<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
24 มิถุนายน 2551

ตอนที่ 13 ฮ นกฮูกคอตก

เรื่องราวของหม่าม้า ที่ร้างราตำราเรียนร่วม 30 ปี แล้วตัดสินใจกลับสู่ห้องเรียนใหม่ในวัย ฮ นกฮูก




ตอนที่ 13 ฮ นกฮูก คอตก

สายลมเย็นช่วงเช้าพัดเบาสบาย ใบไม้แห้งปลิดขั้วหมุนหวิวๆก่อนจะทิ้งตัวลงบนดิน หน้าหนาวเดินทางมาอีกครั้ง เป็นช่วงฤดูที่น่าจะมีความสุขที่สุด มองไปทางไหนก็เห็นความรื่นเริง สดใส นึกถึงสีสัน งานเลี้ยงสังสรรค์ปลายปี และเพลงบรรเลงช่วงคริสตมาส
เพราะๆ

แต่สำหรับนักเรียน ฮ นกฮูกตัวนี้ ลมหนาวมาพร้อมกับหมอกสีเทาที่หนักอึ้ง คลุมเครือ ไม่แจ่มใสเอาเสียเลย

หลังจากเรียนมาได้ครึ่งเทอมก็ถึงเวลาต้องสอบกลางภาค วิชาไหนจะมีสอบหรือไม่ขึ้นอยู่กับอาจารย์ผู้สอนเป็นหลัก หากมีรายงานมากๆก็อาจจะรวบยอดสอบทีเดียวปลายภาค แต่ต้องแน่ใจว่าสัดส่วนของคะแนนต้องสมดุลกัน ไม่ใช่คะแนนกลุ่มลากไปทั้งหมดจนคะแนนบุคคลถูกกลบ

บางวิชาที่อาจารย์ต้องการเห็นพัฒนาการของนักเรียนเป็นรายตัวมักจะขอสอบ 2 ครั้ง หากครั้งแรกไม่ผ่าน จะต้องตักเตือนและให้โอกาส ตอนสอบไล่ วิชาการเงินพื้นฐานก็อยู่ในเงื่อนไขนี้

นี่แหละคือหมอกหนาในใจฉัน

แม้จะพยายามอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจบรรดาตัวเลขที่ปรากฏตลอดจนสูตรที่มา วิธีนำมาประยุกต์ใช้ ซึ่ง ดูเหมือนสมองที่ผ่านโลกมาครึ่งชีวิตจะไม่รับเอาเสียเลย ฉันต้องพยายามสะกดกลั้นความท้อถอยไม่ให้คนในกลุ่มเห็น มิฉะนั้นจะเกิดความกังวลไปถึงบรรยากาศการร่วมงานในกลุ่มด้วย มีบ้างเหมือนกันที่ต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนอื่น หากเพราะต่างคนต่างยุ่ง ฉันเลยเกรงใจไม่กล้าเอ่ยปากบ่อยนะ

“ หม่าม้า ไม่เข้าใจบอกนะครับ”

พงษ์ย้ำเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ไม่อยากนับ เมื่อเห็นสีหน้าเหรอหรา ไม่แสดงอาการกระจ่างในถ้อยคำที่เขาเพิ่งอธิบาย

“ หม่าม้าไปทบทวนอีกครั้งแล้วกัน”

ฉันพยักหน้าหงอยๆ ชวนน่าสงสาร ตาก็จับจ้องตัวเลขคำอธิบายด้วยลายมือหวัดๆของพงษ์อย่างสลึมสลือ ทุกคนมีงานเต็มมือไปหมดไม่มีเวลาติวกันก่อนสอบเลย ฉันเกรงใจไม่กล้าเรียกร้องขอแรงใครเป็นพิเศษ

“หม่าม้าขา เคสการบ้านอาทิตย์หน้าตั้ง 2 เคสแน่ะค่ะ หม่าม้าจะแปลทันมั้ยคะ”

