ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 ตุลาคม 2552
 

ลูกเป็นอะไร ตอนที่ 11

++++++หลังจากวันนั้น ดิฉันขอมานั่งสงบสติอารมณ์ซักช่วงยาวยาวเลย ภาพที่น้องซันตาปรือปรือเหมือนขาดสติ แล้วร้องเพลง Small World วนอยู่ในหัวดิฉันไม่หาย ดิฉันไม่อยากให้ลูกทำ MRI อีกแล้ว.....บ้าไปแล้วหรอเนี่ยะเรา

ผ่านไปอีก ระยะนึงใหญ่ใหญ่ ดิฉันไปพบคุณหมออีก เล่าเหตุการณ์วันนั้นให้คุณหมอฟังแล้วดิฉันบอกว่าดิฉันสงสารลูกมาก คุณหมอบอกว่าวิธีเดียวที่น้องซันจะอยู่ในอุโมงค์เครื่องนั้นได้ก็คือต้องสลบ ไม่ว่าจะโดยการฉีดยา หรือดมแก๊ส

ปัญหาก็คือ น้องซันจะต้องอดข้าว อดน้ำ ล่วงหน้า 8 ชม. เพื่อที่เวลาตื่นจากการดมยาสลบ อาจจะมีอาการสำลัก และถ้าเศษอาหารเข้าไปในหลอดลมจะไปกันใหญ๋

........................


มาถึงตรงนี้ ดิฉันขอถามคนที่เป็นแม่แม่หน่อยนะคะ ว่าแว่บแรกเลยคิดอย่างไร เราเลี้ยงลูกป้อนข้าว ป้อนน้ำ ทุกวัน หน้าที่อย่างหนึ่งของคนเป็นแม่คือให้ลูกอิ่ม

ดิฉันไม่ใช่หมอ หรือพยาบาล ที่ผ่านประสพการณ์เรื่องคนเจ็บคนป่วยมานักต่อนัก ดิฉันทำใจไม่ได้
คุณหมอบอกว่า โหย....คุณแม่ไม่เป็นไรหรอก อดทนอีกนิ๊ด ถ้าเป็นหมอนะ จะลุยเลย

เฮอ เฮอ... แต่เผอิญ ดิฉันไม่ใช่คุณหมอค่ะ... ดิฉันทนฟังเสียงลูกร้องขอน้ำ ขอนม ขอข้าว ไม่ได้

สามีดิฉันก็บอกว่า นิดเดียวเองเราก็ให้ลูก Admid ที่ รพ. มื้อสุดท้ายที่ลูกทาน อาจจะเป็นนมแก้วดึก 3 ทุ่ม หลังจากนั้นเช้ามาก็ทำเลย

ฟังดูดีใช่ไหมคะ ...แต่ดิฉันก็ยังดื้อด้านไม่ยอม เพราะดิฉันบอกว่า ฟังดูง่ายนี่ แต่เอาเข้าจริงลูกตื่น 7 โมง กว่าที่เจ้าหน้าที่ห้องเอ๊กซ์เรย์จะมาทำงาน หรือเริ่มคิวแรกก็ 10 โมง กว่าจะคิวคุณหมอดมยาอีกกี่โมง กว่า นู่น นี่ นั่น ดิฉันอ้างสารพัดเรื่อง ทุกอย่างมึนตึ๊บ ดิฉันกำลังจะทำเรื่องง่ายและสำคัญ ให้เป็นเรื่องยากไปซะแล้ว

แค่เหตุผลเดียว คือ ไม่อยากเห็นลูกหิว!!!!!!!

ดิฉันยื่นข้อเสนอกับสามีว่า เอาเป็นว่า วันไหนที่ต้องทำ MRI ดิฉันขอไม่เลี้ยงลูก 1 วัน ดิฉันจะไปนอนค้างที่อื่น ที่ไหนก็ได้ แล้วให้เค้าหาคนที่ใจเด็ดเด็ด โหดพอที่จะไม่หาอาหารให้เด็กทาน มาเลี้ยงลูกดิฉัน

แฟนบอกว่า บ้าไปกันใหญ่แล้ว

มะ มา เรามานั่งคุยกันดีดี

เอาเป็นว่า ถ้าดิฉันไม่พร้อม ไม่ยอม ต่อจากนี้ เราจะทำตามนี้ เราจะแน่วแน่ ประเด็นที่เราต้องพิจารณาก็คือ
1.) ตอนนี้ น้องซันแย่ถึงขนาดที่ต้องเข้ารับการรักษาด่วนหรือไม่
2.) จากการตรวจกายภาพทุกด้านแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติมาเป็นเวลา ปีกว่าแล้ว เราน่าจะเบาใจไปได้บางส่วน เพราะมันอาจจะเป็นที่บุคลิกของเค้าจริงจริงก็ได้
3.)​ ถ้าดิฉันไม่พร้อมที่จะทำอะไรต่อไป แล้วมั่นใจว่า ดิฉันจะหาทางรักษาลูกได้ เราจะรอต่อไป
4.) เราจะรอจนกว่า วันที่น้องซันเป็นคนเอ่ยปาก ขอทำ MRI เอง จะรอจนกว่าลูกโตเป็นวัยรุ่น เพราะเข้าช่วงนั้น ลูกจะเป็นคนที่เห็นความแตกต่างระหว่างตัวเองกับสังคมของลูกได้
5.) ระหว่างที่เรารอ เราจะหาวิธี หาหมอ หาข้อมูลทุกอย่างไปเรื่อยเรื่อย แล้วดูอาการของลูกอย่างใกล้ชิด ถ้าไม่มี progress ต่อ ดิฉันจะวางใจ แล้วรอจนกว่าลูกจะโต อย่างที่สามีแนะนำ

*****************เอาล่ะ......ดิฉันจะรอ.......



Create Date : 23 ตุลาคม 2552
Last Update : 27 ตุลาคม 2552 8:17:19 น. 0 comments
Counter : 523 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

rptperfect
 
Location :
Shanghai China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




นักเรียนนอก ทำงานไฟแรงอย่างดิฉันเมื่อ 15 ปีก่อน ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมีวันที่ต้องมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ...สามีเองก็เอ่ยปากเองแท้แท้ว่าไม่ชอบภรรยาที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ชอบผู้หญิงทำงาน
แต่...ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด เมื่อลูกคนแรกคลอดออก เราทั้งคู่ไม่ต้องคิดอะไรมากไปกว่า การได้ดุแลลูกด้วยตัวเอง

ตัดสินใจลาออกจากที่ทำงานโดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ด้วยเงินเดือน 3 หมื่นบาท ใน 15 ปีก่อน ทิ้งทุกอย่างไว้ตรงนั้น ไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ถามสามีแค่ว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะเลี้ยงเรากับลูกไปได้ตลอดรอดฝั่ง

ถามไปอย่างนั้น ไม่ต้องการคำตอบ เพราะได้ตัดสินใจไปแล้ว

เพราะลูก คำเดียว

[Add rptperfect's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com