Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
7 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 

การศึกษาคือปัญหาของสังคม

มติชนออนไลน์ - วันที่ 04 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11012

โดย บุณย์เสนอ ตรีวิเศรษฐ์ bunsanoe-@hotmail.com มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์

*มีการนิยามความหมายของการศึกษาไว้มากมาย เช่น การศึกษา คือ ความเจริญงอกงาม คือกระบวนการกำจัดอวิชาสำหรับมนุษย์ การนำความกระจ่างสู่จิตและทำให้เกิดปัญญาคือการสร้างสมและถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ของมนุษย์เพื่อการแก้ปัญหาและยังให้เกิดความเจริญ เป็นกระบวนการพัฒนาบุคคลทั้งในด้านจิตใจ นิสัย และคุณสมบัติอย่างอื่นๆ เป็นเครื่องมือสำคัญของรับในการสร้างความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพลเมือง

และนิยามสำคัญที่กล่าวว่า การศึกษา คือรากฐานที่สำคัญที่สุดในการสร้างสรรค์และแก้ไขปัญหาต่างๆ ในสังคม

จากการเฝ้าสังเกต ความเป็นไปของการศึกษาไทยมากว่าทศวรรษ อาจกล่าวได้ว่าภาพที่เป็นจริงกับนิยามของการศึกษา มักเดินสวนทางกันตลอดมา ราวกับว่าการให้นิยามเป็นเพียงความนึกฝัน ที่ไม่มีวันเป็นจริง

ภาพสะท้อนของการศึกษาไทยในปัจจุบัน ยิ่งทำให้เห็นว่าการศึกษาไม่อาจเป็นกระบวนการพัฒนามนุษย์สู่ความเจริญงอกงามและสมดุลได้จริง ทั้งนี้ เพราะเนื้อตัวของการศึกษาเองก็มีปัญหาค่อนข้างมาก

การที่กล่าวว่า การศึกษาเป็นรากฐานในการสร้างสรรค์และแก้ไขปัญหาต่างๆ ในสังคม จึงเป็นเพียงหลักการ แต่ไม่อาจนำมาใช้แก้ไขปัญหาสังคมได้จริง

กล่าวอีกที การศึกษานั่นเองที่เป็นตัวบ่มเพาะปัญหาให้แก่สังคมมากขึ้นๆ ทุกที

การกล่าวเช่นนี้ บางคนอาจมองว่าเป็นการมองโลกในทางร้าย แต่ถ้าพิเคราะห์ให้ดีผลสะท้อนจากการศึกษา ก็มักปรากฏออกมาในทาง ที่เป็นปัญหาจริงๆ

โดยจะขอไล่เรียงอธิบายเป็นข้อๆ ดังนี้

1.การศึกษาสร้างปัญหาให้ผู้ปกครอง จริงหรือไม่ว่า นับวันระบบการศึกษายิ่งสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวแก่ผู้ปกครองมากขึ้น

ปรากฏการณ์การรับนักเรียนเข้าเรียน ม.1 ของโรงเรียนที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศในช่วงเวลาที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นปัญหาของระบบการศึกษาได้ดี

เราจะเห็นความโกลาหลของผู้ปกครอง ที่อยู่ในอาการหวั่นวิตกว่าบุตรหลานของตนนั้นจะสามารถฝ่าข้ามเส้นแบ่งระหว่างคำว่า ได้ กับ ตก หรือไม่

เมื่อผลสอบ หรือผลการเสี่ยงดวงออกมา จึงมีคนส่วนน้อยที่สมหวัง แต่คนส่วนใหญ่ผิดหวัง

สำหรับผู้ที่พลาดหวัง เมื่อต้องอยู่ในฐานะของผู้แพ้ แม้การที่ต้องตกอยู่ในฐานะดังกล่าว อาจไม่ใช่ความผิดอะไร และไม่ใช่ความต่ำต้อยของสติปัญญาเด็ก แต่มาจากความไร้ปัจจัย (เงิน) ที่ทำให้เข้าไปไม่ถึงโอกาสในการฝึกฝนตนเองก่อนเข้าสู่สนามแข่งขันที่เคร่งเครียดและปวดร้าว จริงหรือไม่

ผู้ที่คว้าชัยโดยมากที่สามารถปีนป่ายเหยียบข้ามบ่าคนอื่นเพื่อไปยืน ณ จุดสูงสุดนั้น ก็คือ ผู้ที่ได้เข้าสู่กระบวนการท่องบ่นวิชาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ติวตั้งแต่เช้ายันค่ำ พร่ำบ่มเพาะการแข่งขันให้เด็กตั้งแต่ชั้นอนุบาล โดยที่ลืมคิดไปว่าจิตวิญญาณก็จำเป็นต้องใส่ลงไปในหัวเขาด้วยเหมือนกัน

เรามี พ.ร.บ.การศึกษาที่มีกลไกตรวจสอบประเมินคุณภาพให้สถานศึกษามีคุณภาพ และมาตรฐานเท่าเทียมกัน

