|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
24 มิถุนายน 2551
|
|
|
|
ตอนที่ 13 ฮ นกฮูกคอตก
เรื่องราวของหม่าม้า ที่ร้างราตำราเรียนร่วม 30 ปี แล้วตัดสินใจกลับสู่ห้องเรียนใหม่ในวัย ฮ นกฮูก
ตอนที่ 13 ฮ นกฮูก คอตก
สายลมเย็นช่วงเช้าพัดเบาสบาย ใบไม้แห้งปลิดขั้วหมุนหวิวๆก่อนจะทิ้งตัวลงบนดิน หน้าหนาวเดินทางมาอีกครั้ง เป็นช่วงฤดูที่น่าจะมีความสุขที่สุด มองไปทางไหนก็เห็นความรื่นเริง สดใส นึกถึงสีสัน งานเลี้ยงสังสรรค์ปลายปี และเพลงบรรเลงช่วงคริสตมาส เพราะๆ
แต่สำหรับนักเรียน ฮ นกฮูกตัวนี้ ลมหนาวมาพร้อมกับหมอกสีเทาที่หนักอึ้ง คลุมเครือ ไม่แจ่มใสเอาเสียเลย
หลังจากเรียนมาได้ครึ่งเทอมก็ถึงเวลาต้องสอบกลางภาค วิชาไหนจะมีสอบหรือไม่ขึ้นอยู่กับอาจารย์ผู้สอนเป็นหลัก หากมีรายงานมากๆก็อาจจะรวบยอดสอบทีเดียวปลายภาค แต่ต้องแน่ใจว่าสัดส่วนของคะแนนต้องสมดุลกัน ไม่ใช่คะแนนกลุ่มลากไปทั้งหมดจนคะแนนบุคคลถูกกลบ
บางวิชาที่อาจารย์ต้องการเห็นพัฒนาการของนักเรียนเป็นรายตัวมักจะขอสอบ 2 ครั้ง หากครั้งแรกไม่ผ่าน จะต้องตักเตือนและให้โอกาส ตอนสอบไล่ วิชาการเงินพื้นฐานก็อยู่ในเงื่อนไขนี้
นี่แหละคือหมอกหนาในใจฉัน
แม้จะพยายามอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจบรรดาตัวเลขที่ปรากฏตลอดจนสูตรที่มา วิธีนำมาประยุกต์ใช้ ซึ่ง ดูเหมือนสมองที่ผ่านโลกมาครึ่งชีวิตจะไม่รับเอาเสียเลย ฉันต้องพยายามสะกดกลั้นความท้อถอยไม่ให้คนในกลุ่มเห็น มิฉะนั้นจะเกิดความกังวลไปถึงบรรยากาศการร่วมงานในกลุ่มด้วย มีบ้างเหมือนกันที่ต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนอื่น หากเพราะต่างคนต่างยุ่ง ฉันเลยเกรงใจไม่กล้าเอ่ยปากบ่อยนะ
หม่าม้า ไม่เข้าใจบอกนะครับ
พงษ์ย้ำเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ไม่อยากนับ เมื่อเห็นสีหน้าเหรอหรา ไม่แสดงอาการกระจ่างในถ้อยคำที่เขาเพิ่งอธิบาย
หม่าม้าไปทบทวนอีกครั้งแล้วกัน
ฉันพยักหน้าหงอยๆ ชวนน่าสงสาร ตาก็จับจ้องตัวเลขคำอธิบายด้วยลายมือหวัดๆของพงษ์อย่างสลึมสลือ ทุกคนมีงานเต็มมือไปหมดไม่มีเวลาติวกันก่อนสอบเลย ฉันเกรงใจไม่กล้าเรียกร้องขอแรงใครเป็นพิเศษ
หม่าม้าขา เคสการบ้านอาทิตย์หน้าตั้ง 2 เคสแน่ะค่ะ หม่าม้าจะแปลทันมั้ยคะ
นุ่มกึ่งเตือนกึ่งเร่งบทแปลของกรณีศึกษาซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง 2 บทหนาๆ ฉันต้องรีบทำให้เสร็จก่อนที่จะรวมกลุ่มทำงานกันในวันอาทิตย์ที่มาถึง ยิ่งเรียนก็ยิ่งหนัก ยิ่งทำล่วงหน้า งานก็ยิ่งเพิ่ม ไม่มีวันเสร็จสิ้นเสียที
ก่อนถึงวันสอบ ฉันฝันเห็นตัวเลขเต็มไปหมด ทุกตัวมีรูปร่างหน้าตากำลังหัวเราะเยาะอย่างสาสมใจ สมน้ำหน้า..ยายแก่ขี้กลัว
