

“ถึง Loch Eil แล้วละ เมื่อกี้ผ่านที่พักเราคืนนี้ด้วย แต่เลยไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยย้อนกลับเข้าที่พักตอนมืดเลยทีเดียวแล้วกันนะ” นาวีหันมาบอกสองหนุ่มข้างหลังที่พากันนั่งเงียบ วิทยาหลับตั้งแต่เริ่มขึ้นรถ ส่วนนาวินเพียงแต่หันมายิ้มให้น้องสาวพลางพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันกลับไปชมธรรมชาติข้างทางต่อ หญิงสาวลอบสังเกตพี่ชายกับเพื่อนสาว ก็ไม่เห็นทีท่าผิดปกติไปของคนทั้งคู่ที่หายไปเดินเล่นริมลำธารด้วยกันมาตั้งนาน รินนภายังคงร่าเริง ส่วนนาวินก็อารมณ์ดีเหมือนเช่นเคย เลยชักลังเลไม่แน่ใจว่าตกลงคู่นี้เขารักกันหรือเปล่า

“พี่ว่าเราเลยมาไกลจาก Glenfinnan แล้ว” นาวินเริ่มสงสัยเมื่อไม่มีทีท่าว่าจะถึงจุดหมายปลายทางหลังจากผ่านทะเลสาบมาหลายแห่ง พลางขอแผนที่น้องสาวมาตรวจดูอีกครั้ง

“ในแผนที่กะว่าประมาณ ๑๙ ไมล์จาก Fort William ก็น่าจะถึง Loch Shiel ที่อยู่ตรงข้ามกับ Glenfinnan แต่เราคงเลยมาไกลมากแล้ว นี่ถ้าวิ่งต่อไปอีกหน่อยก็ถึงเมือง Mallaig ที่จะข้ามไปเกาะ Isle of Skye ได้เลย” ชายหนุ่มอธิบายเส้นทางข้างหน้าให้ฟัง

“อ้าว! ...หลงอีกแล้วเรา ให้มันได้แบบนี้สิ แต่ทางแถวนี้สวยดีนะ เลียบทะเลสาบทั้งนั้นเลย ทางก็สุดยอด โค้งต่อโค้ง หลงแบบนี้ชอบแฮะ คงต้องเรียกว่าตั้งใจหลงละ” รินนภาพึมพำอย่างเห็นขัน

“เอ ...ทำไมเราถึงไม่เห็นเจ้าทางรถไฟสวย ๆ นั่นละค่ะ วีกวาดสายตามองหาทั่วแล้วนะ ดูจากแผนที่ก็น่าจะเห็นได้จากทางที่รถวิ่ง” นาวีชักไม่มั่นใจว่าเลยมาแล้ว หรือว่ายังไปไม่ถึงกันแน่ กลัวจะหาไม่เจอก่อนพลบค่ำ

“มันอาจจะอยู่ลึกเข้าไปจนเราไม่ทันเห็นก็ได้ เดี๋ยวค่อย ๆ มองหากันใหม่อีกที”
นาวินตัดสินบอกให้คนขับหาที่กลับรถย้อนกลับไปทางเดิมอีกครั้ง ขับต่อมาอีกสักพักจึงแวะเข้าจอดในบริเวณลานกว้างข้างทาง เพื่อถามทาง แต่พอลงจากรถรินนภากลับร้องตะโกนขึ้นมาอย่างดีใจ

“นั่นไง นั่นไง เห็นแล้ว โธ่เอ๊ย อยู่ห่างออกไปอีกตั้งไกล ไม่น่าละพวกเราเลยไม่ได้เอะใจเลี้ยวเข้ามาแถวนี้เสียแต่แรก นึกว่าเป็นแค่จุดชมวิวทะเลสาบเฉย ๆ”

“ถึงแล้วเหรอ ทำไมแป๊บเดียวเองละ” วิทยางัวเงียลุกขึ้นมาถามเมื่อเห็นรถจอดสนิท และได้ยินเสียงดังลั่นของรินนภา

“นายวิทเอ๋ย พวกเราหลงไปไหนต่อไหนตั้งไกลแล้ว เพิ่งจะย้อนกลับมาเจอนี่ละ นายนี่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเล้ย” รินนภาหันมาค่อนเพื่อนที่หลับสบายอยู่คนเดียวตลอดทาง ก่อนจะฉุดคนขี้เกียจให้รีบลงจากรถ


