เรื่องสั้น : ผมรู้ได้ด้วยใจ
~~~ อยากบอกรัก ไม่มีใครให้บอกรัก ไม่อยากเหงาหัวใจ ต้องทนอีกสักเท่าไร สุดเหน็บหนาวหัวใจ ยิ่งใกล้ใกล้ถึงวาเลนไทน์ คนที่รักก็ไม่มี คนมารักก็ไม่มี เริ่มจะเหงาขึ้นทุกที ต้องรออีกสักกี่ปี ความรักถึงจะเกิด ~~~
ผมลืมตามองไปยังเพดานที่ลอยเด่นอยู่เบื้องหน้า ปล่อยให้เพลงนี้ทำหน้าที่ของมันไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปยังโทรศัพท์เพื่อกดปิดเพลงที่ผมตั้งไว้เป็นเสียงนาฬิกาปลุก
“วันอาทิตย์ ... วันทำงาน เอาวะไอ้ต้น ตื่นๆ ๆ อย่าขี้เกียจ”
ผมเรียกชื่อตัวเองเพื่อปลุกให้ความรับผิดชอบในตัวตื่นขึ้นมาด้วย ยังไงมันก็คือวันทำงานของผม วันอาทิตย์ วันหยุดของใครต่อใครหลายคน แต่ก็ไม่ใช่ของผม ในทางกลับกัน ยิ่งคนอื่นหยุดมากเท่าไหร่ งานผมก็ยิ่งยุ่งมากขึ้นเท่านั้น
ผมลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวจัดการกับตัวเองไม่นานก็พร้อมที่จะไปทำงานได้แล้ว ผมค่อยๆ เดินไปยังมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ชีพของผม ระหว่างทางที่เดินไป ผมก็กวาดตามองไปทั่วบริเวณลานจอด เห็นรถจอดอยู่ค่อนข้างหนาตา แสดงว่าหลายต่อหลายคนคงไม่ได้ออกไปไหน ยังคงใช้เวลาช่วงวันหยุดเพื่อการพักผ่อนอย่างจริงๆ จังๆ
ผมทอดสายตาออกไปนอกตัวอาคาร บรรยากาศภายนอกอาคารขณะนี้มันช่างสว่างไสว ท้องฟ้าสีครามเข้ม แทบไม่มีเมฆปะปนอยู่เลย ปุยเมฆจากไปพร้อมกับสายลมหนาวที่เพิ่งผ่านพ้นไป ทิ้งไว้แต่ความใสของท้องฟ้า แสงแดดแรงๆ ยามบ่ายแบบนี้ทำให้ผมต้องรีบคว้าเอาหมวกกันน็อคที่ครอบไว้บริเวณกระจกส่องหลังขั้นมาสวมพร้อมกับปิดหน้ากากลงอย่างรวดเร็ว สายตาผมมันไม่ค่อยคุ้นกับการอยู่ท่ามกลางแสงสว่างแบบนี้เท่าไหร่นัก และไอ้เปลวแดดร้อนผ่าวที่มากระทบผิวนี่อีก เมื่อไหร่ที่ติดแหงกอยู่กลางสีแยกไฟแดง อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้มันแทบทำให้ผมละลายเหมือนชอคกาแลตเหลวอยู่กลางถนนได้เลยทีเดียว
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเหตุการณ์ปกติที่ผมปฏิบัติอยู่ทุกวัน งานประจำที่ผมทำเข้างานตอนเย็น แล้วลากยาวไปจนเวลาล่วงเช้าวันใหม่ จึงได้เวลาเลิกงาน ผมใช้ชีวิตเหมือนกลางวันเป็นกลางคืน กลางคืนเป็นกลางวันมาได้สักพักหนึ่งแล้ว จนผมเริ่มชินกับชีวิตแบบนี้ เคยมีคนถามผมว่าคิดจะเปลี่ยนมาทำงานตอนกลางวันบ้างไหม นั่นก็เป็นคำถามหนึ่งที่ผมตอบได้โดยทันทีแทบไม่ต้องคิด
“ไม่”
