เรื่องสั้น : ใจเป็นนาย





ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้ มันกำลังค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ผมค่อนข้างมั่นใจในความชัดเจนของมัน ความรู้สึกนี้มันค่อยๆ เติมเข้ามาในใจผมอย่างช้าๆ จนผมเองก็แทบไม่รู้ตัว นับตั้งแต่ครั้งแรก วันแรกที่ผมได้สบตากับเธอ แม้มันจะฟังดูแปลก แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่สุด ผมไม่เคยใจเต้นแรงจนรู้สึกเหมือนมันจะดังออกมานอกอกจนคนอื่นได้ยินขนาดนี้มาก่อน แต่เธอคือคนที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น มีเพียงเธอคนเดียว


ทั้งๆ ที่ผมไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วเธอรู้สึกยังไงกับผมกันแน่ เธออาจจะไม่เคยคิดอะไรกับผมเลย หรือบางทีเธออาจจะรับไม่ได้กับความรู้สึกแบบนี้ของผมด้วยซ้ำ แต่ผมเองก็ฝืนใจตัวเองไม่ให้แสดงออกไม่ได้ ในเมื่อเธอทั้งน่ารักและขณะเดียวกันเธอก็มักจะมีอะไรที่ผมทึ่งในตัวเธอได้เสมอ


ผมชอบที่จะเห็นเธอทำสีหน้าแปลกๆ เวลาโดนผมหยอก ชอบที่จะเห็นเธอหงุดหงิดเวลาที่ไมได้ดังใจ และชอบที่จะเห็นสีหน้าท่าทางแววตาที่แสดงออกถึงอารมณ์ของเธอ ไม่ว่าจะหงุดหงิด โมโห ผมว่ามันทำให้เธอดูมีชีวิตชีวา มากกว่าสีหน้าเย็นชา ทำหน้าเฉย แววตาแข็งๆ ที่เห็นอยู่ทุกวันจนชินตานั้น ... เพราะ ... เพราะอาการเหล่านั้นมันดูเหมือนว่าเธอเองก็คิดตรงกันกับผม


ก็แค่ดูเหมือนเท่านั้นล่ะ...เพราะเธอไม่เคยแสดงออกอะไรมากไปกว่านั้น
แต่นั่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญ...เพราะยังไงซะ ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าผมรักเธอ และผมก็พร้อมที่จะแสดงออกให้เธอได้รับรู้แล้ว ผมคิดว่าผมอยากจะเอาชนะใจเธอให้ได้


เพราะผมไม่ใช่พวกที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆอยู่แล้ว
ผมจะทำให้เธอยอมรับความรู้สึกนั้นออกมาจากปากของเธอเองให้ได้


RRRRRRR


เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะความคิดด้วยเสียงเพลงที่แตกต่างจากทุกครั้งที่มันดัง เพราะผมตั้งไว้สำหรับเบอร์พิเศษ ผมรีบคว้าโทรศัพท์และกดรับสายทันทีทั้งๆ ที่ไม่ทันมองชื่อหรือเบอร์สายเรียกเข้าด้วยซ้ำ


หลังจากกดรับผมยังไม่ทันได้กรอกคำทักทายใดๆ ออกไปเลย ก็ได้ยินเสียงจากปลายสายลอดเข้ามา


“ว่างไหม”


“ ...อืมม ” ผมจำเสียงเธอได้ ตอนที่ทำเสียงตอบกลับเธอไป หัวใจผมแทบจะทะลุออกมานอกอกได้แล้วมั้ง ... บ้าจริงๆ เลยคนเรา แค่ได้ยินเสียง บรรยากาศรอบตัวผมก็เปลี่ยนไปหมด


“ว่าจะชวนไปออกกำลังกายหน่อยนะ .... ไปไหม”


“หืม .. ออกกำลังกาย” ผมถามออกไปด้วยเสียงที่พยายามคุมให้เป็นปกติเหมือนทุกครั้ง


“อืม ... ใช่นะซิ อยากชวนไปวิ่งนะ”


“นึกยังไงขึ้นมาหรือครับคุณนาย ... เกิดอยากออกกำลังกายขึ้นมาเนี่ยะ”


