สิงหาคม 2554

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
31
 
 
Day 3 : Paris (เก็บตกปารีส)
วันที่ 3 ของทริป วันนี้เราอยู่ปารีสเป็นวันสุดท้ายแล้ว เลยเก็บตกที่เที่ยวไปเรื่อยๆ วันนี้บีบีกับคุณสามีซื้อตั๋วรถไฟ Mobilis Zone 1-2 เพราะคิดไว้ว่าถ้าใช้เกิน 4 ครั้ง มันก็คุ้มอ่ะ เช้านี้ที่แรกเราไปที่พิพิธภัณฑ์ออเซย์ (Museum d’Orsay) คุณสามีเค้าอยากไป เพราะยายเค้าบอกว่ายายเค้าชอบที่นั่นมาก เราไปถึงนั่นเก้าโมงเช้าเศษๆ พิพิธภัณฑ์เพิ่งจะเปิด แต่มีคนเข้าแถวซะยาวเชียว ดีที่เรามี museum pass แล้ว เลยไม่ต้องไปเข้าคิวกับเขา





พิพิธภัณฑ์ออเซย์ (Museum d’Orsay) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแนว expressionist ผลงานเด่นของที่นี่คือภาพวาดของแวนโก๊ะค่ะ นอกจากนั่นยังมีรูปปั้น รูปหล่อ โมเดลจิ๋วจำลองสถานที่ และอะไรที่เกี่ยวกับศิลปะอยู่อีกมากมาย ถ้าชอบศิลปะมากๆ เน้นว่า “มากๆ” ก้อไม่ควรพลาด แต่บีบีกับคุณสามีรู้สึกเอียนแล้วอ่ะ เราเลยไม่ได้เดินชมกันอยู่นาน อีกอย่างคือเค้าห้ามถ่ายรูปข้างในด้วยนั่นแหล่ะ เลยไปที่อื่นดีกว่า


ข้อมูลของ พิพิธภัณฑ์ออเซย์ (Museum d’Orsay)

- การเดินทาง : RER สาย C สถานี Musee’ d’Orsay หรือ Metro สาย 12 ลงสถานี Solferino หรือ Assemblee Nationale

- เปิดตั้งแต่เวลา 9.30 น. – 18.00 น. วันพฤหัสปิดเวลา 21.45 น.

- ปิดทุกวันจันทร์

- ค่าเข้าชม 8 ยูโร

- ซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ //www.musee-orsay.fr/en/visit/admission/tickets.html


ออกจากพิพิธภัณฑ์ออเซย์ (Museum d’Orsay) แล้ว เราก้อนั่งรถไฟไปที่เกาะโบสถ์ Notre Dame ค่ะ ไปเดินเล่นกินกาแฟกินเครปแถวๆนั้น แล้วก้อเดินเลียบแม่น้ำเชนไปเรื่อยๆ ยังเช้าอยู่ ร้านค้าส่วนใหญ่ยังจัดโต๊ะกันไม่เสร็จเลย










สักพักเราก้อเดินไปที่โบสถ์ Sainte-Chapelle โบสถ์นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่มีหน้าต่างกระจกสี (Stained glass) สวยที่สุดในโลก เลยต้องไปดูซะหน่อยล่ะ โบสถ์นี้เป็นโบสถ์คาทอลิคสไตล์โกธิค มี 2 ชั้น ชั้นที่เป็นงานกระจกคือชั้นบนค่ะ ไปดูมาแล้ว ก้อ...สวยดีอ่ะค่ะ อลังการงานสร้างดี กว่าจะสร้างเสร็จ คงใช้เวลานานน่าดู














ข้อมูลโบสถ์ Sainte-Chapelle

- การเดินทาง RER สาย B สถานี Sainte Michel – Notre Dome หรือ Metro สาย 4 สถานี Cite

- เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.30 น. – 18.00 น.

