Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
22 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 
งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข ... ยอดมนุษย์เงินเดือน

ตั้งใจไปดู เพราะหนึ่ง เรากรี๊ดพี่ติ๊ก พี่ติ๊กน่ารัก เรารักพี่ติ๊ก 

สอง เราก็ถือเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ที่ดำรงการเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์ด้วย และบางอารมณ์ ก็แปลงร่างไปเป็นแม่ค้า ขายของมือสองแบบตามใจตัวเอง 

กระแสเสียงก่อนดูแตกแยก เพื่อนที่เป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์บอกว่า ดูแล้วไม่อิน เราว่าหนังสนุกได้มากกว่านี้ ส่วนเพื่อนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนบอกว่า ตรงชีวิตมาก ดูแล้วร้องไห้ 

แล้วมนุษย์ครึ่งๆกลางๆอย่างเรา จะรู้สึกยังไง 

...

ความรู้สึกแรก พี่ติ๊กน่าร๊ากกกกกกก 

ถ้ามีเจ้านายหล่ออย่างพี่ปั้น อิชั้นคงทำงานไปเขินไป จิ้นไป แม้ว่าเขาจะมีแฟนแล้วนี่แหละ ฮ่าๆ 

ความรู้สึกต่อมาคือ เกลียดนางเอกว่ะ 

เราอาจจะเป็นมนุษย์ที่อยู่ในระบบเกินไป แต่เรามีความรู้สึกว่า โอเค นิสัยคุณเป็นอย่างนั้น คุณเหมาะกับการอยู่ในโลกแห่งอินดี้ โลกที่ ไปขายเหล้าที่ปาย ไปเปิดร้านขายโปสการ์ดที่เชียงคาน โลกที่สวมหมวกเป็นกิจวัตร โลกใส่แว่นแนวๆ โลกแห่งโคปิค โลก ที่คนเราต้องการหาอิสระชีวิตให้กับตนเอง แต่ในเมื่อคุณเข้ามาอยู่ในระบบเงินเดือน แม้จะเพียงสามเดือนเพื่อให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ... คุณก็ควรเคารพระบบ และปรับตัวเพื่อให้อยู่ในระบบได้ 

แค่สามเดือน คงไม่ทำให้ตัวตนอินดี้ของคุณหายไปหรอกมั้ง 

แต่สิ่งที่นางเอกทำ (บทเขียน) คือนางเอกกระทำตัว เกรียน (และบางทีเราว่าก็กร่าง) เกินไป ถ้าเราเป็นพระเอก เราจับอินี่เอาหัวโขกโต๊ะไปแล้ว 

ใช่ เธอมาทำให้บรรยากาศของออฟฟิศดูดีขึ้น ทำให้ทุกคนดูสดใส เฮฮาปาจิงโกะ แต่ประสิทธิภาพการทำงานของเธอในแบบติสท์ๆ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย 

เธอเหมาะจะรู้จักเป็นเพื่อน แต่ไม่ควรมาเป็นลูกน้องมาก

นางเอกจบสวยด้วยการ พอครบสามเดือน เธอก็กลับไปยังรากเหง้าจริงแท้ของเธอ ชีวิตอิสระ นั่งชิวๆชิคๆอยู่ที่ไร่องุ่น ... แต่ขอโทษค่ะ ชีวิตจริง มนุษย์เงินเดือนจริงๆ ใครจะไปทำอย่างนั้นได้ บ้านไม่ได้รวยอย่างเธอนะเฟ้ย 

สุดท้าย ทุกสิ่งก็วกกลับมาที่เงิน ... ถ้าบ้านนางเอกไม่รวย เธอก็ต้องทำงานหาเงิน เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนคนอีกเป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่น อ่ะ ให้เป็นแสนเป็นล้านเลยก็ได้ ของประเทศไทย 

ในเมื่อเราให้คำจำกัดค่าว่าเงิน คือปัจจัยหนึ่งในการทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้

คุณก็อย่ามาดูถูกความฝันของคน ที่ต้องทำงานหาเงินงกๆ เพื่อทำความฝันของตนเองให้เป็นจริง
อย่างที่พี่ปั้นบอก เค้าผิดตรงไหน ที่เค้าอยากทำงานหนักๆ เพื่อเก็บเงินเยอะๆ 

ความฝันของเค้าคือมีเงินเก็บเยอะๆ เค้าผิดตรงไหน 


ความฝันของคนเราแตกต่างกัน การเป็นมนุษย์เงินเดือน ใช่ว่าจะไม่มีความสุข มันอยู่ที่คุณหาความสุขให้ชีวิตยังไงต่างหาก 

พี่ปั้น มีความสุขเมื่อเห็นตัวเลขบัญชีงอกเงย 

คุณเลขาฯ มีความสุขเมื่องานที่รับปิดชอบสำเร็จเสร็จสิ้น และเพียงแค่เธอไม่ต้องนั่งรถตู้เบียดไปทำงาน เธอก็เดินลันล้า โลกรอบตัวเป็นสีรุ้งออกมาจากบ้านได้แล้ว

พี่การเงิน มีความสุข แม้เงินเดือนจะน้อยนิด เพราะเธอได้อยู่กับเพื่อนร่วมงานที่รักและจริงใจกับเธอ

ความสุขหาได้ไม่ยาก แค่เราเรียนรู้ให้ได้ว่า เราจะมีความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้ได้ยังไง 

โดยที่ไม่ต้องไปช่วยเพื่อนขายเหล้า ไปวาดรูปทำโปสการ์ด โดยที่ทางบ้านเรายังมีภาระที่รอให้เรามาเป็นผู้ช่วยเหลือ 

อย่าลืมว่า ชีวิตจริงของเราไม่ใช่นางเอก ถ้าบ้านคุณไม่รวย แม้ว่าคุณจะมีความฝันอย่างนางเอก แต่กว่าคุณจะทำได้จริงๆ ก็ในเมื่อคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนมากกว่าสามปี ไม่ใช่เพียงแค่สามเดือน 

...

