กายสบาย...ใจปลอดโปร่ง...โล่งสะอาด...
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 
ส่องกระจก

เป็นหนึ่งในเรื่องแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึงเพราะมันใกล้ตัวเกินไป เวลาเราอยากเห็นตัวเองเราต้องไปหากระจกมาส่องดู แต่ผู้อื่นเขาเห็นเราตลอดเวลาเหมือนกับที่เราเห็นเขาโดยไม่ต้องอาศัยกระจก

แสดงว่าปกติเรามองออกไปข้างนอกตัวกันอยู่ตลอดเวลา แม้เราจะส่องกระจกแล้วก็ตาม แต่พอไม่มีกระจกเราก็มักไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเราบ้าง เช่น อาจจะมีขี้นกหล่นใส่หัวแล้วเราไม่รู้ตัว ต้องคอยให้คนอื่นมาบอก ที่เราจะเห็นเองกลับเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร

เรื่องร่างกายยังไม่แปลก แต่เรื่องจิตใจนี่สิยิ่งแปลก เพราะคนเราก็มีปกติสำรวจแต่ใจผู้อื่นเช่นกัน ไม่ค่อยจะสนใจหรือมักมองไม่เห็นสภาพจิตใจของตนเอง เช่น บางครั้งมีคนพูดว่า ทำไมโง่อย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวผู้พูดนั้นอาจจะเคยโง่ยิ่งกว่านี้มามากนัก แต่จะให้ยอมรับหรือมองเห็นก็เป็นเรื่องยากมาก แต่ถ้าเป็นความโง่ของผู้อื่นนี่เห็นได้ถนัดถนี่ดีนัก

เวลาเราอยากเห็นร่างกายตัวเอง เราก็ไปส่องกระจก แต่เวลาอยากเห็นจิตใจตัวเองนี่สิ เราจะเอาอะไรมาส่อง แม้จะฟังจากคำพูดคนอื่นก็ใช่ว่ามันจะตรงกับสภาพที่เป็นจริง ๆ

สิ่งที่ใสเหมือนกระจก แล้วสามารถส่องให้เห็นถึงใจของตัวเราเองได้นับว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลกนี้ หากใครได้พบย่อมเหมือนได้รับสมบัติอันแสนวิเศษยิ่งกว่าเพชรเม็ดใด ๆ ในโทรทัศน์ก็ยังมีรายการกระจกหกด้าน ซึ่งเป็นที่น่าคิดเหมือนกันว่าทำไมต้องมีหกด้าน เพราะว่าด้านเดียวแม้จะเห็นแต่ก็เห็นไม่ครบ บางครั้งข้อผิดพลาดก็ถูกหมักหมมอยู่ด้านใดด้านหนึ่งที่เรามองไม่เห็น

กระจกส่องกายเราสามารถหาซื้อได้เพราะเป็นของภายนอก แต่กระจกส่องใจนั้นเราจะหาได้จากไหนเพราะเป็นของภายใน

อันนี้ก็เป็นเรื่องน่าแปลก เพราะของที่ใช้ภายใน ก็หาได้จากภายในนั่นเอง ตรงข้ามกับภายนอกที่เราจะแสวงหาอะไรเราต้องออกเดินทางไปค้นหา แต่ของที่ใช้กับภายในเราก็ต้องออกเดินทางเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เดินทางด้วยกาย เป็นการเดินทางด้วยใจ ซึ่งวิธีการก็แตกต่างจากการเดินทางภายนอกอยู่พอสมควร

ภายนอกเวลาเขาจะไปไหน เขาต้องเคลื่อนไหว แต่หากเราต้องการเดินทางไปสู่ภายใน เราจะต้องหยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้ หรือต้องดับเครื่องนั่นเอง

เครื่องที่ว่านี้คือความคิดของเราเองที่วัน ๆ เที่ยววิ่งแล่นไปในเรื่องราวสารพัด ในทางภาษาเขาเรียกว่าฟุ้งซ่าน ตั้งแต่เด็กจนโตเราถูกสอนให้ใช้ความคิดไปในเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรจะต้องคิด ๆ ๆ แล้วก็คิด ชีวิตประจำวันที่ขาดความคิดจึงแทบจะไม่มี แม้บางคนจะถูกหาว่าทำอะไรโดยไม่คิด แต่ที่จริงเขาก็คิด เพียงแต่คิดเตลิดไปในเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เป็นประโยชน์ เช่น คิดน้อยใจ คิดแค้นใจ คิดพยาบาท คิดอยากได้ คิดอยากเป็น หรือแม้แต่คิดเหม่อลอยไม่มีสาระ