- ปิดวันที่ 1 มกราคม / 1 พฤษภาคม / 25 ธันวาคม

- ค่าเข้าชม 8 ยูโร











ออกจาก Sainte-Chapelle เราก้อเดินเข้า Palais de Justice ที่อยู่ติดกันต่อเลยค่ะ Palais de Justice สร้างบนพื้นที่ของพระราชวังเก่า ซึ่งรวมอยู่ในบริเวณเดียวกันกับโบสถ์ Sainte-Chapelle ปัจจุบัน Palais de Justice ทำเป็นพิพิธภัณฑ์บางส่วน โดยเปิดให้เข้าชมฟรีในส่วนของห้องขัง ห้องตัดสินความ รวมทั้งส่วนที่เคยใช้คุมขังพระนางมารี อังตัวเนต เป็นต้น




















เดินเที่ยวกันเมื่อยล่ะ เลยหาที่อะไรกินมันแถวๆนั้นล่ะ แถวนี้มีร้านอาหารที่ขายอาหารชุด (couse) กันหลายร้านเลยทีเดียว ราคาของอาหารแบบเป็นชุด เริมตั้งแต่ 17 ยูโร เป็นอาหารแบบ 3-couses เริ่มจากออเดิร์ฟ (เลือกเอาจากสลัด / ซุป / ค๊อกเทล / ขนมปัง) ต่อด้วยอาหารจานหลัก (เลือกเอาจากพาสต้า/ สปาเกตตี้ / พิซซ่า / สเต๊ก ) ปิดท้ายด้วยของหวาน (ไอศกรีม / เค้ก / ผลไม้ / เครป) ถ้าอยากหรูหน่อยก้อเลือกเอาตามชุดตามราคาค่ะ แต่ถ้าอยากได้หรูหรา รสชาติเยี่ยม เป็นอาหารตาด้วย คงต้องรอไปกิน full couse ตอนดินเนอร์แล้วล่ะค่ะ











กินอิ่มแล้วก้อมีแรงเที่ยวต่อ ได้เวลาออกจากเกาะนี้ซะที เรานั่งรถไฟไปต่อกันที่โรงโอเปรากานิเย่ (Opera Garnier) ไปดูด้านนอกเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้เข้าไปข้างใน เป็นตึกที่สวยงามใช่ย่อยเลย อยากเข้าไปข้างในข้างในอยู่เหมือนกัน แต่ดูเหมือนมันจะปิด ส่วนตัวก้อไม่ชอบฟังโอเปร่าด้วย ฟังแล้วใจจะขาดยังไงยังงั้นเลย อ้อ! ละครเวทีเรื่อง “แฟนทั่มออฟดิโอเปรา” ก้อได้แรงบัลดาลใจมาจากโรงละครที่นี่ล่ะ ว่ากันว่าที่โรงโอเปร่าแห่งนี้มีอุปสรรคในการก่อสร้างมาก โดยเฉพาะเรื่องการดูดน้ำออกจากถ้ำทะเลสาปใต้โรงละคร พอโรงละครเปิดแล้วยังเกิดอุบัติเหตุโคมไฟระย้าตกลงมาทับคนตายอีก เค้าก้อเลยเอามาเขียนเป็นละครซะเลย ช่างเข้าใจผูกเรื่องเข้าด้วยกันเนอะ








เราเดินดูรอบๆตัวตึก แล้วก้อเดินเล่นดูของแถวๆนั้น สักพักเราก้อนั่งรถไฟไปที่ถนนชองเอลิเซ่ Champs-Elysees เดินดูของร้านนั้น ร้านนี้ไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ซื้ออะไรสักอย่าง เพราะของแบรนด์เนมส่วนใหญ่ ที่อเมริกาก้อมี ราคาก้อไม่ได้ต่างกันเยอะ เลยไม่รู้จะซื้อแล้วขนกลับไปอเมริกาทำไมกัน แต่จริงๆมีอย่างหนึ่งที่อยากซื้อ แต่ไม่ได้ซื้อ เพราะไม่กล้าซื้อ “กระเป๋าหลุยส์ วิคตอง” อยากได้มั่กๆ ราคาถูกกว่าเมกานิดหน่อย แต่ยังไงราคาก้อสูงอยู่ดี กระเป๋าใบหนึ่ง จ่ายค่าเทอมบีบีได้เทอมหนึ่งเลยนะเนี่ยะ คุณสามีจะซื้อให้เป็นของขวัญคริสมาร์ต แต่บีบีก้อไม่เอา (โง่รึป่าววะ?) แบบว่ารู้สึกว่ามันเกิดตัวไปนิด แล้วอยากซื้อด้วยเงินตัวเองมากกว่า มันภูมิใจกว่ากันเยอะ บีบีเลยตั้งใจไว้ว่า คราวหน้าถ้ามีโอกาสกลับมาปารีสอีก บีบีจะเก็บเงินมาซื้อกระเป๋าหลุยส์ให้ได้เลย คอยดูสิ หึ