แล้ววันสอบกลางภาควิชาการเงินพื้นฐานก็มาถึง เป็นไปตามที่คาดคิด ฉันทำคะแนนแทบจะไม่เข้าตากรรมการ (อาจารย์)เลย
ไม่ขอเล่ารายละเอียดว่าข้อสอบออกอะไรบ้าง เพราะเกรงว่าจะอธิบายคำถามผิดๆถูกๆขยายขี้เท่อไปอีก อาทิตย์ถัดมาเมื่อถึงวัน เฉลยข้อสอบและประกาศคะแนน ฉันถูกเรียกคุยตามลำพัง หลังชั่วโมงเรียน
คุณทำข้อสอบแทบไม่ได้เลย เหมือนไม่ได้เข้าเรียนวิชานี้
อาจารย์ผู้สอนถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจสุดๆ เหมือนในโลกนี้มีคนสมองกลวง(เลข)แบบฉันอยู่ร่วมด้วยได้อย่างไร
ทิ้งเลขมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้วคะ 30 กว่าปีมาแล้ว เกือบเท่าอายุอาจารย์นั่นแหละค่ะ....ประโยคหลังนี่กระซิบในใจ พอพูดออกไป อาจารย์ถอนหายใจยาว ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ
มีปัญหาอะไรระหว่างเรียนมั๊ย แบบฝึกหัดที่ให้ไป ทำบ้างหรือเปล่า
อยากจะบอกว่า ทั้งหมดที่อาจารย์สอน ฉันฟังและพยายามทำความเข้าใจแต่ไม่ค่อยทัน เพราะอาจารย์ไปเร็วมากเหมือนกับคิดว่านักเรียนในชั้นเรียนทุกคนต้องมีพื้นฐานการคำนวณอยู่แล้วจากสมัยเรียนปริญญาตรี (ข้อนี้ต้องโทษนุ่มเพราะเธอกลายเป็นมาตรฐานชั้นเยี่ยมที่อาจารย์วางไว้)
ฉันไม่ได้จบปริญญาตรีด้านการบริหารหรือการเงิน หรือมีหัวคำนวณแบบบรรดาวิศวกร ที่พอกล้อมแกล้มตอบเป็นเรื่องเป็นราวได้ก็เพราะอาศัยเพื่อนๆช่วยต่างหาก
ถ้าเรียนไม่ไหวจริงๆก็ ดร็อปซะ จะได้ไม่ติดเกรด C
เฮอ...เกรดต้องห้ามของนักเรียนระดับปริญญาโทเลย เทอมที่แล้วก็สู้อุตส่าห์หวุดหวิดเอาตัวผ่านพ้นขึ้นมาได้ เห็นทีจะต้องจอดที่เทอมนี้แล้วกระมัง เส้นทางบินใหม่ของ ฮ นกฮูกตัวนี้ช่างสั้นจริงๆ
คุณไปฟิตคำนวณมาใหม่แล้วลงเรียนซ้ำเทอมหน้า
อาจารย์แนะตรงๆ ไม่ได้ให้ความหวังแม้แต่น้อย ฉันยังไม่ให้คำตอบในทันที ขอกลับไปคิดดูก่อน ถ้าเทอมหน้าต้องลงซ้ำอีกครั้ง จะทำให้ฉันแม่นตัวเลขขึ้นมาไหมเนี่ย แถมกลุ่มที่เรียนด้วยจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยอมให้ ฮ นกฮูกสมองกลวงตัวนี้พึ่งพาใบบุญหรือไม่
Create Date : 24 มิถุนายน 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 24 มิถุนายน 2551 19:49:25 น. |
Counter : 1376 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
รุ้งพลบ |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น
บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
|
|
|
ฉันเก็บความกลัดกลุ้มไว้ในใจ ยังไม่ปริปากบอกใคร พยายามทำตัวปกติเมื่ออยู่ในกลุ่ม หากวินาทีไหนที่อยู่คนเดียวก็อดจิตวิตกว้าวุ่น ตัวเลขต่างๆ สูตรท่องจำลอยสลับเวียนไปเวียนมาอยู่ในสมองซ้าย-ขวา เหมือนหาทางออกไม่เจอ
