<<
กรกฏาคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
1 กรกฏาคม 2551

ตอนที่ 16 รวมรังสุขสันต์

เรื่องราวของหม่าม้า ที่ร้างราตำราเรียนร่วม 30 ปี แล้วตัดสินใจกลับสู่ห้องเรียนใหม่ในวัย ฮ นกฮูก





ตอนที่ 16 รวมรังสุขสันต์


“ ดีใจด้วยนะคะ หม่าม้า ฝ่าอุปสรรคไปได้อีกหนึ่งเปลาะ”

อาจารย์จ้อเลิกแว่นมองดูผลคะแนนรวมของทุกวิชาพร้อมเกรดเฉลี่ยที่เพิ่งออก สีหน้าเธอแสดงอาการโล่งอกที่ลูกศิษย์ในความดูแลสามารถไต่คาบเส้นเกรดเฉลี่ยได้ขึ้นมาอย่างหวุดหวิด

“ อีกสองวิชาช่วยไว้นะค่ะ เลยฉุดขึ้นมาได้”

ฉันหมายถึงวิชาพื้นฐานการตลาดและพฤติกรรมองค์กร ซึ่งเป็นข้อสอบเขียนอัตนัยบรรยายประเด็นต่างๆซึ่งคนที่เรียบเรียงและสรุปเก่งจะได้เปรียบ โดยพยายามเลียนแบบวิธีการของอาจารย์จ้อ

“ หม่าม้าไม่ต้องเลือกวิชาคำนวณอื่นแล้วซิคะ” อาจารย์พูดถึงอีก 2-3 วิชาซึ่งเป็นวิชาเลือก

“ค่ะ หลีกได้คงเลี่ยง....เชื่ออาจารย์จ้อน่ะค่ะ ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่เก่งเรื่องไหนก็หยุดแค่นั้น เอาสมองที่เหลือไปเสริมยอดเรื่องอื่นที่ถนัดกว่า”

อาจารย์จ้อยิ้มอย่างใจดี เธอคงเป็นอาจารย์ที่ไม่โหดกับนักเรียนมากนัก เปิดเทอมหน้าฉันลงเรียนวิชาว่าด้วยการบริหารความเปลี่ยนแปลงของเธอด้วย อะ อะ..ไม่มีเรื่องคำนวณเลย เธอแนะนำหนังสือนอกเวลาที่ควรจะอ่านเพิ่มระหว่างรอเปิดเทอมภาคที่ 3

“ ถ้าภาษาหม่าม้าดีอยู่แล้ว อยากให้อ่านต้นฉบับดีกว่าค่ะ”

อาจารย์จ้อเขียนรายชื่อหนังสือภาษาอังกฤษพร้อมผู้ประพันธ์มา 2 – 3 เล่ม เนื้อหาแต่ละเล่มเป็นอย่างไรนั้น ว่างๆจะสรุปให้ฟังภายหลัง บางเล่มมีอยู่ในห้องสมุด บางเล่มคงต้องรอมหาวิทยาลัยจัดการสั่งซื้อ เนื่องจากจำนวนเล่มที่ให้บริการยืมมีแค่หนึ่งหรือสองเล่มเท่านั้น ไม่เพียงพอกับการหมุนเวียนอ่าน นักเรียนส่วนใหญ่จะเอาต้นฉบับไปถ่ายสำเนาพร้อมเย็บเล่มเรียบร้อย แจกจ่ายกันอ่านในกลุ่มเพื่อนฝูง ทั้งประหยัดและสะดวก หยิบอ่านเมื่อไหร่ก็ได้

ฉันลาอาจารย์จ้ออย่างนึกขอบคุณเธอ หากได้อาจารย์ที่ปรึกษาคนอื่นๆ ไม่ทราบจะเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบเดียวกันนี้อย่างถึงหัวอกหัวใจหรือเปล่า

“ อย่างนี้ต้องฉลอง”

ปออ่อนร้องเสียงดังเมื่อรู้ผลการสอบของฉัน ป่านดำและลินินก็ถอนใจอย่างโล่งอก ในใจของลูกๆก็พยายามช่วยหม่าม้าของเขาลุ้นคะแนนทุกวันเช่นกัน