“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายสะสมความเครียดเยอะไปหน่อย อัดแน่นจนเต็มไปหมดแล้ว เลยอยากไปออกกำลังกาย เผื่อจะสดชื่นขึ้นนะ ... ถามจัง ... สรุปไปไหม”


“ไปซิ เดี๋ยวเย็นๆ เจอกันนะ” เออหนอ หัวใจคนเรา ... ได้ยินเสียงแค่นี้ก็พลอยทำให้เบิกบานได้แล้ว





เธอเอาแต่ นั่งหน้านิ่งไม่พูดไม่จา นานเหมือนจะเป็นวันได้แล้วในความรู้สึกผม ตั้งแต่ที่ผมรับปากออกมาวิ่งเป็นเพื่อน เลยบังเอิญได้เจอกับแอน เพื่อนคนหนึ่งที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน


ผมแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกันแล้ว แอนชวนผมพูดคุยหลายเรื่อง จนเธอขอตัวออกวิ่งต่อ แต่ผมยังถูกผูกติดอยู่กับการพูดคุยเรื่องเก่าๆ เรื่องเพื่อน เรื่องต่างๆ หลังจากเรียนจบกับแอน ผมค่อยๆ เดินคุยกับแอนไปเรื่อยๆ ตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกัน


หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง แอนถึงขอตัวแยกไปจากผม ผมเริ่มกวาดตามองหาว่าป่านนี้เธอวิ่งไปถึงไหนแล้ว หรือว่ากลับไปก่อนแล้วกันแน่ แล้วผมก็เห็นเธอนั่งพัก ยืดแข็งขาเพื่อคลายเส้นอยู่อีกด้านของจุดที่ผมยืนอยู่ เลยค่อยๆ เดินตัดสินใจเดินไปสบทบกับเธอทางด้านนั้น


“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ... เลยคุยกัน ... ทักทายกันนานหน่อย” ผมเริ่มเอ่ยปากเมื่อเดินเข้าไปอยู่ใกล้เธอ ในระยะที่คาดว่าเธอจะได้ยิน


หลังจากที่ผมจบประโยคนั้น เธอทำแค่เพียงหันมามองผมเพียงแวบเดียวแล้วเงียบไป เพียงแวบเดียวที่เธอหันมา ผมคิดว่าผมเห็นแววตาที่เธอมองผม มันคือการตอกย้ำสิ่งที่ผมคิดมากขึ้น


ผมคิดว่าผมไม่ได้คิดไปเองคนเดียวแล้วหละ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแกว่งปากหาเสี้ยนเพิ่ม ต้องโทษเธอนั่นแหละที่ทำให้ผมรู้สึกรื่นรมย์ได้ขนาดนี้ ยิ่งเวลานี้ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าไอ้อาการที่เห็นอยู่ตอนนี้ไม่ผิดแน่ เธอกำลัง ‘หึง’ ผมอยากจะยิ้มออกมา อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ อยากจะตะโกนออกมาดังๆ สุดเสียงด้วยซ้ำ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเหล่านั้นเลย ผมได้แต่รู้สึกเต็มตื้นอยู่ข้างในนี้ รู้สึกมันอบอวล อัดแน่นจนตัวผมแทบจะระเบิด กับผู้หญิงหน้าตูมที่นั่งอยู่กับพื้นตรงหน้าผมเนี่ยะ ... เธอจะรู้ไหม ว่ายิ่งทำหน้าแบบนั้น ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีมากขึ้นๆ


“แอนเค้าน่ารักดีว่าไหม ... เนี่ยะตอนเรียนก็ไม่ค่อยได้สนิทกันเท่าไหร่ ไม่คิดว่าจะจำกันได้ แถมบังเอิญได้มาเจอกันแบบนี้อีก เลยคุยกันนานเลย”


“อืมม ... ก็ดูน่ารักดีนี่ ถ้าคิดจะสานสัมพันธ์ต่อ ก็คิดว่าเหมาะกันดีนะ”


“จริงเหรอ?” ผมร้องถามอย่างแปลกใจ ไหงยอมยกผมให้กับคนอื่นๆง่ายๆอย่างนั้นล่ะ


“ ... ”


“ผมว่า แอนเค้าดูสวยขึ้นกว่าสมัยเรียนด้วยนะ เค้าดูดีขึ้นนะ” ผมยังคงพูดพล่ามไปเรื่อยๆ ดูสิว่าเธอจะยกผมให้คนอื่นอยู่อีกรึเปล่า


“....”


