Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
วสันต์เร่พเนจร (๒)





“นี่แม่เจ้าประคุณทูนหัวของนายวิทยา เมื่อไหร่แม่จะตื่นเสียทีละจ๊ะ ทุกคนรอแม่อยู่คนเดียวละนะ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงหนายยยยย ...”

เสียงยียวนกวนประสาทดังแว่ว ๆ เข้าโสตประสาทของคนนอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น เป็นจริงอย่างที่ชายหนุ่มพูด เพราะหลังจากสอบวิชาของ Lent Term เสร็จ รินนภาก็สลบไปเสียสองคืนเต็ม ๆ สั่งห้ามทุกคนเรียกโดยเด็ดขาดนอกจากเวลากิน แล้วเจ้าหล่อนก็ตื่นมากินอย่างเดียวจริง ๆ กินเสร็จคลานขึ้นเตียงไม่พูดไม่จา ไม่เสียเวลาคุยยืดเยื้อ

“อะไรเนี่ย ถึงวันออกเที่ยวแล้วเหรอไอ้วิท หัวหูยังไม่ทันหายยุ่งเลยต้องเตรียมตัวออกเที่ยวต่อแล้ว” เสียงอู้อี้อือออมาจากผ้าห่ม

“แหม ...พูดออกมาได้ยัยริน เล่นนอนตลอดเวลาแบบนี้ หัวมันก็ยุ่งนะสิยะ” เสียงนาวีขัดขึ้นอย่างหมั่นไส้ ขณะช่วยฉุดคนนอนอืด ๆ มุดอยู่ใต้โปงให้ลุกเสียที

“ตะวันส่องก้นแล้วโว้ย โปรแกรมเที่ยวยัยวีก็วางแผนจัดการให้แล้ว รถพี่วินก็ไปเช่าเรียบร้อย ถอยมาเทียบหน้าบันไดหอตั้งแต่หัวรุ่ง รอแต่เมื่อไหร่คุณนายตื่นสายจะเสด็จลงจากเตียง” วิทยาใช้วิธีแผดเสียงเอะอะแกล้งคนขี้เซา

“เออ ...เออ ...ตื่นแล้ว ...โวยวายกันอยู่ได้ ฉันตื่นแล้ว พวกนายลงไปก่อนดิ อีกสามนาทีตามไป” ทนรำคาญเสียงบ่นกรอกหูของเพื่อนสนิททั้งคู่ไม่ไหว รินนภาเลยรีบเผ่นจากเตียงเข้าห้องน้ำก่อนที่จะโดนบ่นมากไปกว่านี้


*******************************************************************



ต้นฤดูใบไม้ผลิที่แสงอาทิตย์เริ่มจับขอบฟ้าตั้งแต่ก่อนหกโมงและลาลับไปในช่วงสองทุ่มเหมาะกับการออกสำรวจสภาพแวดล้อมที่ต่างจากห้องเรียนและหอพักในมหาวิทยาลัยบ้าง นาวีอ่านพยากรณ์อากาศล่วงหน้าตรวจสอบสภาพดินฟ้าอากาศแล้วก็พบว่าอาทิตย์ที่จะถึงนี้แดดดีทุกวัน นับว่าโชคดีไม่ต้องคอยกังวลว่าฝนอังกฤษที่ส่วนมากตกกะปริบกะปรอยตลอดทั้งปีจะทำให้เที่ยวกันลำบาก

“วันนี้ไปไหนก่อนเหรอ” เสียงคนตื่นสายที่สุดเอ่ยถามคนขับ หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยไม่ขาดไม่เกินสามนาทีพอดี เพราะรู้ตัวว่าไอ้เพื่อนตัวแสบคอยนั่งจับเวลาอยู่ ตอนแรกกะว่าจะขึ้นมานอนต่อบนรถ แต่วิวทิวทัศน์สองข้างทางกลับเรียกร้องความสนใจไปได้หมด ตั้งแต่ฟ้าใสตัดกับปุยเมฆขาวสะอาดที่เกี่ยวคลอเป็นสายยาวสุดลูกหูลูกตา ตลอดจนไม้ใหญ่เริ่มผลิใบอ่อนล้อเล่นลม พร้อมกับพรมดอกหญ้าหลากสีตัดกับทุ่งหญ้าเขียวสดที่เต็มไปด้วยฝูงแกะและวัว

“อุทยานแห่งชาติ Lake District ไล่ไปตั้งแต่ทะเลสาบทางใต้ขึ้นไป เริ่มจาก Windermere, Ambleside, Grasmere, Thirlmere, Keswick จนถึง Buttermere” เสียงตอบของนาวินยังแสดงให้เห็นว่าอารมณ์ดี ไม่มีวี่แววอิดหนาระอาใจเหมือนน้องสาว หรือทีท่าว่ารำคาญเหมือนวิทยา

“ว้าว!