หลายเดือนที่ผ่านมา ฉันมัวแต่หมกมุ่นและกังวลใจเรื่องเรียนจนลืมวาระสำคัญๆไปเสียหมด กระทั่งก้าวล่วงข้ามปีใหม่ซึ่งทุกปีเราจะมีงานฉลอง เล็กๆ ( ยกเว้นปีที่แล้วที่ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ 1 ปีของปะป๊าเด็กๆ)
ลูกๆจะนำเพื่อนเก่าๆมาสวัสดีปีใหม่ปะป๊า หม่าม้าและอยู่กินอิ่มหมีพีมัน
บางทีอิ่มจนลุกไม่ไหว ขอนอนค้างข้ามคืนก็มี ทว่าปีนี้พวกเขาคงเกรงใจที่เห็นฉันคร่ำเครียด ไม่มีจิตใจที่ร่าเริงพอจึงงดเสีย กะว่าฉลองหลังไปอีกสักเดือนก็ยังไม่สาย

“เอาเลย ปีนี้พวกเราเป็นแม่งานเอง หม่าม้าชวนเพื่อนๆที่โรงเรียนมาด้วยซิคะ”

ลินินพี่สาวคนโตอาสาอย่างเต็มใจ หลายเดือนตั้งแต่ฉันกลับไปเป็นนักเรียนใหม่ เธอได้ทำหน้าที่แม่บ้านแทนแม้จะกะพร่องกะแพร่งบ้าง (เช่น หุงข้าวแฉะไปบ้าง แข็งไปบ้าง) ทุกคนก็ให้อภัย

พี่น้องสามคนนัดวันอาทิตย์ต้นเดือนกุมภาพันธ์ อากาศยังเย็นสบาย ไม่สายเกินไปสำหรับเทศกาลเฉลิมฉลอง



Create Date : 01 กรกฎาคม 2551
Last Update : 1 กรกฎาคม 2551 19:45:40 น. 4 comments
Counter : 516 Pageviews.  

 
ลูกๆกับเพื่อนๆในกลุ่มนักเรียนยังไม่เคยรู้จักกันเลย นอกจากผ่านทางคำบอกเล่าของฉัน ยกเว้นป่านดำที่จะคุ้นหน้าเห็นกันบ่อยๆเพราะมานั่งหลับโงกรอรับฉันที่ห้องโถงชั้นเรียนทุกคืน

งานฉลองคราวนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะแนะนำให้สมาชิกจาก 2 รังให้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน

“ ขอจองเมนูก่อน เอาไก่ย่าง ส้มตำ หมูน้ำตก ทอดมัน ลาบไก่ งดข้าวเหนียว หนักท้องเกินไป....”

“ ไม่เอาน่ะ กินอยู่ทุกวัน ปออ่อนอยากกินบุฟเฟ่ต์ขนมจีน น้ำยา น้ำเงี้ยว น้ำพริกแล้วก้อแกงเขียวหวาน กินกับไก่ย่างของตัวเองก็ได้ แต่ต้องมีผักสดเยอะๆ ”

“ พอย่ะ ขนมจีนเลือกเอาแค่ 2 อย่าง เผื่อเมนูอื่นๆด้วย เพื่อนๆของหม่าม้าอาจจะกินขนมจีนไม่คล่องปากเหมือนเราก็ได้”

ลินินตัดบท ฉันปล่อยให้พวกเขาทะเลาะ(เล็กๆ)ถกเถียงไปถึงเรื่องเมนูอาหารต่างๆ คงเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนถึงวันงานนั้นแหละ ค่อยรู้ว่าจะมีรายการอาหารอะไรบ้าง

เหล่าเพื่อนนกฮูกทั้ง 4 คน หน้าบานเมื่อได้รับเชิญจากฉันและลูกๆไปเป็นเกียรติร่วมงานฉลองปีใหม่เล็กๆของครอบครัว

“ ลาภปากอีกแล้ว” กวินซี๊ดปากเมื่อฉันเอ่ยตัวอย่างอาหารที่เตรียมไว้

“ กินขนมจีนฉลองปีใหม่ก็ดีนะคะ ความสัมพันธ์จะได้ยืนยาว” ยายพูดหน้าตาเบิกบาน หันหน้าไปทางพงษ์เหมือนขอความคิดเห็น

