Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
จากเมือง...สู่นา ดำกล้าย่ำโคลน

คอลัมน ์สดจากเยาวชน

"ยัง เอ็ม อี เอ ดอต คอม เฮ้!"

*เสียงพลังเข้มแข็งของเด็กๆ สมาชิก www. yongmea.com ดังลั่นที่ทำการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เป็นการอุ่นเครื่องก่อนออกเดินทาง

วันนี้เด็กๆ เยาวชนอายุ 12-18 ปี จำนวน 72 คน จะไปเรียนรู้วิถีชีวิตติดดินนอกเมืองหลวง จากเมือง (กรุง)...สู่บ้านนา

     กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อให้เด็กๆ เรียนรู้ความต่างจากวิถีชีวิตเดิมๆ ในเมืองหลวง ไปสัมผัสวิถีชาวนา

จ. สุพรรณบุรี มีพื้นที่กว้างขวางที่ยังคงเต็มไปด้วยผืนนา กลิ่นไอดิน และกลิ่นโคลนสาบควาย เพียง 2 ชั่วโมง คณะจากเมืองกรุงก็ถึงจุดหมาย ณ บ้านควาย อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี

     เด็กๆ จัดกลุ่มเรียงแถวแบ่งเป็น 4 กลุ่ม เดินหน้ามุ่งเข้าสู่เขตฐานการเรียนรู้ทั้งหมด 5 สถานี ที่นำประสบการณ์จริงมาแปรเป็นบทเรียนคือ 1.ค.ควายน่ารัก 2.หมู่บ้านชาวนา 3.วัฏจักรข้าวและการทำนา 4.จากท้องนาสู่ลานข้าว และ 5.การแปรรูปข้าว

สถานีที่ 1 ค.ควายน่ารัก พบการแสดงของควายและยังได้ถ่ายรูปควายยิ้ม

ควาย มีความสำคัญไม่น้อย ตั้งแต่สมัยโบราณกาล นอกจากช่วยคนไถนาแล้วยังเป็นพาหนะคู่ใจลากพาเกวียนไปยังที่ต่างๆ ในสมัยศึกบางระจันควายยังเป็นพาหนะของนักสู้ในการทำศึกสงครามออกรบ ปัจจุบันจำนวนควายลดลงจนต้องรณรงค์ให้ช่วยกันอนุรักษ์ไว้


*บทเรียนจากสถานีนี้เต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้มของคนกับควายที่ได้มาพบเจอกันอย่าง ใกล้ชิด เด็กๆ ได้เรียนรู้คุณค่า ความน่ารัก และเสน่ห์ของเพื่อนใหม่ตัวนี้

สถานี ที่ 2 หมู่บ้านชาวนา ที่นี่เด็กๆ ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวนาที่ต้อง "หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน" อยู่ท่ามกลางกลิ่นโคลนสาบควายมาชั่วชีวิต ด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายแฝงไปด้วยภูมิปัญญาที่เรียกว่า "ปราชญ์ชาวบ้าน" ตั้งแต่การสร้างบ้าน เครื่องใช้ไม้สอยในครัวเรือน และวิถีความเป็นอยู่ที่พึ่งพาอาศัยกัน

สถานีที่ 3 วัฏจักรข้าวและการทำนา สถานีนี้เด็กๆ ต่างตื่นเต้นที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง เริ่มตั้งแต่ได้ทดลองไถนา แม้แดดจะแรงแค่ไหน เหงื่อจะผุดเม็ดโป้งใหญ่ให้เห็นหลายหยด แต่ความสนุกสนานของเด็กๆ และความตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้ก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลง

มือขาวๆจากเมืองกรุง เปื้อนไปด้วยโคลนเมื่อลงมือดำนา ภาพที่เด็กๆ ถือต้นกล้า ขาจมโคลนแม้จะดูเก้ๆ กังๆ แต่สดใสน่ารักไปด้วยรอยยิ้มที่พร้อมจะเรียนรู้ โดยมีคุณลุงชาวนาใจดีกับพี่ควายตัวใหญ่พาเด็กๆ ไถนากันอย่างสนุกสนาน