อาหารเย็นของเราวันนี้ก้อกินมันที่ถนนชองเอลิเซ่ (Champs-Elysees)นั่นล่ะ เรากินแซนวิสเพเนนิชกันที่ร้าน Brioche Doree ร้านนี้แซนวิสกับเบเกอรี่เค้าอร่อย เคยมากินแล้วครั้งหนึ่ง ติดใจ เลยกลับมากินอีก แล้วร้านนี้รู้สึกจะป็นร้านเฟรนไชส์ด้วยมั้ง เพราะเห็นขายตามสถานีรถไฟหลายประเทศในยุโรปอ่ะ เย็นวันนั้นอากาศเย็นดีมาก เหมาะแก่การนั่งรับลมนอกร้าน แต่เราต้องขึ้นไปนั่งในร้านชั้นสอง ตรงที่เค้าเปิดแอร์แทน เพราะทนกลิ่นบุหรี่ด้านล่างไม่ไหวจริงๆ ไม่รู้จะสูบอะไรกันนักกันหนา สูบทั้งผู้ชายผู้หญิง สูบกันตั้งแต่เด็กจนแก่ เหม็นโว้ย!





เราเดินบนถนน ชองเอลิเซ่ (Champs-Elysees) ไปเรื่อยๆ จนถึงประตูชัย Arc de Triomphe ปรากฎว่าเขาไม่ให้เข้า เพราะเขาทำพิธีไว้อาลัย หรือสดุดีให้ทหารอะไรสักอย่างนี่ล่ะ บีบีกับคุณสามีเลยกลับโรงแรมกันก่อน คุณสามีเค้าอยากกลับไปเอาขาตั้งกล้องมาไว้ถ่ายรูปตอนกลางคืน ส่วนบีบีก้ออยากพักขาด้วย กะว่ากลับมาที่นี่อีกทีพิธีคงเสร็จแล้วอ่ะ





กลับมาที่ประตูชัย Arc de Triomphe อีกที เค้าก้อเปิดให้เข้าชมตามปกติแล้ว เราใช้บัตร museum pass ผ่านขึ้นไปจนถึงยอดประตูชัยได้เลยค่ะ แต่ว่า จะขึ้นบันไดวนไปถึงยอด เหนื่อยโคตรๆ (คิดอยู่ในใจว่าทำไมมันไม่สร้างลิฟท์ฟะ) แต่พอได้เห็นวิวบนยอดประตูชัยก้อหายเหนื่อยล่ะ มันแบบว่ามองเห็นทุกอย่างเลยอ่ะ ทั้ง Eiffel Tower, Lourve, Sacre-Coeur สวยอ่ะ ชอบ ประทับใจมากเลย แต่น่าเสียดายที่บนนั้นเค้าห้ามใช้ขาตั้งกล้องถ่ายรูปอ่ะค่ะ ไม่รู้ทำไม เซ็งเลย














ประตูชัย Arc de Triomphe สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะสงครามในสมัยของนโปเลียน เป็นที่สดุดีทหารกล้า และเป็นสุสานของทหารนิรนามที่ตายในสมัยสงครามนโปเลียน และสงครามโลกอีกด้วย หากขึ้นไปบนประตูชัยจะเห็นว่ามีถนน 7 สาย ตรงเข้ามาสิ้นสุดที่ประตูชัย ส่วนด้านล่างของประตูชัย จะมีคบไฟอยู่คบหนึ่งที่ไฟจะติดอยู่ตลอดเวลา รอบๆคบไฟนั้น จะมีคนนำดอกไม้มาสดุดีทหารกล้าอยู่อย่างสม่ำเสมอ











ข้อมูลของประตูชัย Arc de Triomphe

- การเดินทาง RER สาย A หรือ Metro สาย 1, สาย 2 หรือสาย 6 ลงที่สถานี Charles de Gaulle – Etoile

- เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 23.00 น.