********************************************************************


Glenfinnan เป็นสะพานรถไฟที่ฐานด้านล่างโค้ง ตั้งอยู่ตรงข้ามกับทะเลสาบ Loch Shiel มีอนุสาวรีย์ Glenfinnan monument ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ๑๘๑๕ ลักษณะเป็นแท่งสูงตั้งอยู่บริเวณต้นทะเลสาบ

“หนังเรื่องแฮร์รี่ภาคสอง Harry Potter and the Chamber of Secrets ก็ถ่ายทำกันแถวนี้ ฉากที่เราเห็นรถเหาะได้ที่รอนกับแฮรรี่กำลังขับไปโรงเรียนเกือบจะชนกับรถไฟ Hogwarts Express นั่นแหละเขาใช้วิวสะพานนี้” รินนภาหันไปคุยให้ทุกคนฟังขณะพามุดรั้วลวดหนามที่กั้นเขตไว้เพื่อเดินขึ้นเนินเขาไปหาทำเลถ่ายรูป

“อะไรวะ จากมุมนี้มองแล้วไม่สวยเท่าที่เขาถ่ายในหนังเลย แถมยังเห็นเสาไฟฟ้าแรงสูงอีก” วิทยาบ่นขณะเดินตามขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อตั้งกล้องถ่ายรูป

“เหอะน่า ขึ้นไปอีกหน่อยเดี๋ยวก็ได้มุมดี ๆ เอง” นาวีที่เดินตามหลังออกแรงดันคนขี้บ่นให้รีบ ๆ เดิน ส่วนรินนภากระโดดพรวด ๆ ขึ้นไปถึงยอดก่อนแล้ว

“ขึ้นมาถึงยอดแบบนี้แล้วมองเห็นได้ทั้งสะพานและทะเลสาบ แต่เสียดายที่มันอยู่กันคนละฝั่ง” นาวินเอ่ยชมภาพที่เห็นขึ้นมาบ้าง สายลมโชยเอื่อยที่พัดผ่านกอหญ้าซึ่งขึ้นกระจายตลอดทั้งเนินเขารวมทั้งดอกเลาที่ขึ้นเป็นพงเอนลู่ตามแรงลม

“ข้อมูลท่องเที่ยวบอกว่าเส้นทางรถไฟจาก Fort William มา Mallaig นี่เป็นเส้นทางที่สวยที่สุดในประเทศเลยนะ คงเป็นเพราะเจ้าสะพานตัวนี้ด้วยแหละ” รินนภาตะโกนเล่าแข่งกับเสียงลม ขณะที่นั่งเล่นชมวิวโดยรอบกันอย่างสบายอารมณ์ รอพระอาทิตย์จับขอบฟ้าเป็นสีแดงอมชมพูเรื่อ ก่อนจะลาลับทิ้งฟ้าครามไว้เบื้องหลัง อิ่มใจแล้วทั้งหมดจึงค่อยชวนกันทยอยกลับลงมา

“เฮ้ย!” เสียงร้องลั่นของวิทยากับเสียงกระแทกแรง ๆ ทำให้ทุกคนหันกลับไปมองแล้วก็ต้องหัวเราะออกมาพร้อมกัน เมื่อเห็นฝ่ายนั้นก้นจ้ำเบ้าไถลลื่นลงมาตามดินชื้น ๆ อย่างยั้งไม่อยู่

“กางเกงเลอะหมดเลยวะไอ้วิท” รินนภายังคงหัวเราะขำอีกฝ่ายไม่หยุด

“ยังมีหน้ามาหัวเราะเยาะอีก เลอะแบบนี้จะเอากางเกงไหนนุ่งต่อวะนี่ เอามาแค่ตัวเดียวเอง” ชายหนุ่มเหลียวหลังก้มลงดูกางเกงตัวเองที่เปื้อนดินโคลนตลอดทั้งแนว

“คืนนี้ซักตากก็ได้ ถ้าแห้งไม่ทัน นายก็นุ่งผ้าขาวม้าดิ ลายสก็อตเหมือนกันนะ สวยดีออก เผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปในตัวไง” หญิงสาวยิ่งล้อเลียนหนักเข้าไปอีก ทำให้อีกฝ่ายเดินหน้ามุ่ยดิ่งกลับรถเพื่อไปหาเศษกระดาษเช็ดเศษดินออก

“คืนนี้เราพักที่ไหนหรือฮะ” วิทยาเอ่ยถามนาวินเมื่อกลับมาพร้อมกันที่รถ

“Farm Cottage แถว Corpach ใกล้ ๆ กับ Fort William”