สถานี ที่ 4 จากท้องนาสู่ลานข้าว หลังปักดำราว 3-4 เดือน ข้าวจึงออกรวงนำเมล็ดข้าวมาหุงกิน ข้าวทุกเมล็ดจะมีจมูกข้าวที่มีคุณค่าทางอาหารเต็มเปี่ยม ต่างจากข้าวขาวที่เราหุงกินในปัจจุบัน เพราะมีการใช้เครื่องฝัดจากโรงสีจนจมูกข้าวไม่หลงเหลือติดเมล็ด ทำให้ขาดคุณค่าทางโภชนาการไปอย่างน่าเสียดาย


*ปิดท้ายที่สถานีที่ 5 การแปรรูปข้าว เด็กๆ ได้เรียนรู้การแปรรูปข้าวที่สามารถทำเป็นขนมแสนอร่อยได้หลากหลายชนิด เช่น ขนมครก ทองม้วน ข้าวต้มมัด โดยให้น้องๆ ทดลองโม่ข้าวด้วยตัวเอง หลายคนชอบใจกับสถานีนี้เพราะมีขนมครกรสอร่อยร้อนๆ ให้ชิมกัน หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการลงมือปลูกข้าวจนกระทั่งแปรรูปข้าวด้วยตนเอง

     น้องข้าวปุ้น ปุณยวีร์ จันทร์แสนวิไล วัย 9 ขวบ โรงเรียนอุดมศึกษา กล่าวว่า ได้มาเห็นกระบวนการปลูกข้าวว่ากว่าจะมาเป็นข้าวให้เรากินนั้น ชาวนาต้องเหน็ดเหนื่อยและยากลำบากมาก อยากขอบคุณชาวนาและขอให้ชาวนามีความสุข ข้าวปุ้นสัญญาว่าจะกินข้าวทุกเม็ดให้หมด ไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว

น้อง ลูกหยี ด.ญ.จอมขวัญ สงวนจิตพัฒนา อายุ 12 ปี ชั้นป.6 โรงเรียนพระหฤทัยพัฒนเวศม์ กล่าวว่า ได้เรียนรู้วิถีชีวิตที่แตกต่างจากบ้านที่กรุงเทพฯ ทำให้รู้ว่าชาวนาลำบากมาก กว่าจะได้ข้าวที่ปลูกมาต้องใช้เวลานาน ทำให้หนูมองเห็นคุณค่าของข้าวมากขึ้น ต้องกินข้าวให้หมด ไม่กินทิ้งกินขว้าง การมาเรียนนอกห้องเรียนทำให้ได้เพื่อนใหม่และสนุกด้วย

     ด้าน น้องดรีม นายวีรพัฒน์ หญ้าปรัง อายุ 16 ปี ชั้นม.5 โรงเรียนอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย เล่าว่า ได้เรียนรู้ชีวิตของควายว่ามีความสำคัญมาก ได้มาสัมผัสตัวจริงว่าควายก็เป็นสัตว์มีความสามารถ มีพลังช่วยชาวนาได้ ได้รู้จักวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง อยู่อย่างประหยัด พอมีพอกิน และพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่

ปิดท้ายที่ น้องไทม์ อมฤต วณิชย์เจริญสกุล อายุ 14 ปี ชั้นม.3 โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ กล่าวว่า การเรียนรู้นอกห้องเรียนนั้นมีคุณค่าจริงๆ เพราะทำให้เราได้เห็นสิ่งใหม่ๆ ได้ความรู้ใหม่ๆ รวมถึงได้เพื่อนใหม่ๆ ด้วย ดีใจมากที่มีการอนุรักษ์ควายไทย รวมถึงสอนวิธีการปลูกข้าว อยากเชิญชวนเพื่อนๆ มาเที่ยวที่นี่กันเยอะๆ นอกจากได้ความรู้แล้ว ยังปลูกฝังวิธีคิดให้คนไทยมีจิตสำนึกและเห็นคุณค่าวิถีไทย เห็นประโยชน์วิถีชีวิตแบบพอเพียง

     หลังจบกิจกรรมสนุกๆ น้องๆ มีโอกาสไปทำบุญ กราบไหว้หลวงพ่อโต ที่วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร พระพุทธรูปคู่เมืองสุพรรณ ก่อนจากบ้านนากลับสู่เมืองกรุง


สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
ข่าวสดรายวัน วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551 หน้า 24

H O M E



Create Date : 03 ตุลาคม 2551
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 18:50:08 น. 0 comments
Counter : 1009 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.