ถามว่า สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ การประเมินของ สมศ. ที่ผ่านไปแล้ว 2 รอบ อะไรคือมรรคผลที่ได้มา นอกจากทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองยิ่งไม่มั่นใจ ไม่เชื่อในระบบโรงเรียนมากขึ้น จึงหันมาพึ่งพาการติวเข้ม "เกมของคนเหนือคน" ถึงกับเชื่อว่า การติวเท่านั้นที่จะพาบุตรหลานของตนสู่ชัยชนะได้

และกระบวนการนี้คือภาพของความเลวร้ายในโลกที่ "มือใครยาสาวได้สาวเอา" อย่างถึงแก่น ใครมือสั้นก็ถูกเบียดให้ล้มลง และถูกเหยียบทับถมให้จมธรณีในที่สุด

2.การศึกษาสร้างปัญหาให้ผู้เรียนทุกระดับ ทุกๆ เดือนแรกมักได้ยินข่าวนักเรียนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้อาวุธปืนกราดยิงผู้อื่นล้มตาย นี่คือผลผลิตจากระบบการศึกษาที่บีบคั้นและเก็บกด เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่ไม่อาจอดกลั้นต่อภาวะนั้นต่อไป การแสดงออกจึงรุนแรง และนำมาซึ่งความสูญเสียมากมาย

ที่น่าเป็นห่วงก็คือ สังคมไทยกำลังก้าวก่ายไปบนถนนสายนี้

หลายครั้งที่มีการนำเสนอข่าว เกี่ยวกับพฤติกรรมของนักเรียนที่ไม่พึงประสงค์ นักศึกษาฆ่าตัวเองเพราะไม่สมหวังจากการสอบ

ระบบติวเช้าติวเย็น โอยเอาวิชาเป็นตัวตั้ง ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นอีกมากมาย ทั้งการทุจริตการสอบที่ผู้ปกครองกลายเป็นจำเลยตัว เพราะอยากให้ลูกสอบได้

แม้กระทั่งนักศึกษาชั้นหัวกะทิของประเทศอีกหลายรายได้ใช้วิชาที่เรียนมาทำให้คนรักสาบสูญอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเกิดช่องระหว่างกัน

ยังไม่นับนักการเมืองผู้ทรงเกียรติในสภาหลายคนที่ได้ก่อเหตุสั่นสะเทือนวงการแม้จะพร้อมด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ

นี่คือผลผลิตของการท่องบ่นวิชา เอาปริญญาเป็นตัวตั้ง และนับวันจะสร้างความทุกข์ระทมให้สังคมไทยเป็นทบทวี

3.การศึกษาสร้างปัญหาให้ ครู อาจารย์ ผู้บริหาร เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่บุคลากรการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความก้าวหน้าในอาชีพมากขึ้น โดยสามารถพัฒนาผลงานก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น มีวิทยฐานะในระดับต่างๆ เช่น ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ เชี่ยวชาญพิเศษ ในเวลาปีที่ผ่านมา ทำให้ครู ผู้บริหารที่หมกมุ่นอยู่กับกระดาษได้รับการพิจารณาให้เลื่อนวิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ จำนวนมาก

แต่ที่น่าคิด ก็คือความรู้ความสามารถของนักเรียนไม่ได้ก้าวหน้าตามไปพร้อมด้วย

ปัญหาเด็กไทยที่จบ ป.6 อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ คิดไม่เป็นนับวันจะเพิ่มปริมาณมากขึ้น และยังไม่รู้ว่าปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายลงอย่างไร

อาจารย์ผู้สอนระดับอุดมศึกษาเอง เมื่อมีตัวชี้วัดจากการประเมินทั้ง กพร.,สมศ. ก็พอกระตุ้นให้อาจารย์มีตำแหน่งทางวิชาการเพิ่มปริมาณขึ้นบ้าง แต่เมื่อพิจารณาเนื้อในแล้ว ปริมาณองค์ความรู้ที่สร้างสรรค์ขึ้นกับจำนวนอาจารย์ที่มีอยู่ เกิดช่องว่างกว้างใหญ่

นั่นแสดงให้เห็นว่าอาจารย์ระดับอุดมศึกษาก็มีปัญหาในตนเอง คือเรียนจบสูง แต่เรียนรู้น้อย ขาดหัวจิตหัวใจ ขาดความทุ่มเทในภารกิจของตน

นี่คือผลสะท้อนหนึ่งในระบบการศึกษาไทย ที่คนชอบเรียนแค่จบกล่าวคือ เมื่อเรียนจบ ก็ไม่คิดอะไรต่อ เมื่อไม่เรียนรู้ ไม่ทำวิจัย ไม่พัฒนาศักยภาพคน ก็อ่อนแอ

