Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
ตามรอยรัก (๑๒)




Jungfraujoch

ลุงวิรัช และพ่อกับแม่ที่คิดถึงที่สุด

วันนี้เราจะขึ้นไปเที่ยวยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปกันค่ะ ตอนเช้าอากาศรอบตัวเย็นชื้นและหมอกลงจัดจนมองไม่เห็นเทือกเขาที่โอบล้อมตัวเมือง แต่พอสายหน่อยแดดเริ่มออก หยดน้ำค้างที่เกาะตามกิ่งก้านของต้นไม้เป็นประกายใสเชียว คราวนี้ฝนเตรียมใส่เสื้อผ้าหนาเต็มที่เพื่อเตรียมไปสู้กับหิมะจ้ะ

“หือออ..อือออ...หนาว ๆ ขนาดนี้ พี่เขยรินคงคิดถึงพี่ฝนน่าดูเลยนะ เล่นหนีมานอนกับรินทุกคืนแบบนี้ รินจะพลอยซวยไปด้วยมั้ยเนี่ย โทษฐานให้ความร่วมมือกับพี่” รินนภาครางอือออหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ จนฝนต้องลุกเอาผ้าเช็ดตัวไปห่มให้อีกผืน

“เขาไม่ว่าอะไรหรอกจ้ะ นี่...แล้วเราไม่ยอมเช็ดหัวเช็ดหูให้แห้งแบบนี้ก็หนาวแย่สิ”

“รินรู้แล้วละว่าทำไมพี่ฝนถึงได้ดื้อขนาดนี้ ก็แฟนออกจะรักและตามใจขนาดนั้น แต่รินว่าไม่ดีนะคะ ยิ่งพี่ผึ้งยังวนเวียนตอมไม่ไปไหนอย่างนี้ด้วย พี่ยิ่งต้องระวัง”

“จ้า...สอนราวกับพี่เป็นเด็ก ๆ”

“แต่รินว่าโดนอำแรงขนาดนั้น พี่ผึ้งคงเสียหน้าและรับไม่ได้หรอก ถึงจะรู้ความจริงทีหลังก็คงไม่กล้ากลับมาหาพี่เอกแล้วละ เล่นแสดงความรังเกียจออกนอกหน้าซะขนาดนั้น”

เห็นรินนภาเฝ้าแต่ถอนใจและบ่นพึมพำราวกับยายแก่แล้วก็ขำ ดูท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนแทนฝนเสียเหลือเกิน นี่ถ้าไม่ปรามไว้บ้างน้องรินคงหาเรื่องจัดการซะผึ้งแตกรังไปแล้วค่ะ

“น่าประหลาดมาก พี่ผึ้งทั้งสวยทั้งรวย ความรู้ก็ดี ดูแล้วพรั่งพร้อมไปเสียทุกอย่าง แต่ไหงกลับทำตัวราวกับตัวเองเป็นพลอยหุงไปได้ สงสัยคงขาดความรักความอบอุ่นเสียจนต้องไขว่คว้ามาครอง เฮ้อ...ช่างไม่สนใจหรือเห็นใจคนอื่นบ้าง รินเห็นแล้วก็ปลง เข้าใจขึ้นอีกเยอะเลยว่าในโลกนี้มันมีทั้งสิ่งดีและไม่ดีปะปนกันไป จะหวังว่าเราต้องพบแต่คนดี ๆ คงไม่ได้”

“พี่คงได้แต่ภาวนาให้เขาพบรักแท้เสียทีจ้ะ”

“รินหวังอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของพี่ผึ้งนั่นแหละ ถ้าเขาไม่เห็นค่าของตัวเอง แล้วใครจะเห็น”

ได้ยินน้องรินนั่งบ่นวิเคราะห์วิจารณ์เป็นยายแก่แล้วเลยพลอยคิดถึงพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่หก

‘อันนารีรูปงามทรามสวาท
ถ้าแม้ไร้มารยาทอันงามสม
คงไม่มีชายดีจะอบรม
มีแต่ชมเพื่อพลางแล้วร้างไปฯ’

เจอกันคราวนี้รู้สึกว่ารินนภามีความคิดอ่านเป็นผู้ใหญ่เกินตัว การมาอยู่ไกลบ้านเพียงลำพังคงทำให้แกเข้าใจชีวิตและมองอะไรด้วยเหตุผลมากขึ้นละมั้งค่ะ

