Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

ธรรมะสัญจร"ม.นเรศวร" ดึงน.ศ.เข้าวัด-ปฏิบัติธรรม


คอลัมน์ สกู๊ปพิเศษ

*การแก้ปัญหาเด็กไม่เข้าวัด เหมือนจะกลายเป็นปัญหาโลกแตกที่สังคมไทยกำลังหาทางออก เพราะเด็กส่วนใหญ่ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า พระเทศน์น่าเบื่อ ง่วงนอน แต่ที่กองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร เขามีวิธีการดึงเด็กเข้าวัด หรือสถานที่ปฏิบัติธรรมที่น่าสนใจ

ผศ.ชาลี ทองเรือง รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) เล่าให้ฟังว่า กองกิจการนิสิต มน. ได้จัดทำวิจัยเรื่องการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยเฉพาะการทำบุญและการฝึกสมาธิ จากกลุ่มตัวอย่างนิสิตระดับปริญญาตรีทุกชั้นปี ทั้งภาคปกติและภาคพิเศษ ในปีการศึกษา 2550 จำนวน 3,530 คน

พบว่า นิสิตจะทำใส่บาตร/ทำบุญ เป็นครั้งคราวมากที่สุด จำนวน 2,794 คน คิดเป็นร้อยละ 79.7 รองลงมา คือ ไม่ทำ จำนวน 367 คน คิดเป็นร้อยละ 10.5 และใส่บาตร/ทำบุญเป็นประจำ น้อยที่สุด จำนวน 346 คน คิดเป็นร้อยละ 9.9

การสวดมนต์ก่อนนอน ทำเป็นครั้งคราวมากที่สุด จำนวน 1,660 คน คิดเป็นร้อยละ 47.3 รองลงมา คือ ทำเป็นประจำ จำนวน 1,038 คน คิดเป็นร้อยละ 29.6 และไม่สวดมนต์ก่อนนอน น้อยที่สุด จำนวน 809 คน คิดเป็นร้อยละ 23.1 ส่วนการนั่งสมาธิ/ สงบจิตใจ เป็นครั้งคราว มากที่สุด จำนวน 1,992 คน คิดเป็นร้อยละ 56.8 รองลงมา คือ ไม่ทำ จำนวน 1,108 คิดเป็นร้อยละ 31.6 และนั่งสมาธิ/ สงบจิตใจ เป็นประจำ น้อยที่สุด จำนวน 406 คน คิดเป็นร้อยละ 11.6

     ดังนั้น มหาวิทยาลัยนเรศวร จึงได้หาวิธีการฝึกนิสิตให้รู้จักนำหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนามาปฏิบัติ โดยจัดโครงการธรรมะสัญจรขึ้น เพื่อนำนิสิตไปฝึกสมาธิ ปฏิบัติธรรมตั้งแต่ปี 2550-2551 พบว่า เด็กได้เรียนรู้การฝึกสมาธิ และสามารถนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาพัฒนาชีวิตมากขึ้น

ผศ.ชาลี กล่าวต่อว่า ในปี2552 มหาวิทยาลัยนเรศวร ยังได้สานต่อโครงการธรรมะสัญจร โดยนำนิสิตและบุคลากรในหน่วยงานต่างๆ ไปปฏิบัติธรรม ณ วัดสวนร่มบารมี อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เพื่อให้นิสิตได้ใช้หลักธรรมทางศาสนาพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม และได้ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา ฝึกความรับผิดชอบในกระบวนการกลุ่ม ตลอดจนได้เรียนรู้การฝึกพัฒนาจิต วิปัสสนากรรมฐาน

*นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมโครงการจัดสร้างธรรมะสถานขึ้นภายในมหาวิทยาลัยด้วย ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำโครงสร้างรูปแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่า สามารถดำเนินการได้ในปี 2553 เพื่อกระตุ้นให้นิสิตได้ฝึกฝนจิตใจและมีธรรมะสถานได้ปฏิบัติธรรมด้วย

"ปัจจุบันปัญหาเด็กและเยาวชนมีมากมาย ทั้งเด็กติดเกม การดื่มสุรา และสิ่งยั่วยุต่างๆ มากมาย การส่งเสริมให้นักศึกษามีภูมิคุ้มกันทางจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการนำหลักธรรมทางศาสนามาใช้ได้จริง และไม่อยากให้เด็กของเราเข้าศาสนสถานเพื่อพัฒนาจิตใจ ไม่ใช่แค่เพียงขอพรเรื่องสอบผ่านหรือเรื่องความรักเท่านั้น" รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต กล่าว

     สำหรับโครงการธรรมะสัญจร จะเน้นให้เด็กได้ฟังพระเทศน์ ได้เรียนรู้การฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม เดินจงกรม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กได้ฝึกสมาธิ และฝึกจิตใจให้สงบ โดยใช้รูปแบบการทำงานเป็นกลุ่มได้วิเคราะห์ปัญหาที่ตนเองทำว่า ดีหรือไม่ดี ในขณะเดียวกัน ทางมหาวิทยาลัยจะมีกฎการเข้าร่วมโครงการ 9 ข้อ ด้วย ได้แก่ 1.ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำกลุ่ม 2.ผู้เข้าร่วมโครงการต้องแต่งกายสุภาพ ไม่สวมเสื้อผ้ารัดรูป ห้ามใส่เสื้อสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น 3.ห้ามประพฤติผิดและเสื่อมเสียในทางชู้สาว 4.ห้ามก่อการทะเลาะวิวาททุกกรณี 5.ห้ามส่งเสียงดังรบกวนในที่พัก 6.ห้ามเล่นการพนันในที่พัก 7.ห้ามเสพของมึนเมาในที่พัก 8.ห้ามนำบุคคลภายนอกเข้าที่พักโดยมิได้รับอนุญาต 9.ไม่อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมโครงการออกไปพักนอกสถานที่โดยเด็ดขาด ซึ่งข้อปฏิบัติเหล่านี้จะทำให้เด็กฝึกจิตใจตนเองให้มีความอดทน และสร้างความเป็นระบบให้แก่การฝึกปฏิบัติธรรม


