Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
29 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
คดีหวยออนไลน์"จาโก้" ถูกใจ แต่(อาจ)ไม่ถูกต้อง ..รัฐบกพร่อง เอกชนรับบาป ต่อไปใครจะลงทุน ?


*เชื่อหรือไม่ ?คำพิพากษาหวยออนไลน์ มีความน่าสนใจกว่า คำพิพากษาคดียึดทรัพย์ทักษิณ ? เมื่อศาลฎีกาตัดสินให้กองสลาก ฯไม่ต้องจ่ายค่าโง่ให้ "จาโก" เราเชิญชวนให้ท่าน อ่านบทวิเคราะห์ทางวิชาการ ต่อไปนี้...

แน่นอนว่า ผลคำพิพากษา ไม่ต้องจ่ายค่าโง่ อาจสร้างความพอใจให้กับประชาชนผู้เสียภาษี และกองสลากฯ

แต่เมื่อพินิจพิเคราะห์ "เนื้อใน"แล้ว อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐ กลายเป็นบาปเคราะห์ของเอกชน ????

ก่อนที่จะมีการอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียง 2 วัน

24 กุมภาพันธ์ ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษากรณีบริษัท จาโก จำกัด ยื่นฟ้องสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยตัดสินว่า สัญญาระหว่างบริษัท จาโก จำกัด กับ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่มีผลผูกพันคู่สัญญา

ล่าสุด ศ. ดร. นันทวัฒน์ บรมานันท์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ วิเคราะห์คำพิพากษา คดีหวยออนไลน์ และตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจ ดังนี้

ความเป็นมาของคดีหวยออนไลน์"จาโก"

“สาระ” ของคำพิพากษามีว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลทำสัญญาแต่งตั้งบริษัท จาโก จำกัด เป็นผู้แทนจำหน่ายและจ่ายรางวัลสลากบำรุงการกุศลแบบอัตโนมัติ กำหนดเวลา 10 ปีนับแต่วันเริ่มจำหน่ายสลาก ในสัญญาดังกล่าวระบุว่า หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นให้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการเพื่อชี้ขาด

ต่อมาภายหลังการทำสัญญา สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามสัญญา บริษัท จาโก จำกัด จึงได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ ซึ่งอนุญาโตตุลาการก็ได้มีคำชี้ขาดให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 2,508,593,718 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 4 มกราคม 2543 จนกว่าจะชำระเสร็จ แต่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ บริษัท จาโก จำกัด จึงได้ยื่นฟ้องเรื่องดังกล่าวต่อศาลแพ่ง

ในชั้นการพิจารณาของศาล สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีข้อต่อสู้ในเรื่องดังกล่าวหลายประการในการที่ตนเองไม่ยอมปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ

ข้อต่อสู้ที่สำคัญประการหนึ่ง คือ คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องมาจากสัญญาระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกับบริษัท จาโก จำกัด ต้องอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ)

นั่นหมายความว่า ต้องได้รับการอนุมัติโครงการจากคณะรัฐมนตรีก่อน แต่ในกรณีดังกล่าวมิได้มีการเสนอโครงการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติตามขั้นตอน สัญญาดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ ไม่ผูกพันคู่สัญญา

ศาลชั้นต้นได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วก็ได้พิพากษาให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ คือ จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่บริษัท จาโก จำกัด ตามจำนวนข้างต้น

เนื่องจากพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 45 บัญญัติถึงเรื่องการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นกรณีที่คำพิพากษาฝ่าฝืนต่อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนว่าให้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นไปเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2548

เหตุใดอัยการไม่ทักท้วงประเด็นพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

ศาลฎีกาได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวในประเด็นที่สำคัญหลายประเด็น

แต่ประเด็นหนึ่ง ก็คือ สัญญาระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกับบริษัท จาโก จำกัด ไม่ได้ผ่านกระบวนการดังกล่าว จึงกลายมาเป็นข้อโต้แย้งถึงความชอบด้วยกฎหมายของสัญญาหวยออนไลน์