“ อะไรก็ได้ครับ ผมลิ้นจระเข้อยู่แล้ว”

“ เอ้าพูดอย่างนี้ หม่าม้าให้กินข้าวเปล่าก็แล้วกันค่ะ” นุ่มหยอกเย้า เสียงครื้นเครง

แม้จะกำชับว่าไม่ต้องขนเสบียงมาเพิ่มเติมอีก ทุกคนปรากฏตัวหน้าบ้านก่อนเที่ยงหอบข้าวของมากันคนละถุง ยายยื่นดอกไม้สดช่อใหญ่จัดอย่างสวยงามในแจกันดินเผา พงษ์และกวินเตรียมเครื่องดื่มสารพัดชนิด ส่วนนุ่มจัดกระเช้าผลไม้สดจุพูนจนต้องหิ้วทั้ง 2 มือ พงษ์เข้าไปช่วยประคองกันมิให้ผลส้มตกลงมา กวินหลิ่วตาให้ฉันเหมือนบอกว่า

“ เฮียกำลังเล่นบทพระเอกอยู่”

เด็กๆเจ้าของบ้านให้การต้อนรับ ทักทายเพื่อนๆของหม่าม้าด้วยอัธยาศัยงดงาม บ้านดูสะอาดโล่ง ข้าวของเก็บเรียบร้อย ไม่มีขนเจ้าเหมียวตกเรี่ยราด เราใช้พื้นที่สนามหน้าบ้านเป็นที่สังสรรค์ รับลมเย็นๆ หลบแดดบ่ายที่คล้อยไปหลังบ้าน ทุกคนเดินชมบ้านแล้วเริ่มต้นจัดการบรรดาอาหารที่เรียงรายบนโต๊ะสนาม

“ เป็นงานฉลองที่ล่ากว่าปกติหน่อยค่ะ”

ลินินออกตัว ปกติเราจะฉลองกันก่อนปีใหม่สักอาทิตย์ตรงกับคริสตมาสพอดี

“ ปีใหม่ที่แล้ว หม่าม้ายังนั่งกุมขมับให้ 2 ครูขนาบอยู่เลย” ฉันโอบไหล่พงษ์และนุ่มอย่างขอบคุณ


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:47:21 น.  

 
พวกเราทำงานกันจนลืมวันลืมคืนลืมเทศกาลงานฉลอง นึกได้อีกทีก็ต้องสอบแล้ว ลำดับภาพมาถึงตรงนี้...อดซึ้งน้ำใจเพื่อนๆไม่ได้

วันสิ้นปีที่ใครๆชวนกันไปเฮฮาปาร์ตี้ ไปนับเคาน์ดาวน์ จุดพลุสว่างไสว พวกเราทั้งกลุ่มยังช่วยกันปั่นรายงานชิ้นสุดท้ายที่ต้องส่งก่อนสอบไล่อยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ ทั้งเกรงใจเพื่อนและเจ้าหน้าที่คุมห้องคอมฯ เวลาก็ล่วงเลยมามากเพราะส่วนของฉันยังไม่เสร็จสมใจ ยิ่งเร่ง ก็ยิ่งพลาด ทว่า...ไม่มีใครปริปากบ่นเรื่องงานฉลองเลย

“ อยู่ตรงนี้ก็เห็นพลุ ชัดแจ๋วเลย ไม่ต้องไปเบียดใคร ” กวินเอ่ยขึ้นทำทีเหมือนปลอบใจเพื่อนๆที่อาจจะพลาดวินาทีข้ามปีใหม่

“โอ้โฮ พี่วินกะจะอยู่ถึงเที่ยงคืนเลยหรือ” ยายถามตาโต

“ อยู่ไปคนเดียวเหอะย่ะ ” นุ่มขัดคอ ตามเคย แต่ไม่ดุดันนัก

อันที่จริงตัวฉันเองไม่ค่อยตื่นเต้นกับประเพณีนับถอยหลังเท่าไหร่นัก เป็นความสนุกสนานของเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งมาฮิตกันสมัยหลังๆนี้เอง คงเลียนแบบชาติประเทศตะวันตกทั้งหลาย หากก็รู้สึกผิดที่ทุกคนต้องมาทำงานกลุ่มกันในช่วงเวลาที่ควรจะอยู่กับครอบครัว เพื่อนพ้องหรือคนรัก