*สิ่งสำคัญสิ่งของที่จำเป็นในการปฏิบัติธรรมที่นิสิตจะต้องเตรียมตัว ชุดขาว สำหรับใส่ในการปฏิบัติธรรม (ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน) เสื้อยืดคอกลม/คอปกสีขาว จำนวน 2 ตัว และอุปกรณ์ที่จำเป็น ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริจาคค่าน้ำค่าไฟตามกำลังศรัทธา

การฝึกส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลา 2 วัน 1 คืน สำหรับในอนาคตโครงการดังกล่าวนี้จะต้องมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อฝึกจิตใจให้เด็กมีคุณธรรม จริยธรรม โดยเฉพาะเด็กที่กระทำผิดกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยเราจะไม่ใช้วิธีการรุนแรง แต่จะให้เด็กได้บำเพ็ญประโยชน์ หรือเข้าค่ายธรรมะ แทนการหักคะแนน

"ผมเคยพานิสิตไปเข้าเข้าค่ายโครงการธรรมะสัญจร ที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี จำนวน 2 วัน 1 คืน ได้เห็นนิสิตได้เดินจงกรม นั่งวิปัสสนากรรมฐาน เด็กบางคนสามารถทำได้ดี เพราะชอบทำสมาธิ เด็กบางคนก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งจะต้องให้พระอาจารย์คอยสอน และแนะแนวทางให้ เด็กบางคนชอบฟังธรรม สนุกกับการฟังธรรมะ เนื่องจากพระอาจารย์เทศน์ได้สนุกใช้คำง่ายๆ ไม่น่าเบื่อ ดังนั้น การนำเด็กเข้าวัด ปฏิบัติธรรม ต้องอาศัยปัจจัยสำคัญ คือ พระสงฆ์ สถานที่ และความพร้อมของตัวเด็กเอง หากเราบังคับให้เขามาเขาจะไม่มีความสุขจากการปฏิบัติธรรม ซึ่งส่วนใหญ่เวลาผมจัดโครงการจะรับสมัครเข้าร่วมโครงการด้วยความสมัครใจไม่เน้นการบังคับ"

อย่างไรก็ตาม การนำเด็กไปปฏิบัติธรรม เป็นเพียงส่วนหนึ่งให้เด็กได้เรียนรู้พระพุทธศาสนา ได้เรียนความเป็นชาวพุทธ และสามารถนำหลักธรรมไปใช้ได้จริงในชีวิต เพื่อใช้แก้ปัญหาของตนเอง ลดปัญหาเด็กไม่มีทางออกและฆ่าตัวตายหรือหาวิธีการที่ผิดในการแก้ปัญหา

ด้านนายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า การที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ได้นำเด็กไปเข้าค่ายปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องที่ควรส่งเสริม ทั้งนี้ กรมการศาสนาเองได้ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมทุกกลุ่มเป้าหมาย ที่จะนำหลักธรรมของศาสนามาปรับใช้ในวิถีชีวิต ด้วยการเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของประชาชนในประเทศให้มีสำนึกในคุณธรรมที่เหมาะสมในการดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และมีความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างพอประมาณและมีเหตุผล

     ดังนั้น กรมการศาสนา จึงได้พิจารณาเห็นว่า กิจกรรมที่มีวิธีการและขั้นตอนที่จะให้พุทธศาสนิกชนได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ คือ การปฏิบัติธรรม ในวิถีชีวิตเพื่อน้อมนำหลักธรรมคำสอนสู่การปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความสงบร่มเย็นทางจิตใจและนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติได้ในวิถีชีวิตของพุทธศาสนิกชนได้เป็นอย่างดีเป็นเรื่องที่สำคัญ

"กรมการศาสนาสนับสนุนส่งเสริมให้มีการปฏิบัติธรรมในกลุ่มเด็ก เยาวชน และประชาชน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของภาครัฐและเอกชน ทั่วประเทศ ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนปฏิบัติธรรม จะดำเนินการตลอดปี สำหรับระยะเวลาที่ประชาชนจะปฏิบัติธรรม มีตั้งแต่ระยะเวลา 1 วัน 3 วัน 5 วัน 7 วัน 10 วัน หรือตามแต่ความสะดวก และความต้องการของประชาชน สำหรับสถานที่จะใช้สถานที่ปฏิบัติธรรมของแต่ละจังหวัด จะส่งเสริมให้ประชาชนจังหวัดนั้นๆ ได้เข้าวัดปฏิบัติธรรมในชุมชน ท้องถิ่น ตำบล อำเภอในจังหวัดนั้นๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมของคนในท้องถิ่นด้วย" อธิบดีกรมการศาสนา กล่าว

เป็นสิ่งที่น่าดีใจที่มหาวิทยาลัย และหน่วยงานราชการ ต่างตื่นตัวเห็นความสำคัญของการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาปฏิบัติอย่างจริงจัง


ขอขอบคุณ
ที่มา :
ข่าวสดรายวัน วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2552


สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์


H O M E




 

Create Date : 13 มกราคม 2553
0 comments
Last Update : 13 มกราคม 2553 21:44:12 น.
Counter : 1247 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.