I wandered lonely as a cloud
That floats on high o'er vales and hills…”

“ผีเข้ารึไอ้ริน ท่องอาขยานอะไรของเอ็งวะ ตื่นหรือยังเนี่ย” คู่อาฆาตเปิดศึกขัดขึ้นมาทันที ไม่รอให้รินนภาเพ้อไปเรื่อย ๆ”

“ผีเวิร์ดสเวิร์ธเข้าเฟ้ย จะไปเที่ยว เลค ดิสทริค ทั้งทีเลยนึกถึงกลอน The Daffodils ที่เขาแต่ง แต่ฉันจำได้แค่ที่พล่ามออกมานั่นแหละ วีจ๋า… วี ...รินรู้นะว่าวีท่องได้ ท่องให้ฟังหน่อยสิจ้ะวีจ๋า ดูสิมองไปทางไหนก็เห็นแต่ดอกแดฟโฟดิลเหลืองเต็มไปหมดเลยเนอะ” หญิงสาวหันมาประจบเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันบริเวณตอนหลังของรถ แล้วก็เผลอหัวเราะออกมาเต็มเสียงเห็นอีกฝ่ายเริ่มค้นหายาดมให้วุ่นวาย เพราะหนทางที่ผ่านเป็นเพียงเส้นทางเล็กแคบขึ้น ๆ ลง ๆ เนินเขาและคดเคี้ยว

“ขอแบบธรรมดาก็ได้ยัยริน ไม่ต้องฝืนให้มันหวานเลี่ยนขนาดนั้น วียิ่งเมารถอยู่ เดี๋ยวอาหารเช้าก็ออกหมดหรอก ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นบ้ากลอนนี่ แสดงว่าครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษเพราะได้เที่ยวใช่มั้ยละ”

“ถูกเผงเลย

ฉันท่องเที่ยวเดียวดายคล้ายเมฆน้อย
ที่ล่องลอยเหนือหุบผาวนาสวรรค์
แดฟโฟดิล ฉันได้เห็นเป็นร้อยพัน
จับกลุ่มกันสีเหมือนทองผ่องพิไล*

ดูสิถนนทั้งเส้นมีแต่รถเราคันเดียว ท่ามกลางความเวิ้งว้างของทุ่งหญ้าและเนินเขา” ปากหญิงสาวยังคงเพ้อไปเรื่อย อีกทั้งกางแขนโบกสะบัดไปมาพลางโยกตัวตามอย่างน่าเวียนหัว

“มากันตั้งสี่คน พูดมาได้ว่า เดียวดาย โม้จริง ๆ เลยไอ้ริน” ชายหนุ่มที่นั่งหน้าคู่คนขับอดหันมาแซวสาวช่างโม้ที่นัยน์ตาพราวขณะรำพันกลอนเพราะ ๆ ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย

“นี่…คุณวิทยาหุบปากสักครู่จะได้มั้ย ดูพี่วินดิ สงบปากสงบคำ น่าร้ากกกก…”
คนน่ารักหลุดหัวเราะออกมาอย่างขำ ๆ คบกับพวกเด็กสร้างบ้านนี่ก็สนุกดีเหมือนกันแฮะ

“ก็พี่วินเขาขับรถนี่หว่า ทางชนบทอังกฤษมันช่างแสนจะแคบ แถมแถวนี้โค้งแล้วโค้งอีก ต้องใช้สมาธิเยอะ จะมามัวพูดอยู่ได้ไง ข้าไม่มีอะไรทำก็ต้องขัดคอเอ็งนะสิ ไม่งั้นเฉาแย่เลย นี่ถ้ามาตามทางหลวง M6 ป่านนี้ถึงไปแล้ว จากเมืองเราขึ้นไปถึงทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ก็แค่ประมาณชั่วโมงเดียว แต่ทางนี้นะดีแล้วละ สวยกว่ากันเยอะ”

“ฉันจะได้ฟังมั้ยเนี่ย กลอนของเวิร์ดสเวิร์ธเนี่ย ขอตั้งนานแล้ว มีแต่มารผจญแบบนี้ไม่ได้ฟังธรรม เอ้ย ...ฟังกลอนสักที ท่องเหอะวี” หันไปสะกิดเพื่อนข้าง ๆ ที่ทำไม่รู้ไม่ชี้ เสมองธรรมชาติสองข้างทางทำตัวเป็นกลางสุดชีวิตไม่เข้าข้างฝ่ายไหนทั้งสิ้น แต่ในที่สุดก็ทนรินนภาคะยั้นคะยอไม่ไหว

“I wandered lonely as a cloud
That floats on high o'er vales and hills…”
When all at once I saw a crowd,
A host, of golden daffodils,
Beside the lake, beneath the trees,
Fluttering and dancing in the breeze.