นุ่มกึ่งเตือนกึ่งเร่งบทแปลของกรณีศึกษาซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง 2 บทหนาๆ ฉันต้องรีบทำให้เสร็จก่อนที่จะรวมกลุ่มทำงานกันในวันอาทิตย์ที่มาถึง ยิ่งเรียนก็ยิ่งหนัก ยิ่งทำล่วงหน้า งานก็ยิ่งเพิ่ม ไม่มีวันเสร็จสิ้นเสียที

ก่อนถึงวันสอบ ฉันฝันเห็นตัวเลขเต็มไปหมด ทุกตัวมีรูปร่างหน้าตากำลังหัวเราะเยาะอย่างสาสมใจ สมน้ำหน้า..ยายแก่ขี้กลัว

แล้ววันสอบกลางภาควิชาการเงินพื้นฐานก็มาถึง เป็นไปตามที่คาดคิด ฉันทำคะแนนแทบจะไม่เข้าตากรรมการ (อาจารย์)เลย

ไม่ขอเล่ารายละเอียดว่าข้อสอบออกอะไรบ้าง เพราะเกรงว่าจะอธิบายคำถามผิดๆถูกๆขยายขี้เท่อไปอีก อาทิตย์ถัดมาเมื่อถึงวัน เฉลยข้อสอบและประกาศคะแนน ฉันถูกเรียกคุยตามลำพัง หลังชั่วโมงเรียน

“ คุณทำข้อสอบแทบไม่ได้เลย เหมือนไม่ได้เข้าเรียนวิชานี้ “

อาจารย์ผู้สอนถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจสุดๆ เหมือนในโลกนี้มีคนสมองกลวง(เลข)แบบฉันอยู่ร่วมด้วยได้อย่างไร

“ ทิ้งเลขมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้วคะ 30 กว่าปีมาแล้ว” เกือบเท่าอายุอาจารย์นั่นแหละค่ะ....ประโยคหลังนี่กระซิบในใจ พอพูดออกไป อาจารย์ถอนหายใจยาว ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ

“ มีปัญหาอะไรระหว่างเรียนมั๊ย แบบฝึกหัดที่ให้ไป ทำบ้างหรือเปล่า”

อยากจะบอกว่า ทั้งหมดที่อาจารย์สอน ฉันฟังและพยายามทำความเข้าใจแต่ไม่ค่อยทัน เพราะอาจารย์ไปเร็วมากเหมือนกับคิดว่านักเรียนในชั้นเรียนทุกคนต้องมีพื้นฐานการคำนวณอยู่แล้วจากสมัยเรียนปริญญาตรี (ข้อนี้ต้องโทษนุ่มเพราะเธอกลายเป็นมาตรฐานชั้นเยี่ยมที่อาจารย์วางไว้)

ฉันไม่ได้จบปริญญาตรีด้านการบริหารหรือการเงิน หรือมีหัวคำนวณแบบบรรดาวิศวกร ที่พอกล้อมแกล้มตอบเป็นเรื่องเป็นราวได้ก็เพราะอาศัยเพื่อนๆช่วยต่างหาก

“ถ้าเรียนไม่ไหวจริงๆก็ ดร็อปซะ จะได้ไม่ติดเกรด C ”

เฮอ...เกรดต้องห้ามของนักเรียนระดับปริญญาโทเลย เทอมที่แล้วก็สู้อุตส่าห์หวุดหวิดเอาตัวผ่านพ้นขึ้นมาได้ เห็นทีจะต้องจอดที่เทอมนี้แล้วกระมัง เส้นทางบินใหม่ของ ฮ นกฮูกตัวนี้ช่างสั้นจริงๆ

“คุณไปฟิตคำนวณมาใหม่แล้วลงเรียนซ้ำเทอมหน้า”

อาจารย์แนะตรงๆ ไม่ได้ให้ความหวังแม้แต่น้อย ฉันยังไม่ให้คำตอบในทันที ขอกลับไปคิดดูก่อน ถ้าเทอมหน้าต้องลงซ้ำอีกครั้ง จะทำให้ฉันแม่นตัวเลขขึ้นมาไหมเนี่ย แถมกลุ่มที่เรียนด้วยจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยอมให้ ฮ นกฮูกสมองกลวงตัวนี้พึ่งพาใบบุญหรือไม่



Create Date : 24 มิถุนายน 2551
Last Update : 24 มิถุนายน 2551 19:49:25 น. 4 comments
Counter : 1375 Pageviews.  