“แถวนั้นสวยเหมือนกันนะคะ มันเป็นจุดบรรจบกันของ Loch Eil และ Loch Linnhe เราได้ห้องพักที่มองเห็นทะเลสาบ Loch Eil ด้วย” นาวีอธิบายเพิ่มเติมจากคำพูดของพี่ชาย

“ฮืม ...ดี เมื่อคืนมองเห็น Loch Lomond คืนนี้มองเห็น Loch Eil เอาให้นอนฝันเห็นทะเลสาบกันไปเลย กว่าจะเที่ยวเสร็จคราวนี้คงละเมอหาแต่ทะเลสาบกับภูเขาแน่” นาวินอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกทวนรายชื่อของทั้ง Loch และ Glen ที่ผ่านมา


***************************************************************



นอนหลับฝันดี? เห็นจะผิดคาด เพราะพอตกดึกเหตุการณ์ชุลมุนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในห้องของสองหนุ่ม

“พี่วิน! ทำไมผมคันยิบ ๆ ผื่นขึ้นทั้งตัวก็ไม่รู้ฮะ” วิทยาโวยวายเมื่อล้มตัวลงนอนได้สักพัก

“อือ ...นั่นสิ พี่ก็เป็น” นาวินเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วก็พบสาเหตุเมื่อเลิกผ้าปูที่นอนขึ้น

“โว้ย! ...หญ้าคันทั้งนั้นเลย” วิทยารีบกระโดดโหยงขึ้นจากเตียงทันทีเมื่อเห็นเศษใบไม้อ่อนบางมีหยักโดยรอบ ทั้งด้านบนและด้านล่างของใบประกอบด้วยขนละเอียดเล็ก

“งานนี้ฝีมือไอ้รินแน่ เห็นมันเดินเข้าเดินออกให้วุ่นวาย นึกว่ามันมาสำรวจลาดเลาดูสภาพห้องตามนิสัยชอบเจือกของมัน หนอยแนะ ... ที่แท้มันเล่นเราเข้าให้แล้ว” คนช่างพูดยังคงบริภาษตัวต้นเหตุอย่างแสนแค้น พลางคลำตุ่มเล็ก ๆ ที่เห่อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“เจ้าหญ้าคันนี่แถวมหาลัยมีเยอะฮะ ไอ้รินเคยโดนมาแล้ว แค่มันเดินอาด ๆ แกว่งแขนหาเสี้ยน เสี้ยนก็ทิ่ม! พริบตาเดียวเห็นผลทั้งผื่นทั้งผด ขนาดแค่ขนอ่อนบางของใบเท่านั้น โอ๊ย ...ไม่อยากจะบอกว่าปวดแสบปวดร้อนเหมือนกับใครเอาเข็มสักร้อยเล่มมาปัก (เวอร์ไปนะ) ไม่รู้มันนึกพิเรนไปหามาแกล้งกันกลางดึกแบบนี้ทำไม” ทั้ง ๆ ที่เจ็บร้องโอดโอย แต่วิทยาก็ยังเล่าให้อีกฝ่ายฟังอย่างออกรส

“ร้ายจริง เด็กอะไร!” นาวินถึงกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจเมื่อเห็นฤทธิ์ของรินนภา ก่อนจะหันมาบอกให้อีกฝ่ายช่วยกันเก็บกวาดเศษหญ้าคัน พร้อมรื้อผ้าห่ม ผ้าปูนอนทั้งหมดออกไปเปลี่ยนที่ล็อบบี้ข้างล่างของโรงแรม แล้วขอชุดใหม่มาเปลี่ยนแทน กว่าจะได้นอนต่อก็เล่นเอาเหงื่อแตก ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจเมื่อคิดถึงยายตัวแสบ งานนี้โดนเด็กแก้แค้นเอาเสียแล้ว แค่เกริ่นบอกรักยังขนาดนี้ ขืนทำอะไรรุ่มร่ามมากกว่านี้ เจ้าหล่อนคงเล่นถึงปางตาย เฮี้ยวขนาดนี้เขาคงปวดหัวแน่กว่าจะปราบได้สำเร็จ






Create Date : 27 พฤษภาคม 2549
Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 21:33:59 น. 0 comments
Counter : 263 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธราธร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หากมิเริ่มเพียงก้าว
เจ้าตรองดู
ฤาหาญสู้
อุปสรรคอีกนับพัน
Friends' blogs
[Add ธราธร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.