ผมไม่ค่อยชอบเวลาบรรยากาศตอนกลางวันเท่าไหร่ เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองใกล้ชิดกับพระอาทิตย์มากเกินไป จนทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยและล้าไปกับประโยชน์ของแสงพระอาทิตย์ที่สว่างไสว แสงสว่างเวลากลางวันทำให้ผมมองเห็นอะไรๆ ได้ชัดเจนเกินไป ในทางกลับกัน ทุกคนจะเห็นผมชัดเจนเช่นกัน ผมไม่ค่อยชินเวลาต้องตกเป็นเป้าสายตาใคร
ตรงกันข้าม ... ผมชื่นชอบ เข้าขั้นหลงใหลความมืดและบรรยากาศเย็นๆ ยามค่ำคืน เวลาที่แม้จะมีแสงสว่างจากดวงไฟส่องสว่างต่างๆ แต่มันก็ไม่แจ่มชัดมากนัก มันยังมีมุมมืดให้ผมได้มีพื้นที่ส่วนตัว ไม่ร้อนอบอ้าว ไม่ทำให้ผมตาพร่า เหมือนเวลากลางวัน ผมชอบพระอาทิตย์นะ ไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ไม่ขอเข้าใกล้มันจะดีกว่า ผมชอบและระลึกได้เสมอถึงคุณประโยชน์มากมายมหาศาลจากมัน แต่ขอแค่ระลึกถึง ของชื่นชมแบบนี้ก็พอ แม้ว่าบางครั้งผมจะมองไม่เห็น แต่ผมรู้ ว่าพระอาทิตย์ ยังอยู่เสมอในที่ใดที่หนึ่ง
ผมรักในแสงนวลๆ ของดวงจันทร์ ชอบประกายวิบวับจากดาวดวงน้อยที่เห็นอยู่ทั่วไปบนท้องฟ้า ผมว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดสายตาของใครต่อใครได้เสมอ ผมมักจะมองดาวดวงน้อยๆ เหล่านั้นด้วยอาการชื่นชมเสมอ ผมขอแค่มองอยู่ห่างๆ แบบนี้แหละดีแล้ว ไม่ได้อยากจะเป็นเจ้าของหรือว่าหวงแหนดาวพวกนั้นหรอก แค่มอง ... แค่ชื่นชม
ผมมีดาวอยู่ในหัวใจ ผมถึงสามารถมองเห็นดาวได้ในทุกที่ ... แม้แต่ฟลอร์ด้านหน้าผมขณะนี้ ผมก็ยังสามารถมองเห็นดาวดวงน้อยมากมาย โยกย้ายไปตามจังหวะเสียงเพลงอย่างมีความสุข สนุกสนาน ความสุขที่มาพร้อมกับเสียงเพลง การปลดปล่อยระบายความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่กลางวันอันสว่างจ้า ผมมีความสุขที่จะอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งเพื่อเฝ้ามองดวงดาวที่ผมชื่นชอบ โดยที่ไม่ต้องแสดงตัวออกมาเพื่อหวังให้ดาวดวงไหนๆ รู้จัก หรือจดจำผมได้ ... ตอนนี้ ... เวลานี้ ... ผมก็มีคำตอบให้ตัวเองแล้ว ... ผมชอบ และสบายใจในที่ของผม ที่ที่เหมาะกับผม
“วันนี้ผมรู้สึกสบายใจ ไม่รู้ทำไม แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ”
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
8 comments |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2553 14:44:23 น. |
Counter : 703 Pageviews. |
|
|
|
ตอน 9. ไอ้คางหิน
เริ่มจะบู๊ล้างผลาญแล้วละครับ
วันนี้ไอ้ตงของเรา ต้องปะทะกับไอ้คางหิน
จะหินแค่ไหน เชิญติดตามได้แล้วครับ...