 

ฉันเก็บความกลัดกลุ้มไว้ในใจ ยังไม่ปริปากบอกใคร พยายามทำตัวปกติเมื่ออยู่ในกลุ่ม หากวินาทีไหนที่อยู่คนเดียวก็อดจิตวิตกว้าวุ่น ตัวเลขต่างๆ สูตรท่องจำลอยสลับเวียนไปเวียนมาอยู่ในสมองซ้าย-ขวา เหมือนหาทางออกไม่เจอ

กระทั่งใกล้ถึงวันที่ต้องตัดสินใจ ฉันขอพบอาจารย์จ้อ อาจารย์ที่ปรึกษาประจำตัว เท่าที่ผ่านมาฉันยังไม่เคยปรึกษาเรื่องใดจริงๆจังๆ เวลาพบหน้ากันก็ทักทายถามไถ่ทุกข์สุขธรรมดา หากครั้งนี้ ฉันต้องการผู้รู้ที่สามารถชี้หนทางสว่างได้ ผู้ที่ไม่ปฏิเสธหรือตัดบทแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ง่ายเกินไป

เธอรับฟังปัญหาของฉันนิ่งสงบ ในมือถือรายงานของรายชื่อนักเรียนที่มีโอกาสจะได้เกรดที่ต่ำกว่ามาตรฐานในวิชาต่างๆ ซึ่งเป็นแบบแผนปฏิบัติของทางภาควิชาที่ต้องแจ้งมหาวิทยาลัยเพื่อให้อาจารย์ที่ปรึกษาร่วมรับรู้สถาน ภาพ

“ เหมือนสมองจะปิดตาย ไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้นค่ะ”

ฉันเล่าอาการวิตกจริตกลัวตัวเลขให้เธอทราบหลังจากนอนไม่หลับมาทั้งสัปดาห์

“ ได้สูตรมาก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้อย่างไร ตอนไหน อย่างเห็นกราฟ เห็นชาร์ตก็พออ่านได้ แต่ให้ลงมือทำเอง ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรถูก ”

“แล้ววิชาอื่น ทำได้มั้ยคะ”

ฉันตอบว่า ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะอีก 2 วิชาเป็นการเน้นทำความเข้าใจในเนื้อหาและการวิเคราะห์ประยุกต์ใช้มากกว่า ไม่มีคำนวณตัวเลขให้สับสน

“ หม่าม้าต้องถามตัวเองแล้วค่ะว่า เกรดของอีก 2 วิชาที่เหลือจะพอพยุงวิชาที่มีปัญหานี้ได้มั๊ย ถ้าได้....ก็จบ” อาจารย์จ้อสรุปสั้นๆ

“ เพราะถ้าต้องลงเรียนซ้ำ เจออาจารย์ท่านเดิม เนื้อหาแบบเดิม ผลไม่แตกต่างกันหรอกค่ะ”

อาจารย์จ้อจ้องมองหน้าลูกศิษย์ ฮ นกฮูก อยู่นาน เหมือนประเมินว่า ฉันใจแข็งพอที่จะผ่านด่านทดสอบครั้งนี้ได้หรือไม่

“ อยากจะบอกให้หม่าม้ารู้ตัวนิดหนึ่ง หม่าม้าเป็นเคสนักเรียนตัวอย่างที่ทางมหาวิทยาลัยจับตาดูอยู่ เราไม่เคยมีนักเรียนที่มีประสบการณ์ชีวิตสูงถึงขนาดนี้มาร่วมชั้นด้วย”

เธอต้องจบวาทะศิลป์มาแน่ๆเลย สามารถเปลี่ยนคุณลักษณะธรรมดาซึ่งออกจะเป็นข้อด้อยกลายเป็นคำยกย่อง ถ้าเธอพูดว่า “นักเรียนที่แก่ขนาดนี้” ฉันก็ไม่กระเทือนใจหรอก