กว่าจะแต่งตัวเสร็จและลงมาทานอาหารเช้าข้างล่าง ก็พบว่าหนุ่ม ๆ นั่งรอเราอยู่แล้ว โดยมีน้ำผึ้งคอยนั่งประกบนาวินไม่ห่าง จากที่ฝนเพิ่งเห็นรินนภาเป็นผู้ใหญ่เกินตัวก็กลับกลายเป็นสาวน้อยคนเดิมแทบจะทันที เปิดฉากปะทะคารมบริหารฝีปากกับน้ำผึ้งกันแต่เช้า แต่คงไม่มีอะไรแล้วละค่ะ เพราะน้ำผึ้งตัดสินใจไปช็อปปิ้งที่ซูริคต่อแล้ว เพียงแต่ยังมีท่าทีเสียดายที่ลากพี่วินไปด้วยไม่ได้เท่านั้นเอง

รายการเที่ยววันนี้เราต้องเปลี่ยนรถไฟถึงสามคันเพื่อจะขึ้นไปเที่ยวที่ยอดยุงเฟรายอค ในช่วงแรกทางยังไม่ชันเท่าไหร่ แต่หลังจากนั้นค่อยเพิ่มระดับความลาดชันขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบถึงยอดที่รถไฟต้องวิ่งลอดอุโมงค์ตัดทะลุเขา ทิวทัศน์สองข้างทางบางช่วงเป็นลำธารที่เต็มไปด้วยแผ่นน้ำแข็งระเกะระกะขวางกั้นทางเดินของน้ำ บริเวณตีนเขามีท่อปล่อยน้ำที่ไหลจากหน้าผาลงสู่ลำธารเพื่อไม่ให้ท่วมถนนหรือทางรถไฟ น้ำในลำธารใสจังเลยค่ะ

ยิ่งขึ้นไปสูงยิ่งตื่นตาตื่นใจ เลือกไม่ถูกเลยว่าจะมองทางไหนดี เพราะสวยไปหมดทุกด้าน เหลียวไปทางไหนเห็นแต่หิมะ บางแห่งขาวล้วนน่าลงไปกลิ้งเกลือก บางแห่งมีต้นสนเขียว ๆ ขึ้นแทรกอยู่ท่ามกลางหิมะขาวสะอาดตา เวลาทอดสายตาไปไกล ๆ จะเจอแต่เทือกเขาเป็นแนวยาวสลับซับซ้อน บางลูกขาวโพลนมีสีฟ้าอมเขียวแทรกอยู่บ้าง บางเทือกแต้มด้วยสีขาวของหิมะสลับกับสีน้ำเงินเข้มเกือบดำของภูเขาเอง สวยจนบรรยายไม่ถูกเลยจ้ะ

ถึงสถานี Kleine Scheidegg ที่เราต้องลงเพื่อรอเปลี่ยนรถไฟแล้วค่ะ เลยถือโอกาสแวะกิน Rosti กับไส้กรอกเป็นอาหารกลางวันก่อนจะจับรถไฟคันต่อไป แค่ตรงนี้ก็เต็มไปด้วยหิมะหนา ๆ สุดสายตา นักท่องเที่ยวมาเล่นสกีแถบนี้เยอะมาก มองไกล ๆ เหมือนมดเลย ส่วนมากเขาแบกสกีและสโนบอร์ดกันมาเองเกือบทั้งนั้น แต่ละคนมีชุดกันหนาวแบบรัดกุมและแว่นกันลมกันแสงสะท้อนของหิมะเป็นอุปกรณ์ประกอบการเล่นด้วย ตามทางเล่นสกีจะมีเสาสะท้อนแสงปักเป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นเครื่องหมายบอกทิศทางให้สกีไปตามทางที่แนวเสาปักอยู่เท่านั้นจะได้ไม่อันตราย เห็นพวกเขาเล่นเก่งกันทั้งนั้นเลยแม้แต่เด็กตัวเท่าเมี่ยงก็เล่นเป็นแล้ว ทึ่งจังเลย

พอเราขึ้นถึงยุงเฟรายอค ฝนก็รีบตรงออกไปหาหิมะกันก่อนทันที หิมะหนามิดเท้า แต่ไม่ลื่นมากเพราะยังเป็นเกล็ดปุย ๆ ถ้าถูกรอยเท้าเหยียบอัดจนแน่น หรือกลายเป็นน้ำแข็งแล้วคงจะลื่นมาก ฝนได้เห็น ได้จับ ได้เหยียบ ได้นั่ง ได้นอน ได้กลิ้งไปกลิ้งมากับหิมะเสียสมอยาก (ขี้เห่อจังเลย ลูกใครก็ไม่รู้) เพราะคิดว่าโอกาสได้มาเที่ยวยอดยุงเฟรานี่คงเป็นครั้งเดียวในชีวิต once a life โชคดีที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ไม่งั้นเอกศักดิ์คงอายแทนแน่ เพราะลูกสาวพ่อไม่อายไงค่ะ ดู ๆ ไปแล้วหิมะก็ไม่ได้ต่างไปจากเกล็ดน้ำแข็งในช่องแข็งของตู้เย็นเลย