เงียบ...ครั้งนี้เธอเงียบไปนานมาก แล้วเธอก็ลุงขึ้น แล้วก็เดินออกจากจุดที่เรานั่งคุยกันช้าๆ ผมเลยต้องเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ นี่เธอไม่คิดจะพูดกับผมไปตลอดทางเลยหรือไงนะ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็แย่เลยสิ


“นี่ คุณนาย ... พี่นายครับบบ หงุดหงิดอะไรเนี่ยะ ผมยังไมได้แกล้งอะไรพี่เลยนะ” ครั้งนี้ผมลองเดินขึ้นไปจนตีเสมออยู่กับเธอ เอาไหล่เข้าไปกระแทกชนไหล่เธอเบาๆ ... ซึ่งได้ผล เธอหันขวับมามองผมตาขุ่นทันที


“นายจะทำอะไรก็เรื่องของนายเถอะ”
ฟังดูก็รู้ว่าตอบปัดรำคาญ แต่แน่ใจเหรอว่าถ้าผมทำอย่างนั้นจริงๆ เธอจะไม่โกรธผมอีกนะ...ผมไม่เชื่อหรอก


“อะไรกันล่ะ ทำหน้าอย่างนั้น หงุดหงิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่”
เมื่อผมยังคงวกกลับเข้าเรื่องเดิมผมเลยได้ยินเสียงเธอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย


“เรื่องน้องเค้ากับนาย นายก็คิดเองแล้วกัน ไม่ต้องมาดึงฉันไปยุ่งด้วยได้ไหม ... พูดเรื่องผู้หญิงลับหลังเค้ามันดูไม่แมน ... ไม่รู้รึไง”


“อ้าว ... ” ผมอุทานออกไปได้แค่นั้น นึกไม่ออกเลยว่าตอนนั้นตัวเองจะทำหน้าตลกขนาดไหนกัน


“พอเลย ดูทำหน้าเข้า นี่นายไม่รู้ตัวบ้างหรือไง ว่ากำลังทำให้ฉันเริ่มรำคาญนะ” เธอบ่นออกมาอย่างหัวเสียที่โดนผมกวนประสาท แต่มีเหรอที่ผมจะสะทกสะท้าน


“รำคาญ? เรื่องอะไร?”


“หยุดเลย หุบปากสักทีจะได้ไหม” เธอไม่ตอบคำกลับเปลี่ยนเป็นสั่งผมแทน


“อ๋า ผมรู้แล้วว่าพี่รำคาญผมเรื่องอะไร? พี่รำคาญที่ผมเอาแต่คุยเรื่องแอนใช่มั๊ยล่ะ โธ่ มันไม่มีอะไรหรอกน่า” ผมแกล้งทำมึนถามหน้าเหรอหราก่อนจะหัวเราะออกมา นี่ถ้าผมยังแกล้งเธอต่อไปคุณนายของผมเธอจะหน้าแก่กว่าวัยภายในสามวัน เจ็ดวันรึเปล่านะ บึ้งแล้วบึ้งอีกจนจะติดกันทั้งหน้าอยู่แล้ว


“ ... ”
นั่นไง แล้วเธอก็กลับเข้าโหมดเดิมอีกจนได้ เงียบ ... ทำไมเธอถึงเงียบได้แบบนี้นะ เธอไม่รู้ตัวหรือไงว่าเวลาที่เธอเงียบ ทำหน้านิ่งแบบนี้ มันชวนให้อึดอัดขนาดไหน ... แถมผมยังไม่ได้คำตอบที่ผมต้องการอีกด้วยซิ