เพิ่งรู้นะนี่ ฮ นกฮูกตัวนี้ได้กลายเป็นนักเรียนกรณีศึกษาของโรงเรียนไปแล้ว น่าภูมิใจมั้ยล่ะ ไปไหนๆสามารถเชิดหน้าบอกใครๆได้ว่าเป็นนักเรียนตัวอย่างคนแรกของคณะ แต่นักเรียนสาว(น้อย)คนนี้ตกวิชาบังคับพื้นฐานอย่างไม่น่าให้อภัย เป็นลางเริ่มต้นที่ไม่ค่อยสวยงามเอาเสียเลย

“ อาจารย์เองก็ไม่เก่งเรื่องตัวเลขนักหรอกค่ะ “ คนพูดพูดยิ้มๆ ยอมรับจุดอ่อนของตัวเอง คงเป็นความลับที่ล่วงรู้กันไม่กี่คน

“ อาศัยเกาะกลุ่มเรียนแล้วก็จำๆสูตรเข้าไป จนถึงระดับหนึ่งก็รู้ว่าไม่มีทางได้ดีไปกว่านี้ เลยตกลงปลงใจ หันไปทุ่มเทวิชาที่เราถนัดกว่า ทำให้สุดๆไปเลย แต่ก็พยายามรักษาทักษะเลขไม่ให้ตกต่ำจากที่ตั้งไว้ ก็เลยรอดตัวมาได้”

อาจารย์จ้อเล่าประสบการณ์ทิ้งท้ายไว้ให้ฉันครุ่นคิดต่อเอาเอง


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:19:51:29 น.  

 
ฉันมองดูเอกสารการสอนที่อาจารย์แจกตั้งแต่เข้าห้องเรียนวันแรก มีวัตถุประสงค์ระบุชัด ต้องการให้ผู้เรียนมีความรอบรู้ด้านการบริหารการเงินอย่างถูกต้อง แม่นยำและนำหลักการไปปฎิบัติได้ในชีวิตจริง สงสัยว่าฉันคงไปไม่ถึงเกณฑ์คาดหวังของผู้สอนอย่างแน่นอน นักเรียน ฮ นกฮูกคนนี้มาถึงทางตันแล้วหรือนี่

ตัดสินใจเปิดเผยหมอกหมองในใจให้เพื่อนๆในกลุ่มรับรู้ หากจะต้องห่างหายไปจากเพื่อนๆเพราะต้องถอนวิชาเรียนออกไปหนึ่งวิชา ทุกคนจะได้เข้าใจ ไม่ใช่ฉันต้องการทิ้งกลุ่มไปเป็นศิลปินเดี่ยว ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์

คนแรกที่หูผึ่งเมื่อรู้เรื่องก็คือกวิน เจ้าตัวแสดงอาการเดือดเนื้อร้อนใจเป็นธุระให้ทันที

“ได้อย่างไง หม่าม้า เรียนมาจนถึงเทอมสองแล้ว”

กวินโวยวายเสียงดังราวกับเป็นเจ้าทุกข์เสียเอง แล้วค่อยๆเบาเสียงลง เหลือบซ้ายแลขวาอย่างระมัดระวัง

“ ถ้าทิ้งพวกเราไป ผมกับยายตายแน่ๆ ไม่มีกรรมการคอยห้ามเจ๊ ” เจ้าตัวทำตาประหลักประเหลือก จีบปากจีบคอพูดต่อ

“ เฮียพงษ์เหรอ เฮอ..ขานั้นขัดคอใครเป็นที่ไหน”

อ้อ..ที่ไม่อยากให้ถอนก็เพราะสาเหตุนี้เล่า กลัวจะเกิดวิกฤตในทีมงาน แหม...ถ้าฉันยังเป็นสาวๆอยู่คงใส่ค้อนเสริมจริตจะก้านขว้างให้ แต่นี่ได้แต่ทำตาปริบๆ

“หม่าม้า อย่าเพิ่งยอมแพ้นะครับ พวกเราจะติวเฉพาะให้เอง”