หนังทำให้เรากลับมาตั้งคำถามว่า แล้วตอนนี้ เรามีความสุขกับงานมั้ย

ส่วนรุ่นพี่คนหนึ่ง ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทุกวันนี้ เราทำงานไปเพื่ออะไร (ฟะ) 

เขาบอกว่า เวลาเราไปสมัครงานที่ไหน ก็มักจะคำนึงถึงเงินเดือน ถึงสวัสดิการที่จะได้ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำมันจะคุ้มค่ากับเงินที่ได้รับหรือเปล่า เราเลยต้องการเงินเดือนสูงๆ (ในความคิดของเรา) เพื่อแลกกับสิ่งที่เราคิดว่าต้องสูญเสียมันไปเมื่อเราต้องทำงาน

เขาบอกว่า หนังเรื่องนี้ ทำให้เขาคิดได้ว่า การทำงานหนัก ไม่ได้ทำให้เราร่ำรวยเสมอไป แต่การทำงานเพื่อเอาชนะใจตนเองนั้น จะไม่มีวันทำให้เราขาดทุน เพราะว่ามันคือ กำไรชีวิตล้วนๆ 

นั่นแหละประเด็น ถ้าเราทำงานเพื่อชนะใจตัวเองได้ เราก็จะหาความสุขได้ง่ายดาย ถ้าไม่รัก สักวันมันก็ต้องรักเองแหละน่า 

ชนะอะไรจะเท่าชนะใจตนเองเป็นไม่มี ... เข้าใจมั้ยยะคุณนางเอก !!!





Create Date : 22 ธันวาคม 2555
Last Update : 22 ธันวาคม 2555 7:27:55 น. 3 comments
Counter : 2494 Pageviews.

 
ขอแชร์นะคะ ;)


โดย: Me IP: 180.214.212.17 วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:13:17:52 น.  

 
ตอนนี้เรียนอยู่ค่ะ ก็เคยมีความคิดว่าอยากทำงานอะไรที่ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร เป็นเจ้านายตัวเอง เลยจะมุ่งไปทางสายราชการ สอบเป็นอัยการ แต่คิดไปคิดมา ถ้าได้เป็นก็จะโดนโยกย้ายไปตามจังหวัดต่างๆตลอดเวลา กว่าจะได้กลับเข้ามาอยู่ในกรุงเทพก็คงแก่ซะแล้ว

ดูจากองค์ประกอบแล้ว การโยกย้ายตลอดเวลามันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ต้องจากบ้านจากครอบครัว คิดจะสร้างตัวแต่งงานมีครอบครัวเองก็ลำบาก เพราะไม่อยู่กับที่

หากเบนมาสายเอกชนทำงานเป้นที่ปรึกษากฎหมาย หาบริษัทดีๆในระแวกบ้านทำ ได้อยู่กับบ้าน ได้อยู่กับครอบครัว ได้ทำงานที่ัตัวเองรักคือให้คำแนะนำแก่ผู้อื่น ช่วยเหลือคนอื่น แค่นี้ก็น่จะมีความสุขแล้วไม่จำเป็นต้องมียศฐาบรรดาศักดิ์อะไรมากมาย


โดย: annabet วันที่: 2 มกราคม 2556 เวลา:10:51:00 น.  

 
ตอนที่สมัครงานแรกๆ ก็คิดอย่างนี้ค่ะ
เราเพิ่งมารู้ตอนเรียนจบแล้วว่าบ้านมีภาระแค่ไหน และที่บ้านก็เพิ่งบอกว่า อยากให้ทำงานด้านไหน ทั้งๆที่สิ่งที่เราเรียนจบมา มันไปกับสายงานพวกนี้แทบไม่ได้เลย
มีน้ำตาเลยล่ะ กับการต้องเลือก ระหว่างงานที่เราอยากทำมากๆ กับการเรียน ที่มั่นใจว่า ถ้าเรียนจบ อนาคตของเราต้องดีแน่นอน
แต่สุดท้ายก็กลายเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์ และก็ลาออกจากป.โท
ได้งานทำใหม่ ที่ชอบ และอยากทำ ขณะเดียวกัน ก็ตอบโจทย์ของที่บ้านได้ชัดเจนที่สุดค่ะ

ความสุขก็เลยเกิด ถ้าเรารู้ตัวเองว่า ความสุขของเราอยู่ที่ตรงไหน
ขอให้โชคดีนะคะ น้อง annabet


โดย: ปลาทองแก้มยุ้ย IP: 1.4.173.14 วันที่: 28 มกราคม 2556 เวลา:14:49:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลาทองแก้มยุ้ย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เป็นผู้หญิง (แหงดิ) ที่มีความฝันมากมาย แต่ไม่เคยไขว่คว้ามันมา
จนถึงวันนี้ ชีวิตก้าวขึ้นเลข 2 รู้ตัวแล้วว่าเวลาไม่คอยท่า
เธอเลยคิดได้ว่า ถึงเวลาไล่คว้าความฝันแล้ว

คิดและกำลังลงมือทำ ...

หวังว่าวันแห่งความสำเร็จ คงจะมาในไม่ช้า
Friends' blogs
[Add ปลาทองแก้มยุ้ย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.