กว่าจะยอมลงจากยอดเขา พระอาทิตย์ก็รอไม่ไหว ชิงลับขอบฟ้าไปก่อนแล้ว คราวนี้เลยได้ชมวิวเทือกเขากับหิมะยามอาทิตย์อัสดง พยายามเก็บภาพประทับไว้ในความทรงจำให้มากที่สุดแทบจะไม่ยอมกะพริบตาเลยจ้ะ ฟ้าหลังเขาเริ่มเป็นสีชมพูแล้ว สวยจัง พอขึ้นมาข้างบนแบบนี้แล้วไม่เห็นต้นสนอีก สงสัยมันคงทนหนาวที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีไม่ไหวเหมือนกัน ไม่มีสีเขียวมาแซมสีขาวแล้วเลยยิ่งดูขาวโพลนไปหมดค่ะ

ช่วงนี้เป็นหน้าหนาว ฟ้ามืดเร็ว รถไฟเลยหมดเร็วไปด้วย ถ้ามาหน้าร้อนคงอยู่ได้จนถึงสี่หรือห้าทุ่มกว่าฟ้าจะมืดและรถไฟจะหมด แต่นี่สี่โมงเย็นก็พลบค่ำแล้ว เราเลยต้องรีบจับรถไฟขบวนสุดท้ายกลับลงมายังอินเตอร์ลาเคนอย่างแสนเสียดาย

อินเตอร์ลาเคนน่าอยู่จังนะคะ เป็นเมืองเล็ก ๆ ถึงแม้จะเป็นจุดเริ่มต้นของขบวนรถไฟที่ขึ้นไปสู่ยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป แต่กลับไม่ใช่เมืองที่นักท่องเที่ยวมาพักมากนัก เพราะส่วนมากเขาจะพักกันในเมืองใหญ่ ๆ แล้วค่อยเดินทางมาต่อรถไฟเพื่อขึ้นไปเล่นสกีหรือชมวิวทีหลัง อย่างเวลาลงจากรถไฟก็จะมีแต่พวกเรานั่นเองที่เดินกลับที่พัก เมืองเขาจึงไม่พลุกพล่าน ไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไหร่ รถราไม่เยอะ ยังเห็นเขาใช้จักรยานกันอยู่เลย น่ารักจริง น่าอิจฉาคนเมืองนี้ที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวย ๆ อากาศดี ๆ แต่คงหนาวเหมือนกัน โดยเฉพาะพวกที่อยู่บนเขากับหิมะตลอดทั้งปี ถ้าเลือกได้ขออยู่พื้นล่างแล้วค่อยขึ้นไปลองเล่นสกีบนเขาเป็นครั้งคราวดีกว่า แต่ฝนพูดไปอย่างนั้นเองละค่ะ ถึงยังไงที่ไหนก็สู้บ้านเราไม่ได้ ทั้งอบอุ่นทั้งสุขใจเป็นที่สุด ใช่มั้ยค่ะพ่อจ๋าแม่จ๋า

รักและคิดถึงจังเล้ย

น้ำฝน


**************************************************************************



Interlaken Ost

พ่อ อาเมฆและอานาที่เคารพรัก

วันนี้พาน้ำฝนไปเล่นหิมะครับ จากอินเตอร์ลาเคนต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่ Ginderwald เพื่อขึ้นต่อไปยัง Kleine Scheidegg ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๒๐๖๑ เมตร แล้วค่อยขึ้นไปถึงยอด Jungfraujoch ที่ความสูงประมาณ ๓๔๕๔ เมตร

เห็นระบบการคมนาคมที่เขาสามารถสร้างทางรถไฟขึ้นมาถึงยอดเขาสูงแบบนี้แล้วเลื่อมใสมากครับ ยิ่งขึ้นไปถึงยอดยุงเฟรายอค ยิ่งผ่านอุโมงค์ที่ตัดผ่านเขาหลายแห่ง แต่ภายในอุโมงค์ยังมีบริเวณที่กรุกระจกให้นักท่องเที่ยวแวะชมวิวรอบนอกได้ที่จุด Eigerwald และ Eismeer ก่อนจะถึง Jungfraujoch