เมื่อคนระดับอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เป็นขุมคลังทางปัญญาอ่อนแอ ก็ไม่สามารถเป็นปัญญาของสังคมได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะก้าวข้ามภูเขาแห่งปัญหาการศึกษาไทยที่หมักหมมมายาวนานเหล่านี้ได้อย่างไร

4.การศึกษาคือปัญหาขององค์กร คนในวงการศึกษามักให้ความสำคัญกับสิ่งที่ไม่ใช่ภารกิจตน เช่น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารโดยการหลอมรวมโรงเรียนประถม/มัธยมให้อยู่ใต้เงาเดียวกัน คือ สพฐ. ก็เริ่มมีการดูหมิ่นดูแคลนกัน ครูมัธยมที่หลงตนว่าโดยสภาพที่ตั้งของโรงเรียนตนเองอยู่สูงกว่าครูประถม ทั้งที่ครูทั้งสองส่วนควรมีความเชื่อมโยงเอื้ออาทรต่อกัน เพราะจริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรมาชี้ว่า ครูมัธยมดีกว่า หรือเก่งกว่าครูประถมมีการรวมกลุ่มเพื่อยื่นหนังสือขอแยกทางกันในการจัดการศึกษา โดยอ้างเหตุผลว่า การอยู่ร่วมกันทำให้คุณภาพมัธยมตกต่ำ

นี่คือปัญหาระดับวิธีคิด สังคมไทยอ่อนแอเพราะความนึกคิดที่แบ่งแยกใช่หรือไม่ เมื่อใดที่เราคิดว่า เราดีกว่าคนอื่น ก็เกิดความรู้สึกเหยียดหยันเขาไปในตัว

ปัญหานี้จึงไม่ใช่ว่าใครดีกว่าใคร แต่เป็นเรื่องอื่น อาจเป็นเรื่องกิเลสภายใน ที่มักแสดงออกมาเมื่อจะต้องสูญเสียในสิ่งที่ตนเคยได้รับ บางทีคนชั้นครูอาจต้องเสียสละส่วนตนเพื่อให้ส่วนรวมได้ประโยชน์ เพราะเราไม่อาจเป็น "ผู้ได้" ไปตลอดกาล

เมื่อครูยังมีความคิดที่แบ่งแยกอย่างนี้ ความสมานฉันท์ที่เราต่างพากันเรียกหา จะเป็นจริงได้อย่างไร

5.การศึกษาคือปัญหาของสังคม ปัจจุบันมีคนไทยสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาเพิ่มมากขึ้นๆ แต่ขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างสติปัญญากับปัญญาของคนไทยต่ำลงไปมาก มันคงเป็นผลผลิตจากระบบการศึกษาของเราที่ร่วมกันหล่อหลอมขึ้นมา

ผู้บริหารโรงเรียนประถมต้องยอมให้ผู้เรียนที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ผ่านชั้น ป.6 เพราะความกลัวถูกเพ่งเล็งจากผู้บริหารที่อยู่เหนือขึ้นไป ครูเอง แม้จะขัดกับความรู้สึกที่ต้องตอบสนองนโยบายผู้บริหาร

ครูมัธยมก็เริ่มสงสัยครูประถมว่า ทำอะไรกันอยู่ ปล่อยให้เด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้

อาจารย์อุดมศึกษา หากยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับประเด็นที่ตีคู่มากับโลกร้อน ก็อาจเป็นได้ว่าการศึกษาจะนำพาสังคมไทยสู่ความอ่อนแอลง และยากที่จะกู้กลับมา

จึงหมดเวลาที่จะไปโทษใครคนใดคนหนึ่ง หากว่าไปแล้วเราทุกคนล้วนมีส่วนในการทำลายประเทศชาติมาแล้วทั้งนั้น ดังนั้น ครู-อาจารย์จึงควรต้องมาทบทวนบทบาทของตนเอง ครู-ผู้บริหารโรงเรียนทั้งหลาย ต้องบริหารวิชาการให้เข้มแข็ง ต้องแก้ปัญหาเด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ให้จงได้ อย่ามัวแต่บริหารความก้าวหน้าเฉพาะตนอยู่เลย เราต่างเป็นผู้ที่อาศัยโลก (ประเทศไทย) อยู่ ทุกคนควรสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามทิ้งไว้ก่อนอำลาจากไป

อาจารย์อุดมศึกษาก็ควรต้องฝึกฝนตนเองให้เข้มแข็ง พร้อมส่งความเข้มแข็งสู่ศิษย์ และเกิดการส่งทอดความเข้มแข็งและความดีงามนี้ไปยังคนรุ่นต่อไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องช่วยกัน ทำให้การศึกษามีพลังที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ได้ทุกสิ่งและจริงจัง เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ผลจะกลับกัน การศึกษาต้องจะเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาของสังคมที่จะนำประเทศชาติสู่ความล่มจมในที่สุด

หน้า 5

H O M E




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2551
0 comments
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 22:43:39 น.
Counter : 904 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.