- ปิดวันที่ 1 มกราคม, 1พฤษภาคม, 8 พฤษภาคม(เฉพาะช่วงเช้า), 14 กรกฎาคม (เฉพาะช่วงเช้า), 11 พฤศจิกายน (เฉพาะช่วงเช้า) ,25 ธันวาคม

- ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 8 ยูโร, ราคานักเรียนอายุไม่เกิน 25 ปี ราคา 5 ยูโร


บีบีอยากอยู่บนนั้นนานๆ แต่คุณสามีอยากขึ้นไปบนยอดหอไอเฟล เลยต้องรีบไปที่หอไอเฟลก่อนมันจะปิด ไปถึงนั้นสามทุ่มกว่า แทนที่คนจะน้อยลง กลับยังเยอะเหมือนเดิม บัตร museum pass ของเราใช้ขึ้นได้แค่ชั้น 2 เราเลยต้องเข้าแถวซื้อตั๋วกัน นานเป็นเกือบชั่วโมงกว่าจะได้ตั๋ว ได้ตั๋วมาแล้วก้อต้องไปเข้าคิวขึ้นลิฟท์ขึ้นบนไปยอดอีก คนก้อแสนแปด ลิฟท์ที่ใช้ได้ดันมีอยู่ตัวเดียว หงุดหงิดอย่างแรง ขึ้นไปบนนั้นได้แปปหนึ่ง คนเยอะ ลมแรง มีขาตั้งกล้องก้อยังถ่ายรูปได้ไม่ค่อยสวย เลยตัดสินใจลงเลยดีกว่า แต่กว่าจะลงได้ ก้อเข้าคิวกันอีกยาว เซ็งสุดๆ บีบีไม่อยากขึ้นไปบนยอดหอไอเฟลนี่แต่แรกล่ะ ไม่อยากจ่ายค่าตั๋วเพิ่ม วิวบนนั้นตอนกลางคืนมันก้อมองไม่ค่อยเห็นอะไรหรอก คนก้อเยอะอีก ขึ้นก้อยาก ลงก้อยาก บีบีอยากอยู่ข้างล่าง แล้วชื่อชมความงามของหอไอเฟลตอนกลางคืนมากกว่า แต่คุณสามีนี่สิ ไม่ได้ดั่งใจเลย บีบีเลยหน้าบึ้งใส่มันซะเลย ตกลงเลยไม่ได้รูปหอไอเฟลตอนกลางคืนสวยๆเลยสักรูป แถมยังต้องรีบวิ่งร้อยเมตรไปขึ้นรถไฟกลับโรงแรมอีก ที่ต้องรีบวิ่งไปเพราะมันใกล้เที่ยงคืนแล้ว บัตรโมบิลิสของเราใช้ได้แค่เที่ยงคืนเท่านั้น เลยต้องรีบทำตัวเป็นซิลเดอเรล่ากัน คืนสุดท้ายในปารีสแท้ๆ เหนื่อยจริงๆเลย

















ข้อมูลหอไอเฟล Eiffel Tower

- RER สาย C ลงที่สถานี Champs de Mars – Tour Eiffel, Metro สาย 6 ลงที่สถานี Bir Hakeim หรือสาย 8 ลงที่สถานี Ecole Militaire

- เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 23.00

- ราคาค่าเข้าชม (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2011 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2012) ตั๋วขึ้นลิฟท์ถึงชั้น 2 ราคา 8.20 ยูโร, ตั๋วขึ้นบันได้ถึงชั้น 2 ราคา 4.70 ยูโร, ตั๋วขึ้นลิฟท์ถึงชั้นบนสุด ราคา 13.40 ยูโร

- ซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ //www.eiffel-tower.com/preparing-your-visit/buying-your-tickets.html





กลับโรงแรมไปก้อต้องมานั่งแพคกระเป๋ากันอีก เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องรีบไปขึ้น TGV แต่เช้า กว่าจะได้นอน นี่ดิฉันมาเที่ยวหรือมาเข้าค่ายเนี่ยะ ทำไมมันถึงได้ทรหดเยี่ยงนี้นะ





Create Date : 12 สิงหาคม 2554
Last Update : 12 สิงหาคม 2554 13:10:38 น.
Counter : 6197 Pageviews.

9 comments
  
คุณบีบีไปอวยพรวันเกิดให้หนุ่ยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

หนุ่ยเพิ่งได้มาทักทายเอง
ขอโทษที่ช้าไปหน่อยนะคะ(เอ.. นานโขเหมือนกันนะ)

ดูๆแล้ว คุณบีบีคงสบายดีนะคะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ

ตัวเล็กๆที่อุ้มอยู่นั้น คงเป็นลูกสาวใช่มั๊ยคะ?
ขอให้เค้ามีสุขภาพสมบูรณ์นะคะ

โดย: เกสรผกา วันที่: 13 สิงหาคม 2554 เวลา:16:38:14 น.
  
ขอบคุณมากๆนะคะที่แวะไปอวยพรวันเกิดให้หมวยเล็ก ยังไงก็ขอให้มีความสุขมากๆเช่นกันนะค่ะ
โดย: คนที่คุณก็รู้ว่าใคร (hero1308 ) วันที่: 14 สิงหาคม 2554 เวลา:7:45:10 น.
  