“ ถ้าเร่งๆกันหน่อย อีกชั่วโมงคงเสร็จ”

พงษ์พูดขณะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สร้างผังภาพอธิบายตัวเลขซึ่งกวินนั่งเคาะมาให้เสร็จสรรพ นุ่มตรวจตราหัวข้อรายงานอีกครั้งว่ายังตกหล่นบกพร่องตรงไหน ส่วนยายช่วยฉันสรุปเนื้อหาส่วนสุดท้าย เสียงโทรศัพท์มือถือของแต่ละคนดังเป็นระยะๆ ตามหาตัวกันจ้าละหวั่น แต่ไม่มีใครขอกลับก่อนเลยกระทั่งผังภาพสีสวยสดแผ่นสุดท้ายถูกพิมพ์ออกมา ท่ามกลางความโล่งใจของลูกฮูก

พวกเราออกจากมหาวิทยาลัยตอนเกือบสี่ทุ่ม เป็นนักเรียนกลุ่มสุดท้ายที่ลงมาจากตึก

ในวันสิ้นปีที่ใครๆมีนัดสำคัญกับคนสำคัญของตัวเอง ท้องถนนยังคราคร่ำด้วยรถรา ทีมงานหาอะไรกินง่ายๆเร็วๆจากร้านค้าแถวนั้น

นุ่มกับพงษ์แยกตัวไปก่อน สักพัก กวินและยายก็แยกไปอีกคู่

“จะไปนับดาว หม่าม้าไปด้วยกันซิ มาช่วยเย้...เย้ กัน”

เจ้าตัวยกมือชูนิ้วนับถอยหลัง ดูซิ...ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยหรือล้าบ้างเลย

ฉันขอตรงดิ่งกลับบ้าน เมื่อหัวถึงหมอนก็หลับใหลไปอย่างเหนื่อยอ่อน ได้ยินเสียงแว่วๆเพลงปีใหม่ ไชโย ไชโย จากข้างบ้านขณะหลับๆตื่นๆสลึมสะลือ

งานเลี้ยงวันนี้จึงเป็นการขอแก้ตัวที่เป็นสาเหตุให้ทุกคนพลาดการเฉลิมฉลองเมื่อสิ้นปี

“ หม่าม้าโชคดีจัง มีลูกๆน่ารักทั้งนั้น” นุ่มพูดเมื่อสามพี่น้องอาสาเก็บจานอาหารรับประทานเล่นชุดแรกคล้อยหลังเข้าครัวไป

“ ก็เลี้ยงเขาให้พอประมาณ ไม่ได้ปกป้องหรือประเคนแต่ของเลิศหรูไปหมด”

ฉันเล่าวิธีเลี้ยงลูกๆ ให้เพื่อนๆฟัง เหมือนแม่ทั่วไปที่อยากให้ลูกๆโตอย่างมีคุณภาพและช่วยตัวเองได้ เด็กๆเข้าใจฐานะของครอบครัวดี ไม่เคยเรียกร้องขอให้พ่อแม่ส่งเรียนซัมเมอร์คอร์สที่อังกฤษ หรือร่ำร้องจะเอาโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ค หรืออุปกรณ์สื่อสารใดๆที่แสดงระดับรสนิยมของตัวเอง

ทุกปิดเทอม หากไม่ได้ร่วมกิจกรรมค่ายอาสากับทางมหา
วิทยาลัย เด็กๆจะหางานพิเศษทำ เช่น รับจ้างทำแบบสอบถามวิจัย ช่วยโครงงานอาจารย์ หรือไปขอฝึกงานบริษัทรุ่นพี่ ได้ค่าขนมเพียงพอเอาไปซื้อของที่หมายตาไว้

“สมัยเด็กๆ หม่าม้ายอมเสียเงินค่าสมาชิกห้องสมุดทั้งปีให้ลูกๆไปใช้บริการ”