“ พี่นายเป็นอะไรนะ?!!” ผมถามออกมาในที่สุด จากท้าวที่ก้าวเอื่อยๆ เดินไปข้างหน้าช้าๆ แต่เป็นจังหวะนั้นจึงหยุดพร้อมกับหันขวับมาทางผม พร้อมกับหน้าเรียบเฉยนั้น แต่ผมดูออก สายตาท่าทางแบบนี้เธอพร้อมลุย หรือไม่ก็ระเบิดออกมาชนิดที่ถ้าใครอยู่ตรงหน้าอาจจะไม่ได้รับการอภัยใดๆ ทั้งสิ้น


ผมสะดุดกับสายตาแบบนั้น หยุดขาที่ก้าวลงตรงหน้าเธอพอดีเหมือนกัน ระยะห่างระหว่างเราแทบไม่ถึงสองก้าวด้วยซ้ำ มันทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมองผม


ตอนนี้ผมเพิ่งสังเกตว่าเธอมีเหงื่อพราวอยู่ทั่วไปเต็มหน้า แม้จะได้รับการซับออกไปด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่เจ้าตัวคล้องคอไว้ก็ตาม เธอเม้มปาก สูดหายใจเข้าช้าๆ แล้วค่อยๆ ระบายลมหายใจออกมา เธอคงอยากจะถอนหายใจออกมาดังๆ เวลามีอะไรไม่ค่อยพอใจเหมือนทุกครั้งมากกว่า แต่คราวนี้เธอกลับเลี่ยงอาการนั้น แต่ผมก็ยังสังเกตเห็น


ผมยังคงมองตรงไปยังเธอ แอบสำรวจตรวจตราใบหน้าที่เรื่อยไปจนถึงลำคอเล็กๆ ของเธอ เฝ้ามองเธอหายใจเข้าออก อย่างสะกดกลั้นอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ข้างใน เธอยังคงจ้องมองตอบผม คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังตัดสินใจว่าจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่แล้วก็ไม่มีคำพูดใดพ้นออกมาจากปากเธอ เธอหลบสายตาจากผมวูบหนึ่ง เหมือนกับนึกอะไรออกมาได้ แล้วก็หมุนตัวเตรียมจะออกเดินจากจุดที่เรายืนอยู่ ... แต่ไม่รู้อะไรดลใจผม หรือว่าเป็นด้วยสัญชาติญาณบางอย่างบอกให้ผมรั้งเธอไว้ มือของผมเลยทำหน้าที่โดยอัตโนมัติ ผมคว้าแขน รั้งเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง


“เฮ้ย!!” เธอร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกับพยายามสะบัดแขนออก แต่ผมคิดว่าถ้าผมปล่อยมือจากเธอตอนนี้ มันคงทำให้สถานการณ์แย่ลง ผมเลยดื้อ จับแขนเธอไว้แบบนั้น


“มีอะไร ไม่พอใจอะไร คุยกันก่อนได้ไหม!” ผมพยายามทอดเสียงให้อ่อนลง ตัดเสียงพูดยวนๆ ก่อกวนทั้งหลายออกไปจนหมด


“มะ .. ไม่มีอะไร ” เธอตอบกลับมา ผมหูไม่ได้เพี้ยนแน่ แต่ผมกำลังได้ยินเธอพูดขาดๆ หายๆ เหมือนไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง ... ตั้งแต่ผมได้รู้จักกับเธอมา ไม่มีสักครั้งที่เธอจะพูดหรือทำอะไรด้วยความไม่มั่นใจแบบนี้


“แน่ใจเหรอ ว่าไม่มีอะไร ... ทำไมวันนี้ดูหงุดหงิดจัง”


“ ก็ไม่มีอะไรจริงๆ อาจจะเหนื่อยเกินไป เลยพาลหงุดหงิดไปเรื่อย”


“ผมขอโทษ ถ้าเกิดผมเป็นต้นเหตุให้พี่ไม่สบายใจ อาจจะบางเรื่อง หรือ ทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องแอนด้วยก็ได้” ผมเริ่มพูดด้วยเสียงพาลๆ กลับมาบ้างแล้ว ได้ฟังอย่างนั้นคนขี้โมโหก็เชิดหน้าขึ้นทันที


“อ๋อออ ....... พ่อสุภาพบุรุษษษษษษษษ ” เธอลากเสียงยาวท้ายประโยคอย่างประชดประชันจนผมขำ