บางแห่งเขาใช้การ์ตูนมาสอนเด็ก ๆ ว่า ให้นำสมองหรือความคิดใส่จรวด แล้วปล่อยให้แล่นไปสุดขอบจักรวาล ความคิดที่แล่นไปเรื่อย ๆ อย่างนี้มีหรือที่จะทำให้เรามองเห็นใจของตัวเราเองได้ วิชาการในสมัยนี้มีน้อยมากที่จะสอนให้นำใจกลับมาพิจารณาตัวเอง แม้จะมีเรียนเรื่องร่างกายของเรา แต่เขาก็สอนเพื่อให้เอาไปใช้กับผู้อื่นเสียเป็นส่วนใหญ่

ทำไมเราจะต้องพิจารณาตัวเอง ก็เพราะร่างกายของเรา จิตใจของเรา ก็เปรียบเสมือนบ้านของเรา ที่อยู่อาศัยของเรา หากมันยังสกปรกรกรุงรังอยู่ หรือมีแต่ของเสีย ๆ การที่เราจะไปแก้ไขปัญหาให้ผู้อื่นนั้นก็เป็นเรื่องยาก

หรือเหมือนคนที่ป่วยเป็นโรคระบาดขั้นรุนแรง แต่ไม่เคยใส่ใจตัวเอง เที่ยวไปคิดเรื่องผู้อื่น มองดูแต่คนอื่น แม้เขาจะเป็นคนดีมีเมตตาอยากรักษาผู้อื่นเพียงไหน แต่สุดท้ายนอกจากจะรักษาผู้อื่นไม่หาย ตัวเองก็ยากลำบากแล้ว ยังจะเป็นการแพร่เชื้อที่ตนมีอยู่ให้ผู้อื่นเพิ่มขึ้นอีกด้วย

เพราะเหตุนี้เราจึงต้องหันกลับมาดูแลตัวเราเองให้ดีก่อนที่จะไปห่วงคนอื่น และเพราะความยากลำบากในการพิจารณาตัวเองมันอยู่ที่เราขาดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ หรือกระจกหกด้านสำหรับส่องใจ แม้จะมีปัญญาแต่ก็ไม่สามารถพิจารณาได้ถูกต้องและครบถ้วนนัก เพราะเหตุนี้เราจึงต้องออกเดินทางค้นหากระจกส่องใจที่มีความใสสะอาดให้เจอ

ด้วยการหยุดความคิดฟุ้งซ่านในเรื่องราวทั้งหลายให้หมดสิ้นไป เลิกชี้นำให้ใจคิดโน่นคิดนี่ และปล่อยให้ใจไหลกลับเข้าไปสู่ภายในด้วยตัวของมันเอง

เรารู้จักใจตัวเองดีแค่ไหน ... ในใจเรามีอะไรอยู่รู้บ้างไหม
ท่ามกลางความมืดมิดภายในใจที่เรามองเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ... กลับซ่อนไว้ซึ่งขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่ที่มวลมนุษยชาติต่างแสวงหา
ทำไมเราจะต้องขวนขวายและไขว่คว้าบางสิ่งที่อาจไม่มีวันหาเจอในโลกภายนอก
ในเมื่อมันมีอยู่แล้วภายในใจของเราเอง

... ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงพบความสุขโดยเร็วพลัน ...


Create Date : 19 มีนาคม 2550
Last Update : 12 เมษายน 2550 13:03:54 น. 5 comments
Counter : 605 Pageviews.

 

ขอบคุณมากค่ะ ปีใหม่ไทยนี้โชคดีอีกแล้ว ได้กระจกใบใหญ่ส่องใจอีกแล้ว

ไม่รู้จะใช้ได้คุ้มค่าหรือเปล่า แม่เคยทักบ่อยๆว่าอย่าเดินหลังโกงซิลูก แต่เวลาส่องกระจกดูทีไร จะยืดตัวตรงเสมอเลยมองไม่เห็นว่าตัวเองชอบทำหลังโกง

ขอบคุณค่ะ

มีความสุขในวันหยุดนี้นะคะ




โดย: ขี้เหร่ใจร้าย วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:22:35:25 น.  

 



โดย: ลูกแมวขี้อ้อน วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:17:53:08 น.  

 
เห็นตัวเอง ก็เห็นธรรม

สวัสดีค่ะคุณพักผ่อน ช่วงนี้ฝนตกบ่อย รักษาสุขภาพด้วยน่ะค่ะ


โดย: ตะวันสีชมพู วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:21:15:51 น.  

 
สาธุค่ะ ..

ดูแลตัวเองให้ดีก่อนจะไปดูแลคนอื่น..


โดย: ป่ามืด วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:0:14:07 น.  

 
..มาพักกายพักใจ พักผ่อนด้วยคนค่ะ..


โดย: นู๋ญ่า (kayook ) วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:20:29:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พักผ่อน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนธรรมดา
Friends' blogs
[Add พักผ่อน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.