กระทั่งใกล้ถึงวันที่ต้องตัดสินใจ ฉันขอพบอาจารย์จ้อ อาจารย์ที่ปรึกษาประจำตัว เท่าที่ผ่านมาฉันยังไม่เคยปรึกษาเรื่องใดจริงๆจังๆ เวลาพบหน้ากันก็ทักทายถามไถ่ทุกข์สุขธรรมดา หากครั้งนี้ ฉันต้องการผู้รู้ที่สามารถชี้หนทางสว่างได้ ผู้ที่ไม่ปฏิเสธหรือตัดบทแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ง่ายเกินไป
เธอรับฟังปัญหาของฉันนิ่งสงบ ในมือถือรายงานของรายชื่อนักเรียนที่มีโอกาสจะได้เกรดที่ต่ำกว่ามาตรฐานในวิชาต่างๆ ซึ่งเป็นแบบแผนปฏิบัติของทางภาควิชาที่ต้องแจ้งมหาวิทยาลัยเพื่อให้อาจารย์ที่ปรึกษาร่วมรับรู้สถาน ภาพ
เหมือนสมองจะปิดตาย ไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้นค่ะ
ฉันเล่าอาการวิตกจริตกลัวตัวเลขให้เธอทราบหลังจากนอนไม่หลับมาทั้งสัปดาห์
ได้สูตรมาก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้อย่างไร ตอนไหน อย่างเห็นกราฟ เห็นชาร์ตก็พออ่านได้ แต่ให้ลงมือทำเอง ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรถูก
แล้ววิชาอื่น ทำได้มั้ยคะ
ฉันตอบว่า ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะอีก 2 วิชาเป็นการเน้นทำความเข้าใจในเนื้อหาและการวิเคราะห์ประยุกต์ใช้มากกว่า ไม่มีคำนวณตัวเลขให้สับสน
หม่าม้าต้องถามตัวเองแล้วค่ะว่า เกรดของอีก 2 วิชาที่เหลือจะพอพยุงวิชาที่มีปัญหานี้ได้มั๊ย ถ้าได้....ก็จบ อาจารย์จ้อสรุปสั้นๆ
เพราะถ้าต้องลงเรียนซ้ำ เจออาจารย์ท่านเดิม เนื้อหาแบบเดิม ผลไม่แตกต่างกันหรอกค่ะ
อาจารย์จ้อจ้องมองหน้าลูกศิษย์ ฮ นกฮูก อยู่นาน เหมือนประเมินว่า ฉันใจแข็งพอที่จะผ่านด่านทดสอบครั้งนี้ได้หรือไม่
อยากจะบอกให้หม่าม้ารู้ตัวนิดหนึ่ง หม่าม้าเป็นเคสนักเรียนตัวอย่างที่ทางมหาวิทยาลัยจับตาดูอยู่ เราไม่เคยมีนักเรียนที่มีประสบการณ์ชีวิตสูงถึงขนาดนี้มาร่วมชั้นด้วย
เธอต้องจบวาทะศิลป์มาแน่ๆเลย สามารถเปลี่ยนคุณลักษณะธรรมดาซึ่งออกจะเป็นข้อด้อยกลายเป็นคำยกย่อง ถ้าเธอพูดว่า นักเรียนที่แก่ขนาดนี้ ฉันก็ไม่กระเทือนใจหรอก
เพิ่งรู้นะนี่ ฮ นกฮูกตัวนี้ได้กลายเป็นนักเรียนกรณีศึกษาของโรงเรียนไปแล้ว น่าภูมิใจมั้ยล่ะ ไปไหนๆสามารถเชิดหน้าบอกใครๆได้ว่าเป็นนักเรียนตัวอย่างคนแรกของคณะ แต่นักเรียนสาว(น้อย)คนนี้ตกวิชาบังคับพื้นฐานอย่างไม่น่าให้อภัย เป็นลางเริ่มต้นที่ไม่ค่อยสวยงามเอาเสียเลย
อาจารย์เองก็ไม่เก่งเรื่องตัวเลขนักหรอกค่ะ คนพูดพูดยิ้มๆ ยอมรับจุดอ่อนของตัวเอง คงเป็นความลับที่ล่วงรู้กันไม่กี่คน
อาศัยเกาะกลุ่มเรียนแล้วก็จำๆสูตรเข้าไป จนถึงระดับหนึ่งก็รู้ว่าไม่มีทางได้ดีไปกว่านี้ เลยตกลงปลงใจ หันไปทุ่มเทวิชาที่เราถนัดกว่า ทำให้สุดๆไปเลย แต่ก็พยายามรักษาทักษะเลขไม่ให้ตกต่ำจากที่ตั้งไว้ ก็เลยรอดตัวมาได้
อาจารย์จ้อเล่าประสบการณ์ทิ้งท้ายไว้ให้ฉันครุ่นคิดต่อเอาเอง