เห็นหอไอเฟลแล้วรู้สึกเหมือนตกหลุมรักใครซักคนอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียวครับ (ทั้งที่จริงๆ ไม่มีหลุมคนไหนให้ตก)

ที่สำคัญขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ที่ไปอวยพรวันเกิดให้ผมเมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมา อวยพรให้เช่นไร ขอให้ได้กลับไปมากกว่าหลายเ่ท่าเลยนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ
โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 14 สิงหาคม 2554 เวลา:21:33:36 น.
  
แวะมาทักทายและขอบคุณที่เข้าไปอวยพรวันเกิดให้ค่ะ

ปล.สวยจริงๆนะคะปารีสเนี่ย มีโอกาสก็ออยากไปสักครั้งนึงเหมือนกัน
โดย: แสนดีคนในพื้นที่ วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:11:37:59 น.
  
ขอบคุณคุณเจ้าของบล๊อกนะคะที่ไปอวยพร

วันคล้ายวันเกิดให้ที่บล๊อกน่ะค่ะ

ขอส่งกลับความสุขกลับไปให้คุณเจ้าของบล๊อกด้วยเช่นเดียวกันค่ะ

ป.ล ไปเที่ยวมาสนุกมั๊ยค่ะ...ดีจังเลยไปเที่ยวปารีสด้วยอะ



โดย: แก้วศกุลตลา วันที่: 20 สิงหาคม 2554 เวลา:16:06:03 น.
  


เดือนนี้อ้อมแอ้มมีของรางวัลให้เพื่อนๆค่ะ
ส่งรูปที่ถ่ายของคุณบีบีกับคุณแม่ที่คิดว่าสวย เจ๋ง น่ารัก
หรือจะเป็นคุณบีบีถ่ายรูปคู่กับลูกๆก็ได้นะค่ะ
หรือเป็นญาติพี่น้องที่มีลูกๆน่ารักถ่ายกะคุณแม่
มาประกวดกันหน่อย รูปใครถูกใจอ้อมแอ้ม
จะมีของรางวัลให้ค่ะ รางวัลขออุบไว้ก่อน
แต่เป็นรางวัลที่น่าประทับใจมากๆนะค่ะ
โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 20 สิงหาคม 2554 เวลา:19:02:30 น.
  
สวัสดีค่ะ คุณSugar lip

ขอบคุณ สำหรับคำอวยพรวันเกิดและสิ่งดีๆที่มอบให้ค่ะ
ขอให้พรที่คุณให้มา ย้อนกลับไปหาคุณเป็นเท่าทวีคูณ
ขอให้สุข สมหวังในทุกสิ่งที่คิดนะคะ....


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: ป้าพัด วันที่: 20 สิงหาคม 2554 เวลา:23:38:55 น.
  
มาเที่ยว เลือกกินของกินที่มันไม่ใช่อ่ะ มาปารีสทั้งทีกินของเหมือนเทียบเท่าแมคโดนัล มันไม่ช่ายยยยยอ่ะ ไม่โปรซะเลย
โดย: รสนา IP: 94.23.252.21 วันที่: 31 มีนาคม 2558 เวลา:3:34:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sugar lip
Location :
Seattle  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]



วันหนึ่ง เราจะต้องทำบล็อคหน้าตาสวยๆออกมาให้ได้ คอยดูสิ หึ

บีบีได้มาใช้ชีวิตอยุ่ที่อเมริกาถึงวันนี้ก้อเกือบ 3 ปีล่ะค่ะ การได้มาใช้ชีวิตต่างแดนตัวคนเดียว เวลามีปัญหาหรือข้อสงสัยขึ้นมา มันก้อไม่รุ้จะไปถามใคร ภาษาเราก้อไม่ดี บีบีก้อจะหาข้อมูลในเวป google แล้วบีบีก้อจะได้คำตอบออกมาในรูปแบบของ bloggang บีบีเลยรู้สึกถึงความสำคัญของบล็อค รู้สึกขอบคุณคนเขียนบล็อคทุกๆคน ที่เสียสละเวลามาเล่าประสบการณ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายกับคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างบีบี ดังนั้นบีบีก้อเลยตั้งใจไว้ว่าจะทำบล็อคเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ และ how to ต่างๆ ของบีบี เผื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆมั่งค่ะ
New Comments