ในชั้นการพิจารณาของศาลฎีกา บริษัท จาโก จำกัด ได้ต่อสู้ในประเด็นเรื่องของการที่สัญญาดังกล่าวไม่ผ่านกระบวนการตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ว่า ในเรื่องดังกล่าว ทั้งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและหัวหน้าสำนักกฎหมายของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลให้การสอดคล้องกันว่า ในการยกร่างสัญญา

อีกทั้งสัญญาก็ยังต้องผ่านการพิจารณาโดยกองกฎหมายของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและต้องให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ

จากนั้นก็ได้ส่งร่างสัญญาดังกล่าวให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ก็ไม่ปรากฏว่ามีการทักท้วงหรือท้วงติงว่ากระบวนการทำสัญญาดังกล่าวขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐแต่อย่างใด !!!

ศาลฎีกาได้พิจารณาถึงพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ แล้ว มีความเห็นว่า กิจการจำหน่ายสลากและจ่ายรางวัลสลากการกุศลแบบอัตโนมัติเป็นกิจการที่เข้าลักษณะเป็น “กิจการของรัฐ” ตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ และมีลักษณะเป็น “โครงการ” ตามกฎหมายดังกล่าว

สัญญาระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกับบริษัท จาโก จำกัด จึงเป็นสัญญาที่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

ศาลฎีกาได้ให้ “คำตอบ” ของการที่โครงการดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ไว้ว่า

การที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาตรวจร่างสัญญา และสำนักงานอัยการสูงสุดในขั้นตอนการตรวจร่างสัญญาเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า สัญญาดังกล่าวมิได้เป็นสัญญาที่อยู่ในบังคับของพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ จึงมิได้ทักท้วงหรือท้วงติง

โดยไม่ปรากฏว่าในขั้นตอนของการดำเนินการเกี่ยวกับการทำสัญญาดังกล่าวมีการกระทำหรือละเว้นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หามีผลทำให้สัญญาซึ่งมีเนื้อหาสาระเป็นสัญญาที่อยู่ในบังคับแห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ กลายเป็นสัญญาที่ไม่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายดังกล่าว

การไม่ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ส่งผลทำให้สัญญาระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกับบริษัท จาโก จำกัด เป็นสัญญาที่ไม่มีผลผูกพันคู่สัญญาและย่อมส่งผลทำให้ข้อตกลงเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทโดยเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการเพื่อชี้ขาดไม่มีผลบังคับใช้ไปด้วย

คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจ่ายเงินให้ บริษัท จาโก จำกัด จึงเป็นคำชี้ขาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ข้อพิพาทนั้น

ศาลฎีกาจึงพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจ่ายเงินจำนวน 2,508,593,718 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 4 มกราคม 2543 จนกว่าจะชำระเสร็จ

ผลตัดสินถูกใจ แต่อาจไม่ถูกต้อง ???

ประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องนี้ก็คือการที่ศาลฎีกาพิจารณาว่า สัญญาระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกับบริษัท จาโก จำกัด เป็นสัญญาที่ต้องอยู่ภายใต้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ซึ่ง ศาลฎีกาก็ได้ “ชี้ชัด” ลงไปแล้วว่าสัญญาดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้กฎหมายดังกล่าว

ส่วนผลของการไม่ทำตามกฎหมายนั้น ศาลฎีกาก็ได้บอกไว้แล้วเช่นกันว่าสัญญาไม่มีผลผูกพันคู่สัญญา

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพิพากษาเป็นสิ่งที่พึง “หลีกเลี่ยง” เพราะแม้ตั้งใจให้เป็นความคิดเห็นทางวิชาการ แต่ถ้าหากศาลเห็นว่า “ไม่ใช่” โชคร้ายก็กำลังมาเยือน เพราะฉะนั้น ที่ควรจะต้องทำก็คือ “หยุดแสดงความคิดเห็น” ที่มีลักษณะ “สุ่มเสี่ยง” ไปในทำนอง “วิจารณ์”

แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อคำพิพากษานี้ได้ “ให้ข้อคิด” บางอย่างเอาไว้ เราจึงสมควรที่จะต้องมาพิจารณาดูสิ่งที่ได้จากคำพิพากษาดังกล่าว

ประการแรก เป็นที่น่าปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทย “ไม่ต้องจ่ายค่าโง่” ซ้ำซากให้กับเอกชน ก็ต้องขอขอบคุณศาลที่ช่วยประหยัดเงินภาษีอากรของประชาชนไปเกือบ 4,000 ล้านบาท

จริง ๆ แล้วเรื่อง “ค่าโง่” เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยเพราะอย่างที่ทราบ กว่าสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนจะเกิดขึ้นได้ต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ เยอะแยะไปหมด แถมตอนท้ายที่สุดก็ต้องให้ “อัยการ” ซึ่งถือกันว่าเป็นนักกฎหมายภาครัฐที่ “เก่งจริง ๆ” เป็นผู้ตรวจสอบในรอบสุดท้าย

แล้วใครควรรับผิดชอบ ?

แต่ทำไม ! สัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนที่มีปัญหา รัฐถึงได้เสียเปรียบทุกทีก็ไม่ทราบ น่าจะมีใครซักคนรวบรวมและวิเคราะห์ดูว่า ที่ผ่านมานั้น รัฐเสียค่าโง่ให้กับเอกชนไปแล้วทั้งหมดเท่าไหร่ แล้วก็ใครเป็นคนตรวจดูความถูกต้องของสัญญาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนสุดท้าย จะได้รู้กันไปเสียทีว่า การเสียค่าโง่นั้นมาจาก “ความบกพร่อง” ในช่วงใดและของใครครับ คงไม่ต้องบอกต่อนะครับว่า สิ่งที่จะตามมาคืออะไร ควรมีใครสักคนที่ต้อง “รับผิดชอบ” กันบ้างนะครับ !!!

ประการที่สอง พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เป็นกฎหมายพิเศษ เป็นกฎหมายที่เอกชนถือว่าเป็น “ผู้อยู่ใต้การปกครอง” อย่างแท้จริง เพราะเฉพาะหน่วยงานของรัฐเท่านั้นที่จะดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวได้ ไม่เชื่อก็ลองไปอ่านดูขั้นตอนของกฎหมายที่ผมสรุปไว้ข้างต้นอีกทีครับ

หากหน่วยงานของรัฐต้องการทำสัญญากับเอกชนแล้วหน่วยงานของรัฐบอกว่าสัญญาดังกล่าวไม่ต้องทำตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ก็หมายความว่า เอกชนไม่มีสิทธิที่จะเลือกอะไรทั้งนั้นนอกจากเลือกทำหรือไม่ทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐนั้น ขืนเอกชนไปบอกว่าหน่วยงานของรัฐต้องทำตามกฎหมายดังกล่าวก่อน รับรองได้ว่า เอกชนไม่มีทางได้เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐนั้นแน่ ๆ

เมื่อหน่วยงานของรัฐบอกว่าไม่ต้องทำตามกฎหมาย ก็ย่อมเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าไม่ต้องทำตามกฎหมาย เอกชนจะไปอวดรู้มากกว่าหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้อย่างไรครับ!!!

