ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
31 ตุลาคม 2552
 

ลูกเป็นอะไร ตอนที่ 16

M R I

วันนี้ดิฉันตื่นเต้นมาก น้องซันก็ตื่นเต้น ดิฉันรู้ว่าลูกโตแล้ว ตลอดทางที่ไปโรงพยาบาล น้องซันถามดิฉันตลอดทางว่า "หม่าม้าว่าซันเก่งไหมครับๆๆๆๆ"

ดิฉันคิดว่าการตัดสินใจรอมาร่วม 4-5 ปีมานี้ ไม่ได้เป็นการตัดสินใจผิดเลย

+++++

เรามาถึง รพ. ที่ครอบครัวเราใช้บรการมาร่วม 10 ปี นั่นคือ รพ.พระรามเก้า (4 ปีที่แล้ว ยังไม่มีเครื่องMRI เลย ตามที่ดิฉันเคยเล่าให้ฟัง)...งานนี้ พยาบาล สถานที่ คุณหมอ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นที่ที่คุ้นเคยหมด ดิฉันปรึกษาคุณหมอและเตรียมการเต็มที่ว่า

1.) ขั้นแรก น้องซันต้องทานยานอนหลับ
2.) หากไม่หลับ ก็จะฉีดยาเข้าเส้น แล้วหลับทันที
3.) หากต้องทำขั้นตอนที่ 2 ดิฉันจะเปิดห้องพัก admid ทันที เพราะเวลาลูกฟื้น สภาพร่างกายคงยังไม่พร้อมกลับบ้านแน่ ดิฉันเคยฉีดยาเข้าเส้นตอนผ่าตัดไส้ติ่งแล้วรู้ว่ากว่าที่สภาพจะกลับคืนปกติ ก็่วม 2-3 ชั่วโมง

ดิฉันมั่นใจว่ายานอนหลับเอาไม่อยูแน่ มันจะต้องเป็นเหมือนครั้งแรกที่ดิฉันได้พยายามจะทำมาเมื่อหลายปีก่อน แต่คุณหมอยังยืนยันเอาเช่นนั้น อ๊ะ!!!! ก็ลองดู

+++++++

เป็นจริงอย่างที่คิด ...ยานอนหลับชนิดไม่แรงเท่าครั้งที่แล้ว จำนวน 2 เม็ดไม่สามารถเอาน้องซันอยู่ ในสภาพของคนที่ทานยากล่อมประสาท หากสมองของเราไม่พยายามผ่อนร่วมไปกับยานั้น เอาไม่อยู่จริงจริงค่ะ คนที่ทานยานอนหลับ เค้าต้องพร้อมที่จะพักผ่อน แต่น้องซัน ตื่นเต้นตลอดเวลา

ดังนั้น จึงต้องใช้บริการคุณหมอดมยาในทันที ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาเที่ยงวันพอดี คุณหมอกำลังจะลงไปทานข้าว แต่ดิฉันอ้อนวอนคุณหมอว่าขอรบกวนเวลาอีกซัก ชั่วโมงครึ่งเถอะ (ขอมากไปจริงจริงเรา คนจะไปทานข้าว) เพราะหากให้น้องซันรอคุณหมอทานข้าว น้องซันเองจะเป็นฝ่ายร้องทานข้าว แล้วการที่คนเราต้องสลบเนี่ยะ เค้าห้ามมีอะไรในท้องเป็นอันขาด

คุณหมอใจดีมากค่ะ ขึ้นมาทันทีเลยทีเดียว...

สภาพน้องซันอนนั้นเริ่มเครียด ถึงเครียดที่สุด เพราะพยาบาล 3 ท่าน พร้อมกับเวรเปล 2 ท่าน เตรียมพร้อมรอบตัวน้องซัน เพราะเค้ามีประสพการณ์กันว่า เอาเข้าจริงเวลาเด็กจะเจาะเข็มเข้าร่างกายนั้น จะดิ้นสุดุดดดดด ทีมงานเตรียมจับขึงทันที

น้ำตาตกใน...คือคำพูดที่ใช้ได้กับดิฉันในตอนนี้ค่ะ

น้องซันเรียกหาดิฉัน แต่พยาบาลขอความกรุณาคุณแม่ออกไปข้างนอก ดิฉันเดินออกไปแบบสติแตกเลยทีเดียว

จริงจริงไม่มีอะไรเลย ดิฉันเข้าใจดี แต่ว่ามันกดดันมากนะคะ!!!!!