หนุ่มโบรกเกอร์หลักทรัพย์ก็ทำท่าแบบ “อิคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา” เขียนๆขีดๆจัดแจงประชุมกลุ่มย่อยกับตั่วเฮีย ตั่วเจ๊ ประจำกลุ่ม ว่าจะช่วยกู้สถานการณ์นี้อย่างไร แล้วก็เป็นตัวตั้งตัวตีทำตารางติวการเงินให้ ตกลงเป็นว่าทุกเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งปกติไม่มีชั่วโมงเรียนจะเป็นชั่วโมงขยันสำหรับหม่าม้า

นุ่มหน้าตึงเล็กน้อยตามสไตล์ เธอไม่ค่อยให้ชอบให้ใครมาจัดหรือสั่งอะไรให้ (นอกจากตัวเองจะสั่งคนอื่น) โดยเฉพาะกับหนุ่มคู่กรณีรุ่นน้องกว่าอย่างกวิน ความจริงเธอเตรียมเรื่องนี้ไว้ในใจอยู่แล้ว

“เจ๊นุ่มกับเฮียพงษ์ รับจะทำหลักสูตรเร่งรัดให้”

กวินสรุปอย่างรวดเร็วโดยที่ติวเตอร์ทั้งสองยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะแบ่งงานกันอย่างไร นุ่มตาขวาง อย่างหมั่นไส้ แต่เจ้าตัวพูดลอยหน้าลอยตาไปเรื่อยๆเหมือนมองไม่เห็น

“ ให้รู้ไปซิว่ามีระดับปรมาจารย์ 2 เซียนถ่ายทอดพลังขนาดนี้แล้ว หม่าม้าจะไม่ผ่าน”

กวินจุดชนวนและโยนระเบิดต่อให้คู่หนุ่มสาวคนเก่งเลข ทั้งคู่ปรึกษากัน จัดสรรตารางเวลาทำงานกลุ่มใหม่ทั้งหมด เพื่อเจียดชั่วโมงว่างติววิชาการเงินให้ ไม่ใช่แค่ติวเปล่าๆตามเนื้อหาบทเรียน ทั้งสองจะปูพื้นใหม่ ย้ำให้แน่นปึก ขวนขวายหาแบบฝึกหัดต่างๆเข้ามาสอดแทรก บังคับให้ฉันต้องทำส่งการบ้านตามวันที่กำหนดเพื่อทดสอบความเข้าใจ

ฉันเลยมีอาจารย์เพิ่มขึ้นให้คนอื่นอิจฉา


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:19:53:21 น.  

 

เมื่อหน่วยกำลังพลสำคัญอย่างนุ่มและพงษ์ต้องใช้เวลามาช่วยทบทวนสมองกลวงๆของหม่าม้า ฮ นกฮูก นั่นหมายถึงในกลุ่มจะมีเวลาทำงานอื่นๆลดน้อยลงทั้งรายงาน โครงงานที่ได้รับมอบหมายจากวิชาต่างๆ

“ เรา 2 คน....” กวินหมายถึงตัวเขากับยาย “จะเตรียมเนื้อหาส่วนอื่นไปก่อน พอรุ่นเดอะทั้ง 3 ท่านเสร็จธุระช่วงเช้าแล้วก็เชิญตบเท้าเข้ามาร่วมวงได้เลย ”

กวินขอสละสิทธิ์ไม่เป็นอาจารย์ติว เพราะถ่ายทอดตัวเลขไม่เก่งอีกทั้งไม่แม่นยำหลักการเท่าพี่ๆทั้ง 2 คน

“ถ้าเป็นวิชาอื่นๆ ยังพอช่วยได้ แต่สำหรับการเงินต้องให้คนที่มีพื้นฐานปึ่กจริงๆ ไม่งั้นจะกลายเป็นไฟแนนซ์ภาคฝันสยองวันแดงเดือด”