“แน่นอนนนนน ... ผมมันสุภาพบุรุษอยู่แล้ว..แต่เรื่องแอน ผมคิดว่าผมรู้นะว่าผมกำลังทำอะไรอยู่” ผมตอบยียวน


“โอเค งั้นก็เรื่องของนาย จะมาบอกฉันทำไม” ปากเธอก็บอกว่าโอเค แต่หน้าไม่เห็นจะโอเคด้วยเลยสักนิด ดูเถอะ ทำหน้าเย็นชาจนเสียวสันหลังวาบทีเดียว แต่ท่าทางนั้นก็ทำให้หัวใจของผมเต้นถี่ขึ้นมาทันตา


“ที่พูดเรื่องแอนก็ไม่ทำไม ... แค่อยากดูอาการ...” ผมยังคงพูดตอบแบบยียวนกลับไป


“อาการ ... อาการอะไร?” เธอย้อนถามเสียงแข็ง แต่ดูเหมือนจะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร สงสัยว่าสายตาของผมมันคงจะเปิดเผยออกไปจนหมดแล้วมั้งว่าผมกำลังรู้สึกอะไรยังไงกับเธอบ้าง เพราะอาการจ้องหน้าชนิดท้าตายแบบที่เธอเคยทำ กลับเป็นเมินมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่ผม


“เปล่า” ผมลอยหน้าลอยตาตอบ ทำเป็นสนใจมองตามสายตาเธอไปด้วย แม่คุณเอ๋ย อาการคุณนะมันแสดงออกมาชัดขนาดนี้แล้วยังจะปากแข็งได้อีกนะเนี่ยะ ยิ่งมองเห็นอาการเธอแบบนี้ ก็ยิ่งเกิดหมั่นเขี้ยว อยากกอดรัดเธอแน่นๆ สักที จริงๆ ให้ตายเหอะ


“เปล่าอะไร ... อะไรเปล่า” ผมเริ่มเห็นอาการพาล พร้อมกับเริ่มหาทางเอาตัวรอดของเธอโดยการมองซ้าย มองขวาของเธอแล้ว


“เปล่า...ก็ ... ผมก็นึกว่า ...” ผมยิ้มร้าย จ้องดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นอย่างค้นหา...ค้นหาความจริงที่เธอเก็บเอาไว้

“ ....”

“หึงผม” ผมต่อสั้นๆ ซึ่งเขาก็สวนขึ้นมาทันที ดูเธอจะตกใจกับคำพูดของผม แล้วเธอก็ทำหน้ายุ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอีกแล้ว เธอชอบนิ่งคิดก่อนเสมอ แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เอาละ คราวนี้ผมก็จะให้เวลาเธอได้คิด ผมปล่อยมองจากแขนเธอ ผมไม่อยากเร่งรัดอะไรเธอ ผมไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษอะไรหรอก แต่ผมอยากให้เวลาเธอนิดหน่อย ... นั่นซิ ... เวลานิดหน่อยให้เธอได้คิด ได้สำรวจใจตัวเอง



“... ได้เหรอ”



“ด้วยความยินดีเลยครับ” ผมหมายความตามนั้นจริงๆ




... เขียนยังไงก็หาจุดพีคไม่เจอสักที
... แต่ก็จะพยายามเขียนต่อไป อาจจะมีสักเรื่องที่ดี ท่ามกลางเรื่องเป็นร้อย
... อย่างที่เค้าว่ามั้งเรื่องรัก ต้องออกมาจากอินเนอร์ คนแห้งแล้ง เลยเขียนเรื่องรักไม่ค่อยสมบูรณ์สักที






Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 9:41:01 น. 12 comments
Counter : 539 Pageviews.

 


มาส่งเทียบเชิญ ให้ลองไปอ่านนวนิยายสไตล์นักสู้

นำเสนอเรื่องราวของเด็กหนุ่มนักสู้บนสังเวียนมวยและสังเวียนชีวิต

ในเรื่อง...

"สังเวียนคน"


เรื่องราวดุเดือดถึงเลือดถึงเนื้อ

ขอเชิญติดตามชมได้แล้วครับ....