กรณีหวยออนไลน์นี้ ได้ความเป็นที่ชัดเจนปรากฏอยู่ในคำพิพากษาที่ฝ่ายบริษัท จาโก จำกัด กล่าวอ้างว่า ทั้งผู้อำนวยการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและหัวหน้าสำนักกฎหมายของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต่างให้การสอดคล้องกันว่า ในการยกร่างสัญญา กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้แทนของสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาร่างสัญญา และร่างสัญญาก็ได้ผ่านกองกฎหมายของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ผ่านการตรวจพิจารณาโดยสำนักงานอัยการสูงสุด ก็ไม่ปรากฏว่ามีการทักท้วงหรือท้วงติงว่ากระบวนการทำสัญญาขัดต่อพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

ศาลฎีกาก็ได้ให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวเอาไว้ว่า กรณีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและสำนักงานอัยการสูงสุดในขั้นตอนการตรวจร่างสัญญาเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าสัญญาดังกล่าวมิใช่สัญญาที่อยู่ในบังคับของพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ จึงไม่ทักท้วงหรือท้วงติง

โดยไม่ปรากฏว่าในขั้นตอนของการดำเนินการเกี่ยวกับสัญญาดังกล่าวมีการกระทำหรือละเว้นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น หามีผลทำให้สัญญาซึ่งมีเนื้อหาสาระเป็นสัญญาที่อยู่ในบังคับของ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ กลายเป็นสัญญาที่ไม่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายดังกล่าวดังที่ บริษัท จาโก จำกัด กล่าวอ้างในคำแก้อุทธรณ์ไม่

ความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เอกชนต้องรับบาป

ผมเห็นด้วยกับ “เหตุผล” ของศาลที่ว่าการไม่ทำตามกฎหมายเนื่องมาจาก “ความเข้าใจคลาดเคลื่อน” ของ “ฝ่ายรัฐ” ไม่ทำให้สัญญาดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายไปได้ แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่า “ความเข้าใจคลาดเคลื่อน” ของ “ฝ่ายรัฐ” คือจุดเริ่มต้นของการทำให้สัญญาดังกล่าวไม่ได้ทำตามขั้นตอนและวิธีการของพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

เพราะฉะนั้น ในส่วนนี้เราจะทำอย่างไรกันดีครับ เพราะการดำเนินการหรือไม่ดำเนินการตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ นั้น ขึ้นอยู่กับ “หน่วยงานของรัฐ” แต่เพียงฝ่ายเดียว

ต่อแต่นี้ไป เอกชนจะมีหลักประกันอย่างไรในการทำงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ สมควรเชื่อหน่วยงานของรัฐหรือไม่ เพราะหน่วยงานของรัฐที่ต้องเป็นผู้ “รับผิดชอบ” ต่อโครงการที่ตนเองต้องจัดทำอาจมี “ความเข้าใจคลาดเคลื่อน” ได้นะครับ!!!

หากเป็นสัญญาตามปกติที่คู่สัญญายังต้องการปฏิบัติตามสัญญาอยู่ ก็คงไม่ลำบากอะไรมากนัก

เพราะขั้นตอนตรงไหนบกพร่องหรือไม่สมบูรณ์ ก็ไปแก้ไขตรงนั้นให้สมบูรณ์ แต่ในสัญญานี้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ต้องการปฏิบัติตามสัญญาตั้งแต่ต้น บริษัท จาโก จำกัด จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย การแก้ไขความบกพร่องของสัญญาให้สมบูรณ์จึงไม่มีประโยชน์อันใด คงเป็นเรื่องค่าเสียหายอย่างเดียวที่จะเป็นประเด็นปัญหาต่อไปอีก “ความเข้าใจคลาดเคลื่อน” ที่ศาลฎีกากล่าวไว้คงเป็น “ฐาน” ให้บริษัท จาโก จำกัด เรียกค่าเสียหายอีกแน่ๆครับ !!!