จ้าตัวเต็มใจจัดการปัญหาเฉพาะหน้าและคอยส่งกำลังใจให้ ส่วนยาย ...ถึงจะไม่เก่งกาจเรื่องเลข แต่ผลการสอบกลางภาคก็พอเอาตัวรอดได้ จึงเดือดร้อนน้อยกว่า กระนั้นในบางหัวข้อที่ซับซ้อน ยายขอเข้าร่วมฟังด้วย โดยรับรองว่าจะไม่ให้เสียงานในส่วนที่ต้องรับผิดชอบ

เห็นน้ำใจของบรรดาเพื่อนๆแบบนี้ ทำให้ฉันเชื่อว่าตัดสินใจถูกแล้วที่ดื้อไม่ยอมเซ็นชื่อดร็อป เพราะถ้าต้องลงทะเบียนเรียนซ้ำในเทอมหน้า จะได้เพื่อนๆแสนดีอย่างนี้หรือ

เพื่อตอบแทนน้ำใจของพวกเขา ทุกวันอาทิตย์ฉันจะขมีขมันตื่นแต่เช้าตรู่ ชวนลูกสาวไปช่วย(หิ้ว)จ่ายตลาดสดใกล้บ้านกลับมา ทำกับข้าวอร่อยๆ แบ่งบางส่วนใส่กล่องเรียบร้อย พร้อมชาร้อนเต็มเหยือกเอาไปฝากเพื่อนร่วมรังทุกคน บางวันก็มีเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับสาวนุ่มเพราะเธอไม่ดื่มชา/กาแฟ ทั้งนี้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถออกไปหาอะไรกินไกลๆ เพราะร้านค้าใกล้เคียงจะปิดวันอาทิตย์แทบทุกร้าน

“โอ้โฮ ยังกะไปปิคนิคแน่ะ มีข้าวผัดน้ำพริกปลาสลิด หมูสะเต๊ะ ฟรุ๊ตสลัด ว๊าว...มีคุ๊กกี้กิน After Noon Tea ด้วย”

ป่านดำ อุทานพลางตรวจดูเสบียงที่เรียงราย ลูกๆจัดแจงลำเลียงบรรจุอาหารลงตะกร้าหวายใบใหญ่ ใส่ขนมโน่นนิดนี่หน่อยเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนหม่าม้าด้วย พวกเขารู้จักเพื่อนในกลุ่มหม่าม้าทุกคน เพราะฉันมักพูดถึงบ่อยๆ

“นี่ขนมปุยฝ้าย ฝากให้พี่นุ่มโดยเฉพาะ”

ปออ่อนใส่ถุงขนมปุยฝ้ายที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดลงไปบนพื้นที่ว่างเหนือตะกร้า

“จะได้นุ่มๆสมชื่อ ”

ลูกชายสตาร์ทรถ เคลื่อนตัวออกจากรั้วบ้านแล่นออกมากลางถนนใหญ่ เปิดเพลงจากสถานีโปรดให้ฟัง ฉันลดหน้าต่างกระจกรถลง สูดเข้าสายลมเย็นๆและสัมผัสแดดอุ่นของต้นฤดูหนาว เห็นความกระตือรือร้นของทุกคนที่คอยหนุนเนื่องแล้ว ฉันจะถอดใจยอมแพ้ได้อย่างไร

สู้ต่อไปเถอะ เจ้า ฮ นกฮูก


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:19:54:38 น.  

 
รู้สึกดีจังค่ะ


*****
ลูกชายสตาร์ทรถ เคลื่อนตัวออกจากรั้วบ้านแล่นออกมากลางถนนใหญ่ เปิดเพลงจากสถานีโปรดให้ฟัง ฉันลดหน้าต่างกระจกรถลง สูดเข้าสายลมเย็นๆและสัมผัสแดดอุ่นของต้นฤดูหนาว เห็นความกระตือรือร้นของทุกคนที่คอยหนุนเนื่องแล้ว ฉันจะถอดใจยอมแพ้ได้อย่างไร
****
สำนวนอบอุ่นจังเลยค่ะ


โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:21:34:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ
บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น

บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
New Comments
[Add รุ้งพลบ's blog to your web]