แอบเอาหูฟังตลอด ลำดับเหตุการณ์เองตลอด เหมือนจะได้ยินเหตุการณ์เริ่มเข้าที่ ดิฉันก็ผลักประตูเข้าไป ได้ทันเห็นคุณหมอฉีดยาเข้าเส้นเลือดที่แขนลูกพอดี ยาออกฤทธิ์อย่างเร็ว นับ 1 ถึง 5 ช้าช้า น้องซันดีดตัวขึ้นมา แล้วเกร็งตัวอย่างแรง เหมือนกับสภาพร่างกายที่ไม่อยากนอน กำลังต่อสู้กับยาที่สั่งให้นอนดิฉันตกใจมาก น้ำตาไหลที่สุดแล้วค่ะ....คุณหมอรีบหันมาบอกว่านี่คือปฏิกิริยาต่อต้านของยา แต่เป็นเพียงแว่บสั้นสั้นแค่นั้นค่ะ

ไม่ถึง 15 วินาที น้องซันก็นิ่ง ทีมงานทำงานกันเต็มที่ รวดเร็วมาก ซักพักเดียวทั้งตัวน้องซันก็เข้าไปในอุโมงค์ ทีมงานทุกท่านออกจากห้องไปนั่งเฝ้าจอการทำงานอยู่อีกห้องนึงที่มีกระจกกั้น
ส่วนในห้องที่น้องซันนอนนิ่งอยู่ มีเพียงดิฉันกับคุณหมอดมยา ยืนกันอยู่คนละมุมของห้อง คุณหมอบอกว่าให้ดิฉันออกไปรอข้างนอกได้ เพราะต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ท่ามกลางเสียงที่ดังเหมือนเหล็กตีกันตลอดเวลา

ดิฉันขอคุณหมออยู่กับลูก สายตาก็มองอยู่แต่กราฟความดัน และหัวใจของลูก ไม่ละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว ....เต็มไปด้วยน้ำตาแล้วค่ะ!!!! ภาวนาขอให้อย่าเจออะไรในสมองของลูก เพราะหากเจออะไรแปลกประหลาด นั่นหมายถึงน้องซันคงต้องผ่าสมองแน่แน่+++++

1 ชั่วโมงในห้อง MRI มันนานเหมือน 1 ปีเลยนะคะ ดิฉันยืนนิ่งนิ่ง 1 ชั่วโมงโดยไม่รู้สึกเมื่อยเลยแม้แต่นิดเดียว

ระหว่างที่อยู่ในห้อง คุณหมอได้ถามดิฉันว่า น้องซันมีอาการอะไรหรือ ถึงต้องมาทำ MRI ดิฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณหมอฟัง คุณหมอพูดขึ้นมาว่า
"อึมมมม...น่าแปลก เคสระบบประสาทในเด็กเล็กเนี่ยะ เป็นในเด็กผู้ชายเยอะมากกว่าเด็กผู้หญิงจริงจริงนะ...หมอเจอแต่เคสเด็กชายซะเป็นส่วนใหญ่"

จากคำพูดของคุณหมอ ทำให้ดิฉันนึกได้ทันที จากเรื่องราวของ อาการ TICS ที่ดิฉันอ่านมาก่อนหน้านี้ เค้าเขียนไว้ว่า TICS Disorder จะเกิดในเด็ก 20% และในจำนวนนั้นจะเป็นเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง

+++++++++

น้องซันถูกเข็นเข้าห้องพักฟื้นทันที พร้อมกับตื่่นขึ้นมาด้วยอาการสลึมสลือ รู้ตัวดีว่าเค้าทำสำเร็จแล้ว

คำถามแรกที่ออกจากปากน้องซันมาคือ "หม่าม้าภูมิใจในตัวซันไหมครับ ซันอยากให้หม่าม้าภูมิใจครับ"

...ดิฉันไม่รู้จะบอกลูกให้รับรู้ความรู้สึกทั้งหมด ณ เวลานั้นได้ยังไงว่า แม่ภูมิใจในลูกที่สุดแล้วจริงจริง

+++++++++





Create Date : 31 ตุลาคม 2552
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 11:30:42 น. 0 comments
Counter : 531 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

rptperfect
 
Location :
Shanghai China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




นักเรียนนอก ทำงานไฟแรงอย่างดิฉันเมื่อ 15 ปีก่อน ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมีวันที่ต้องมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ...สามีเองก็เอ่ยปากเองแท้แท้ว่าไม่ชอบภรรยาที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ชอบผู้หญิงทำงาน
แต่...ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด เมื่อลูกคนแรกคลอดออก เราทั้งคู่ไม่ต้องคิดอะไรมากไปกว่า การได้ดุแลลูกด้วยตัวเอง

ตัดสินใจลาออกจากที่ทำงานโดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ด้วยเงินเดือน 3 หมื่นบาท ใน 15 ปีก่อน ทิ้งทุกอย่างไว้ตรงนั้น ไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ถามสามีแค่ว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะเลี้ยงเรากับลูกไปได้ตลอดรอดฝั่ง

ถามไปอย่างนั้น ไม่ต้องการคำตอบ เพราะได้ตัดสินใจไปแล้ว

เพราะลูก คำเดียว

[Add rptperfect's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com