ดูจากแผนที่แล้ว จาก Jungfraujoch (๓๔๕๔ เมตร) สามารถมองเห็นยอด Jungfrau ซึ่งได้สมญานามว่า Top of Europe (๔๑๕๘ เมตร) ทางทิศตะวันออก และยอด Monch (๔๐๙๙ เมตร) และ Eiger (๓๙๗๐ เมตร) ทางทิศตะวันตก ในหนังสือท่องเที่ยวเล่าว่า เมื่อปี ๒๐๐๑ ยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนบริเวณยุงเฟราให้เป็นมรดกทางธรรมชาติของโลกเหมือนหมู่เกาะกาลาปากอส และหุบเขาแกรนด์แคนยอน และอื่น ๆ และทางรถไฟที่ขึ้นไปถึงยุงเฟรายอคก็เป็นทางรถไฟที่สูงที่สุดในโลกครับ

Jungfraujoch เป็นจุดชมวิวที่มีพื้นที่ราบเพียงเล็กน้อย จึงไม่เหมาะกับการเล่นสกี ส่วนมากแล้วหากใครอยากเล่นสกีเขาจะหยุดอยู่ที่ Kleine Scheidegg (๒๐๖๑ เมตร) ไม่ต้องขึ้นมาถึงนี่ซึ่งตั๋วรถไฟมีราคาแพงกว่าถึงสองเท่า รอบบริเวณเป็นหน้าผาที่ด้านล่างเป็นสีน้ำเงินเข้มระหว่างหุบเขา ตัดกับหิมะขาวสะอาด แลดูเวิ้งว้างกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เผลอนึกไปว่าอยู่บนสวรรค์ที่มีนางฟ้าน่ารักกำลังชื่นชมธรรมชาติรอบตัว น้ำฝนเก่งมากครับ ออกมาเล่นหิมะตั้งนานไม่มีบ่นว่าหนาวสักนิด คงกลัวว่าจะโดนบังคับให้หลบเข้ามาอยู่แต่ในอาคาร ทั้งวิวทั้งนางแบบสวยขนาดนี้ ผมเลยกดชัตเตอร์ไม่ยั้งจนนาวินถึงกับล้อทีเดียว

ส่วนด้านในอาคารที่สร้างไว้บริการนักท่องเที่ยวมีจุดที่น่าสนใจ คือ ถ้ำน้ำแข็ง ทั้งพื้นและผนังเป็นน้ำแข็งหมด ภายในมีรูปสลักจากน้ำแข็งเช่นกันเป็นรูปต่าง ๆ ทั้งหมีขั้วโลกและนกเพนกวินประดับอยู่ตามเวิ้งถ้ำ สาว ๆ พากันติดอกติดใจกันใหญ่ ตั้งแต่เที่ยวกันมายังไม่เห็นน้ำฝนออกปากว่าเหนื่อยหรือเพลียเลย เห็นรอยยิ้มร่าเริงสดใสและแววตาเป็นประกายตื่นเต้นดีใจเหมือนเด็ก ๆ นั่นแล้ว ผมก็พลอยชื่นใจไปด้วย

สำหรับปัญหาเรื่องน้ำผึ้ง คงโล่งอกแล้วละครับ เพราะตอนสายวันนี้เขาเดินทางเข้าซูริค แล้วคงบินกลับเมืองไทยจากที่นั่นเลย น้ำผึ้งขอให้นาวินไปเป็นเพื่อนเหมือนกัน แต่โดนรินนภาขัดขึ้นมาก่อนอย่างไม่ยอมแพ้ความพยายามของอีกฝ่าย

“อะไรพี่ผึ้ง... จะเอาพี่วินไปเป็นเพื่อนร่วมทาง หรือเพื่อนร่วมเตียงกันแน่ค่ะ บอกวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนหน่อยสิ คนเขาจะได้ตัดสินใจได้ถูก”

“เด็กบ้า ปากคอเราะร้ายเหลือเกินนะ ระวังตัวเองไว้มั่งเหอะ แบบนี้คงไม่มีใครอยากได้ไปเป็นแฟน สวยก็ไม่สวย แถมยังปากเสียอีกต่างหาก”

“แล้วยังไง ต้องแบบพี่เหรอ ถึงจะจับผู้ชายได้ไม่ต้องอายใคร” รินนภาท้าทายไม่หยุดหย่อน อีกทั้งท่าทางที่ไม่ยอมลงให้อีกฝ่ายด้วยแล้ว ทำให้น้ำผึ้งโกรธจนตาแทบถลนออกมานอกเบ้า