ฉันหมายถึงค่าสมาชิกที่พอสมควรของห้องสมุดเก่าแก่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งรวมของหนังสือเด็กภาษาต่างประเทศมากมายที่สุดในบ้านเรา วันหยุดสุดสัปดาห์ก็มีกิจกรรมต่างๆให้เด็กๆเข้าร่วม

“ ให้เขารู้ว่า การเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ใช่แค่จากซัมเมอร์คอร์สอย่างเดียว การเรียนรู้ด้วยตัวเองจากหนังสือก็สามารถทำได้”

“ มิน่า บ้านทั้งบ้านมีแต่หนังสือเต็มไปหมด” นุ่มพูด เมื่อเห็นหนังสือวางอยูแทบทุกมุม

“ คุ้มมั้ยคะ ที่ลาออกมาเลี้ยงลูกอย่างเดียว”

“ คุ้ม แต่ก็เสียดายนะ ไม่มีเงินเดือนใช้ ต้องแบมือขอปะป๊าของเด็กๆ”

“ แล้วหม่าม้า ยังมีไฟกลับมาเรียนอีก นับถือจริงๆ” พงษ์ชม ฉันยิ้มแก้มปริ

“ พอพวกเขาช่วยตัวเองได้ ก็ถึงคราวที่เราจะช่วงเวลาของตัวได้บ้าง”


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:50:35 น.  

 
“ขอมีชีวิตของตัวเองในช่วงเวลาที่เหลือ” ฉันได้แรงบันดาลใจประโยคนี้จากภาพยนตร์เรื่องโปรดในดวงใจที่ตัวเอกเป็นพ่อบ้าน (Butler) ประจำคฤหาสน์หรูของขุนนางอังกฤษ มีเรื่องราวความสลับซับซ้อนของคนสำคัญระดับประเทศมากมายที่นำไปสู่การตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 บทสนทนาทั้งหมดนี้ไม่หลุดรอดจากสายตาของพ่อบ้านเอก แต่เจ้าตัวไม่เคยปริปากพูดกับใครเลย ชั่วชีวิตของเขามีแต่ความสวามิภักดิ์ต่อการเป็นพ่อบ้านที่สมบูรณ์แบบทุกลมหายใจ จนไม่มีพื้นที่เหลือสำหรับอย่างอื่นแม้กระทั่งหัวใจ เมื่อนึกขึ้นมาได้ ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้วที่จะเรียกรำลึกคืนถึงความสัมพันธ์เก่าๆ

“ หม่าม้าชอบดูหนังประเภทนี้นะ คราวที่แล้วก็เล่าเรื่อง Driving Miss Daisy ให้ฟัง ฟังจบเกือบจะร้องไห้แมะแมะ”

คนพูดหมายถึงภาพยนตร์คุณภาพรางวัลออสการ์ที่เล่าเรื่องถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณนายเดซี่ผิวขาวและคนขับรถผิวดำซึ่งไม่รู้หนังสือ เธอจึงได้มีโอกาสสอนหนังสือในเวลาต่อมา ความสัมพันธ์ของคุณนายเดซี่และคนรถดำเนินอย่างราบรื่นโดยปราศจากข้อกีดกันเรื่องสีผิว ภายหลังคุณนายเดซี่เริ่มอายุมาก ความจำเลอะเลือน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็ได้คนขับรถคนเดิมพาไปส่งในสถานพัก
พิงคนชราพร้อมแวะเยี่ยมเยือนเป็นระยะ

“จะมาว่า ชอบดูแต่หนังคนแก่ล่ะซิ หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่วินชอบน่ะ หมดยุคหม่าม้าแล้ว”

ฉันดักคอกวิน แล้วพูดต่อ

“เพื่อนรุ่นเดียวกันหาว่าหม่าม้าเพี้ยนทั้งนั้นที่กลับมาเรียนหนังสือใหม่ ”

“เป็นแม่บ้านอย่างเดียว ทั้งเหนื่อย ทั้งน่าเบื่อตายเลยค่ะ ยายสู้ไม่ไหวแน่ๆ”