โดย: ลุงแว่น วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:05:08 น.  

 
อืมม์
ระยะนี้ ได้อ่านเรื่องแต่งหลายเรื่องจังเลย

เป็นกำลังใจให้นะคะ



โดย: addsiripun วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:55:38 น.  

 
หวัดดีค่ะคุณสิมา ขอบคุณนะคะที่แวะไปทักทาย เป็นกำลังใจให้นะคะ มีฝันใกล้ๆกันเลยค่ะ แต่ตัวโยไม่ได้ตามฝันเท่าไหร่ อาศัยเขียนblog เอาเนี่ยะแหละค่ะ เป็นคนเชียงใหม่เหรอคะ หุหุหุ ถ้าอ่านblogโยจะรู้ว่าโยบ้าเชียงใหม่มากมาย ดีใจจังที่ได้รู้จักคนเมืองเพิ่มอีกหนึ่งคนกะเจ้าวววว


โดย: yoyo_yori วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:20:44 น.  

 
สำนวนน่ะได้แล้ว

ลื่นอยู่นะ..งแต่การดำเนินเรื่อง ไม่คืบหน้า และไม่มีจุดพีคอย่างที่อุ๋มเองก็รู้



แค่ปรับเนื้อเรื่องให้กระชับนิดหน่อย หาจุดสนใจให้ความสัมพันธ์คู่นี้อีกหน่อย

พี่ว่าน้องอุ๋มมีแววนะ...ให้กำลังใจน่ะ...


................

ป.ล.เมื่อเช้าที่บ้านพี่เค้าเมนต์กันไม่ได้ ตอนนี้แก้ไขแล้วจ้ะ

ถ้าไปแล้ว ก็ไปอีกทีนะ...สั้นๆพอชื่นใจ อิอิ


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:55:36 น.  

 
... เข้าทำนองสาวเวิ่นเลยพี่ เวิ่นเว้อไป ไม่มีจุดจบนะ

... อาจจะต้องลองสร้างความรักในจินตนาการให้คนในนั้นมีจุดจบแบบที่แน่นอน ... เดี๋ยวต้องลองดู


โดย: SIMAKHA วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:36:00 น.  

 
อิอิ แอบมาอ่านจ้า


โดย: Bluejade วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:35:25 น.  

 
มีใจเป็นนาย

แล้วจะมีกายเป็นบ่าวอ๊ะป่าว ?

......................

ตอนใหม่มาแระนะ..


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:58:44 น.  

 
... อย่างเร็วอะ ร้านขนมพี่อัยย์เนี่ยะ ... อุ๋มแต่เรื่องสั้นได้สักเรื่องใช้เวลาปั่นตั้งนาน อิจฉาจริง จริ๊งงงง


โดย: SIMAKHA วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:04:38 น.  

 


โดย: Bluejade วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:43:32 น.  

 


มาแจ้งข่าวว่า

สังเวียนคน

ตอนที่ 2 ตอน "กินโต"


ลงโรงฉายแล้วครับ....


โดย: ลุงแว่น วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:42:35 น.  

 
เชื่อปะ

เค้าว่าคนที่แห้งแล้งเรื่องรักๆ จะเขียนเรื่องรักได้ดีนะ

พวกแฮปปี้น่ะ ไม่มีเวลากลั่นอะไรหวานๆออกมาได้หรอก

พยายามเข้านะ...


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:53:15 น.  

 
จุดพีคค่อยๆ หากันไปนะครับ มันหายาก ผมก็หาไม่เจออยู่เรื่อย แง...

ึเรื่องนี้อาจยังไม่พีค แต่บอกได้ว่า หวานนนน... อะ ผมว่าท่อนจบตรง "ได้เหรอ?" น่ะ น่ารักดีนะครับ

ขอบคุณคุณอุ๋มที่ไปเยี่ยมลายปากกาด้วยนะครับ


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:11:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

SIMAKHA
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




... คนธรรมดา เดินดิน ...

... ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้ง ...

... จะขอลุกทุกครั้งที่ล้ม ...

*****Color Codes ป้ามด*****

: Users Online
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
15 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add SIMAKHA's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.