ประการที่สาม ผมสงสัยจริง ๆ นะครับ ที่ในคำพิพากษาเขียนว่า “สัญญาไม่มีผลผูกพัน” นั้น หมายความว่าอย่างไร เสียเปล่ามาตั้งแต่ต้นคือเป็นโมฆะหรือไม่ และที่สำคัญก็คือสัญญาไม่มีผลผูกพันนั้นมีที่มาจาก “ความเข้าใจคลาดเคลื่อน” ของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ดังนั้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะในเมื่อหน่วยงานของรัฐมี “ความเข้าใจคลาดเคลื่อน” ในการทำสัญญาจนทำให้ “สัญญาไม่มีผลผูกพัน” ความเสียหายของเอกชนที่มีอยู่ไม่มากก็น้อยใครจะเป็นผู้รับผิดชอบครับ

และผู้ที่มี “ความเข้าใจคลาดเคลื่อน” ในการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง จะต้องมีความรับผิดชอบอย่างไรบ้างครับ ใครจะตอบตรงนี้ได้ครับ!!!

สิ่งที่ทำให้นักลงทุนหวาดระแวงในการ “ติดต่อ” กับภาครัฐ

ประการสุดท้าย เป็นความห่วงใยในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศเรามีปัญหาเกิดขึ้นมากมายที่มีผลกระทบต่อ “ความเชื่อมั่น” ในการลงทุน กรณีเพิกถอนการแปลงสภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยย้อนหลังไปตั้งแต่ต้น กรณีมาบตาพุด กรณีทุจริตเชิงนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศหวาดระแวงในการ “ติดต่อ” กับภาครัฐ

ผมคงไม่ต้องมานั่งแจงนะครับว่าหวาดระแวงอะไรกันบ้างเพราะจากการประมวลดูข่าวต่าง ๆ ก็พอทราบได้ว่า ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ล้วนแล้วแต่ “ผลิต” สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งนั้น

ถึงแม้ว่าเราจะรอดไม่ต้องเสีย “ค่าโง่” ให้กับบริษัท จาโก จำกัด แต่ที่กล่าวไปแล้วคงจะพอมองเห็นว่า เราต้องเสียอะไรไปอีกหลายอย่าง เสียความรู้สึกที่ดีต่อหน่วยงานของรัฐที่ตอนทำสัญญาก็ทำกันอย่างดี แต่พออยากเลิกสัญญาก็ยกเอาข้อบกพร่องที่เกิดจากการกระทำของตัวเองมาเป็นเหตุเลิกสัญญา เสียความรู้สึกที่ดีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ศาลบอกว่ามี “ความเข้าใจคลาดเคลื่อน”

ทั้งๆที่เป็นหน้าที่ของตนเองที่ต้องมี “ความเข้าใจที่ชัดเจนและถูกต้อง” เสียความรู้สึกที่ดีที่มีต่อความเชื่อมั่นในการทำงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว แล้วก็ท้ายที่สุด เราอาจเสียคนจำนวนหนึ่งที่คงไม่กล้าเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพราะ “ระบบ” การทำงานของเราเป็นระบบที่ “ล้าหลัง” แถมยังคุ้มครองหน่วยงานของรัฐและบุคลากรของรัฐอย่างมากเกินไปอีกด้วยครับ !!!

ในวันที่ประเทศชาติกำลังมีปัญหาและมีความสับสนวุ่นวายทางการเมืองจนทำให้เศรษฐกิจถดถอย ควรหรือไม่ที่จะ “ช่วยกัน” สร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบ????

“ความเข้าใจคลาดเคลื่อน” ของภาครัฐที่ส่งผลกระทบต่อเอกชนโดยภาครัฐไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบ ให้กับประเทศ ให้กับอำนาจนิติบัญญัติ ให้กับอำนาจบริหาร และให้กับอำนาจตุลาการ

ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาดังกล่าวนะครับ

แค่อยากจะขอใช้สิทธิในฐานะคนไทยที่ห่วงประเทศชาติห่วงภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐต่างๆอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ และคิดว่าเรื่องประเภทนี้คงไม่เกิดขึ้นในประเทศ อื่นๆเป็นแน่

อย่าเพิ่งถอดใจหนีไปลงทุนที่อื่นกันหมดนะครับ

Credit : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E




Create Date : 29 มีนาคม 2553
Last Update : 29 มีนาคม 2553 19:07:27 น. 0 comments
Counter : 1174 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.