ยายพูดขึ้นบ้าง ฉันนึกถึงสาว คล่องแคล่วแบบยายมานั่งตำน้ำพริกในครัวคร๊อก..คร๊อกไม่ออกเหมือนกัน

“อุ๊ย ก็รอวันที่เป็นศรีภริยาใครสักคนซิ มีลูกๆล้อมอีก กระพรวน หล่อนต้องบ่นเหนียงยางเป็นยายแก่สมชื่อแน่ๆ”

กวินกระเซ้า ทุกคนหัวเราะสนุกสนาน วันนี้ทุกคนพร้อมใจไม่มีการพูดถึงเรื่องเรียน ทำรายงาน สักครู่ ป่านดำและปออ่อนก็ทะยอยยกอาหารชุดที่ 2 ออกมา

“เมื่อกี้แค่น้ำจิ้มครับ คราวนี้ของจริง”

ถึงช่วงนี้ ทุกคนขอหยุดสนทนาชั่วคราว นอกจากตักขนมจีนเข้าปากอย่างอร่อย หนุบหนับ หนุบหนับ

“เจ๊ จะกินป่าเข้าไปทั้งผืนเลยหรือ” เสียงทักดังเมื่อผู้ถูก กล่าวหากำลังหยิบผักสดสารพัดวางบนจาน นุ่มตีไหล่คนพูดแก้เขิน

“อย่ามายุ่งกับฉัน กำลังอารมณ์ดีๆอยู่”

นานๆจะได้ยินนุ่มบอกใครๆว่า อารมณ์ดี ซึ่งก็คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ วันนี้คนอารมณ์ดีใส่เสื้อลายปักดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋ม แต่งหน้านิดๆ ดูอ่อนโยน ไม่เคร่งขรึม หน้าเรียบเฉย เหมือนอยู่ในชั้นเรียน ถ้าเธออารมณ์ดีบ่อยๆเหมือนเช่นวันนี้ ก็คงจะทำให้เธอดูอบอุ่น เป็นมิตร น่าเข้าไปพูดคุยด้วย

ลินินสนทนาถูกคอกับพงษ์และนุ่ม ภาษาคนทำงานรุ่นใหม่ที่ต้องเจอปัญหา แรงกดดันต่างๆและการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ต่างแลก เปลี่ยนเล่าสู่กันฟังถึงระบบในที่ทำงาน (การแอบนินทาเจ้านายเป็นเรื่องปกติ) ส่วนป่านดำคุยเรื่องบันเทิงร่วมสมัยกับกวิน ทั้งเรื่องอุปกรณ์สื่อสารเทคโนโลยี ภาพยนตร์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว สาวน้อยคู่สุดท้าย ปออ่อน กับยายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันก็คุยเรื่องศิลปินจากค่ายเพลงต่างๆ มิวสิควีดีโอล่าสุด

สายลมเย็นยามบ่ายโชยอบอวลกลิ่นดอกไม้บานของฤดูหนาว ฉันขอตัวเข้าไปดูอาหารที่เหลือในครัว ปล่อยให้เด็กๆออกท่าออกทางเต็มที่โดยไม่มีผู้ใหญ่แปลกปลอมมาเงี่ยหูฟังกลุ่มนั้นที กลุ่มนี้ที ตามทันบ้างไม่ทันบ้าง

ปีใหม่ปีนี้ถึงจะสนุกล่ากว่าทุกปี แต่ก็อบอุ่นที่มีลูกนกฮูกจาก 2 รังที่ฉันรักและผูกพัน นั่งล้อมวงคุยออกรสราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน สนามหน้าบ้านที่เคยร้างๆเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะมีชีวิตชีวา พลอยให้ ฮ นกฮูกที่ผ่านโลกมาครึ่งชีวิตตัวนี้เอิบอิ่มใจไปด้วย



โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:53:07 น.  

 
แวะมาอ่านก่อนนะคะ วันนี้ พอมีเวลาเล็กน้อย จะติดตาม
ทุกตอน ย้อนเก่าด้วยต่อไปนะคะ
คิดถึงนะคะ


โดย: t (tiki_ทิกิ ) วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:05:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ
บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น

บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
New Comments
[Add รุ้งพลบ's blog to your web]