“ยัยบ้า ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ปากเน่าอะไรอย่างนี้ ไม่เคยพบเคยเห็น” สายตาน้ำผึ้งอาฆาตรินนภาอย่างเห็นได้ชัด ดีที่นาวินขัดขึ้นมาก่อน ไม่งั้นน้ำผึ้งกับรินนภาคงก่อสงครามประสาทกันให้ตายไปข้างหนึ่ง

“ผมคงขอตัว บังเอิญไม่ค่อยชอบเมืองใหญ่เท่าไหร่ อยากอยู่เที่ยวธรรมชาติแบบนี้มากกว่าครับ”

“ผึ้งก็แค่ลองชวนดูเท่านั้นละค่ะ เผื่อคุณสนใจ แหม...มาสวิสทั้งทีผึ้งอยากหาซื้อนาฬิกาแพง ๆ ดี ๆ จากที่นี่ไปบ้าง แต่เมืองนี้มันเล็กเหลือใจ ร้านรวงจะให้จับจ่ายซื้อของมีไม่กี่แห่งเอง ผึ้งทนอยู่ต่อไม่ไหวแล้วละ เดินทางต่อไปซูริคดีกว่า”

“เชิญตามสบายครับ ขอให้คุณโชคดี” นาวินปฏิเสธด้วยเสียงราบเรียบ ไม่มีร่องรอยความเจ้าชู้เหมือนที่คุยกับน้ำผึ้งเมื่อวานเหลืออยู่เลย

“แหม คุณวินละก็... คนอย่างผึ้งที่พร้อมไปหมดทุกด้านอย่างนี้คงไม่ต้องอาศัยโชคหรอก ใช่มั้ยค่ะ”

“ถึงไม่ต้องอาศัยโชค แต่แน่นอนว่าต้องอาศัยคุณงามความดีครับ...” นาวินยังไม่ทันพูดจบดี น้องรินก็รีบต่อทันทีราวกับรอจังหวะนี้มานาน

“พี่ผึ้งเคยได้ยินเปล่าที่สุนทรภู่สอนไว้นะ

‘เป็นสตรีมิใช่ชายเสียดายศักดิ์
จะปลูกรักเรรวนหาควรไม่
อันความดีมีอยู่ดูจำไว้
อย่าพอใจรักชั่วให้มัวมอม’

รู้ไว้ด้วยว่าแถวนี้ไม่มีใครเขาต้องการรักชั่ว ๆ ของพี่หรอก ไปหาเอาดาบหน้าเถอะไป๊”

คำพูดของทั้งคู่เล่นเอาน้ำผึ้งโกรธจนแทบกระอัก ถ้าไม่ขวางไว้เขาคงจะถลาเข้ามาทำร้ายรินนภาด้วยแรงแค้น แต่พอเห็นว่าทำอะไรไม่ได้เพราะสู้แรงผมไม่ไหว ก็ได้แต่คว้ากระเป๋าผลุนผลันจากไปอย่างหัวเสีย

“เก่งเหมือนกันนะเรา เล่นด่าเขาเป็นกลอนเลย” นาวินหันมาขยี้หัวรินนภาที่ยืนงง ๆ มองตามน้ำผึ้งไปจนลับตา

“นั่นซิ... ไม่รู้ขุดมาได้ไงเหมือนกัน ใคร ๆ ก็ว่ารินเจ้าสำบัดสำนวน แต่เพิ่งเห็นว่ามันใช้งานได้ก็คราวนี้เอง ได้บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ค่อยคุ้มหน่อยแฮะ เหมือนโบราณท่านว่าหมายังมี ใช่หน้าที่เจ้าของต้องเห่าเอง ใช่มั้ยพี่วิน”

“อย่างเราเนี่ย... ไม่ใช่แค่เห่าหรอก กัดเขาจมเขี้ยวจนกระเจิงไปแล้ว” นาวินยังล้อรินนภาไม่เลิก ทำเอาเจ้าตัวถึงกับหัวเราะไม่หยุด

เป็นอันว่าเราคงเที่ยวกันต่อได้อย่างสบายใจแล้ว หมดกังวลเสียที ยังมีเวลาที่อินเตอร์ลาเคนอีกสองวัน เราคงเดินเที่ยวเล่นบริเวณทะเลสาบแถวนี้ครับ

เอกศักดิ์





Create Date : 27 พฤษภาคม 2549
Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 20:50:03 น. 0 comments
Counter : 221 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธราธร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หากมิเริ่มเพียงก้าว
เจ้าตรองดู
ฤาหาญสู้
อุปสรรคอีกนับพัน
Friends' blogs
[Add ธราธร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.