Continuous as the stars that shine
And twinkle on the milky way,
They stretched in never-ending line
Along the margin of a bay:
Ten thousand saw I at a glance
Tossing their heads in sprightly dance.

The waves beside them danced, but they
Out-did the sparkling waves in glee:
A Poet could not be but gay
In such a jocund company!
I gazed - and gazed - but little thought
What wealth the show to me had brought:

For oft, when on my couch I lie
In vacant or in pensive mood,
They flash upon that inward eye
Which is the bliss of solitude;
And then my heart with pleasure fills,
And dances with the daffodils.**”

“รินจะไม่เล่าประวัติคนแต่งให้พี่ฟังหน่อยเหรอ” นาวินเอ่ยถามสาวน้อยที่นั่งฟังเพลินจนกลอนจบตั้งนานแล้วก็ยังไม่พูดอะไร ปล่อยให้บรรยากาศในรถเงียบสนิทไปอึดใจใหญ่ นึกชมในใจว่าเด็กพวกนี้ก็รู้จักซึ้งและชื่นชมศิลปะเหมือนกัน

“ถามผิดคนแล้วพี่วิน ถามมาด้ายยยย ...ปัดโธ่” เสียงตอบกลับมานั้นทำเอาเจ้าของคำถามอยากจะถอนคำชมเมื่อครู่ทิ้งไปทันที

“แล้วใครรู้บ้างละ ลองเล่าให้พี่ฟังสิ” ชายหนุ่มหันไปถามสมาชิกอีกสองคนที่เหลือ

“ผมก็ไม่รู้ฮะ เรื่องแบบนี้ไม่ถนัด” สีหน้าวิทยาปุเลี่ยน ๆ ไม่นึกว่าจะโดนซักประวัติกวีคนสำคัญของอังกฤษไปด้วย

“วิทเขาถนัดแต่เรื่องสาว ๆ ค่ะพี่วิน” นาวีเอ่ยแซวเพื่อนทันที

“ใช่ ถ้าประวัติสาวแล้วละก็ วิทมันล้วงลึกไปถึงไหนต่อไหนเล้ย” รินนภารีบเสริมเป็นกองหนุน

“ทะลึ่ง!” เสียงบ่นพึมพำจากปากของหนุ่มที่โดนเพื่อนช่วยกันถล่ม ก่อนจะหันมาหาสาวน้อยที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม คาดคั้นให้รีบเล่าเสียดี ๆ ก่อนที่รินนภาจะลามปาม ขุดเรื่องสาว ๆ ของเขามาเล่าต่อ

“วีรู้นิดหน่อยเท่านั้นเองแค่ว่า เวิร์ดสเวิร์ธกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก มีลุงและอาคอยช่วยเหลือส่งเสียให้เรียนหนังสือ สมัยหนุ่มรักกับสาวฝรั่งเศสจนมีลูกด้วยกัน แต่ก็โดนผู้ใหญ่บังคับให้กลับบ้าน จะกลับไปฝรั่งเศสอีกก็ไม่ได้เพราะหลังจากนั้นก็เกิดสงครามระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสพอดี”

“หือ ...น่าสงสารเนอะ นี่แหละน้า เขาว่ารักคือทุกข์” รินนภาหันมาพยักพเยิดกับเพื่อนที่กำลังเค้นความจำออกมาเล่า

“ทำยังกับรู้ดีเชียวไอ้ริน ทำเป็นถอนจงถอนใจ เคยแล้วเหรอเอ็งนะ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครพูด

“เออ ...ก็เพราะรู้นะสิวะ ถึงไม่รักใคร ไม่เหมือนเอ็งหรอกรักวันละหลายครั้ง เที่ยวเอาใคร่ไปแจกแลกรัก เดี๋ยวสักพักคงได้เจอดี”

“ฮะ ฮ้า! เดี๋ยวนี้พูดอะไรคล้องจองกันไปหมด ผีกวียังไม่ออกจากร่างรึไง”

“ดีกว่าเอ็งแล้วกัน ผีเจาะปากมาพูด”

“อ้าว ...ถึงพอดี พักยกก่อนนะ” นาวินขัดจังหวะขึ้นมาขณะนำรถเข้าจอดเทียบข้างทางที่เมือง Boness เพื่อแวะเที่ยวทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของ Lake District


***********************************************************************


“โห ...หงส์เต็มเลย ตัวอ้วน ๆ ทั้งนั้น พี่วินดูสิค่ะ” นาวีร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเมื่อมองเห็นกลุ่มหงส์สีขาวแต่ไกล ไม่ลืมที่จะคว้าถุงขนมปังติดมือไปแบ่งปัน

“สวยดีเนอะ แถวนี้มีเรือบริการล่องทะเลสาบด้วย” รินนภาชี้ให้เพื่อนสาวดูวิวทิวทัศน์โดยรอบซึ่งประกอบไปด้วยภูเขาโอบล้อมทะเลสาบกว้างใหญ่ ตามชายฝั่งบางแห่งเป็นสะพานไม้ยื่นเข้าไปในน้ำมีเรือไม้จอดเรียงรายสองฟาก คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาเที่ยวชมและถ่ายรูปบรรยากาศ

“เดี๋ยวพี่ไปถามรายละเอียดเรือให้แล้วกัน พวกเราเดินเล่นกันแถวนี้ไปก่อน” หัวหน้าทีมผละไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ที่เหลือเดินทอดน่องตามแนวชายฝั่งที่เต็มไปด้วยหินกรวดไปให้อาหารแก่หงส์ที่อยู่ถัดไปไม่ไกล

“เป็ดก็เยอะเนอะ รู้แล้วละคำโบราณที่ว่า เขียวหัวเป็ด มันเป็นยังไง เขียวเข้มเป็นมันระยับอย่างนี้นี่เอง” นาวีพยักหน้าอย่างเพิ่งเข้าใจ ขณะเอ่ยกับเพื่อนในกลุ่ม

“เฮ้ย! ทำไมหงส์พวกนี้มันตะกละนักละ ขนมปังหมดแล้วยังตื๊อวิ่งตามจิกอีกเว้ย ไหนใครว่าหงส์มันหรู เริ่ด เฉิด หยิ่ง แล้วนี่ไหงกลายสภาพเป็นหงส์ตะกละอย่างนี้” วิทยาเอะอะฟ้องสองสาวเมื่อวิ่งหนีเจ้าหงส์ทั้งฝูงที่คอยวิ่งไล่ตาม ดูน่ากลัวอยู่ไม่น้อยเพราะตัวมันทั้งใหญ่ทั้งสูงเกินกว่าเอว เวลาชะเง้อชูคอไล่จิกแต่ละทีเล่นเอาคนวิ่งหนีสะดุ้งกระโดดจนตัวลอย ภาพตรงหน้าเรียกเสียงหัวเราะดั่งลั่นจากหญิงสาวทั้งคู่ นึกสมน้ำหน้าคู่กัดไม่น้อย

“พี่ได้ตั๋วเรือแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงเรือถึงจะออก เรายังพอมีเวลาเดินเที่ยวแถวนี้อีกสักพัก เรือจะขึ้นไปถึงบริเวณตอนต้นของทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ เพื่อให้แวะเที่ยวแถวเมือง Ambleside ก่อนแล้วค่อยจับเรือกลับมาที่นี่อีกครั้ง เวลาล่องเรือทั้งขาไปขากลับก็เกือบสองชั่วโมงได้”

นาวินแจกตั๋วเรือให้ทุกคนในกลุ่มพลางอธิบายรายละเอียดการท่องเที่ยวที่เหลือ ปล่อยให้แต่ละคนเดินเที่ยวตามอัธยาศัยก่อนจะนัดแนะมาเจอกันในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้าเพื่อขึ้นเรือรอบถัดไป วิทยาแยกไปเดินดูร้านรวงขายของที่ระลึกเพียงลำพัง ส่วนสองสาวพากันเดินเล่นเลียบทะเลสาบไปเรื่อย ๆ นาวินเลยอาสาตามไปเป็นตากล้องให้ทั้งคู่เลือกถ่ายภาพได้ตามชอบใจ


*************************************

หมายเหตุ * นายา - บนเส้นทางสายวรรณกรรม
** William Wordsworth (1770-1850)



Create Date : 27 พฤษภาคม 2549
Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 21:17:31 น. 0 comments
Counter : 281 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธราธร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หากมิเริ่มเพียงก้าว
เจ้าตรองดู
ฤาหาญสู้
อุปสรรคอีกนับพัน
Friends' blogs
[Add ธราธร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.