กายสบาย...ใจปลอดโปร่ง...โล่งสะอาด...
Group Blog
 
 
กันยายน 2548
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
13 กันยายน 2548
 
All Blogs
 

บันทึก - ว่าด้วยเรื่องธรรมชาติ ตอน 2




 

นับแต่โบราณกาลมาแล้ว มนุษย์ทุกยุคทุกสมัย ต่างก็มีข้อจำกัดในการค้นคว้ามาตลอด แต่ก็พยายามค้นหาเครื่องมือที่ช่วยในการค้นคว้าอยู่อย่างไม่จบสิ้น อย่างวิทยาศาสตร์ที่รุ่งเรืองอยู่ในปัจจุบันนี้ ก็หาใช่สิ่งใหม่ไม่ แต่เป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากมนุษย์ในยุคก่อน ๆ เราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าไม่มีมนุษย์ยุคก่อนก็ย่อมไม่มีมนุษย์ยุคนี้ ถ้ามนุษย์ยุคก่อนไม่มีปัญญา มนุษย์ยุคนี้จะมีปัญญาก็เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่รูปแบบการค้นคว้ามันเปลี่ยนไปเท่านั้น

ยุคนี้ค้นคว้าเรื่องราวต่าง ๆ ได้มากมาย แต่สิ่งที่ค้นคว้านั้น เป็นประโยชน์กับมนุษย์แค่ไหน ตรงกับเป้าหมายที่มนุษย์เกิดมาหรือไม่ ที่สำคัญ มันถูกต้องจริงแล้วหรือ เช่น การที่เรารู้ว่าเรามีวิธีกำจัดสิ่งรบกวนพืชผลด้วยสิ่งที่เรียกว่า ยาฆ่าแมลง แต่ยาฆ่าแมลงนี่แหละที่ทำให้เรามีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอย่างไม่จบสิ้น เช่นมลพิษในอากาศ ในน้ำ ที่ทำให้ผู้คนที่บริโภคพืชผลเข้าไปนั้น กลายเป็นคนที่มีสารพิษอยู่ในร่างกาย ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลต่อไปยังลูกหลาน ทำให้ลูกหลานที่เกิดมา มีบางอย่างที่บิดเบือนความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที ๆ เช่น ความสมบูรณ์ของร่างกายมนุษย์ที่ค่อนไปทางดูแล้วติดใจมากเข้าไปทุกที ๆ ทำให้เดี๋ยวนี้ มนุษย์ส่วนใหญ่แม้แต่จะค้นคว้า หรือแม้แต่จะเฉลียวใจคิด ว่าเกิดมาแล้วควรทำอะไร ก็แทบจะไม่มีใครสนใจ เพราะมัวแต่ไปสนใจสิ่งที่น่าติดใจหลงไหลอย่างอื่นแทน

และแน่นอนว่า มนุษย์ในยุคที่เรารู้สึกกันว่า เจริญสุด ๆ นี้นั้น ที่จริงแล้วก็ยังมีข้อจำกัดเดิม ๆ ในการค้นคว้าอยู่ แต่ดูแล้วอาจจะเป็นยุคที่ข้อจำกัดมีมากกว่าในยุคก่อน ๆ ด้วยซ้ำ อย่างเช่น ในยุคก่อน ผู้คนสมัยนั้นอาจจะคิดว่า อากาศ เป็นสิ่งที่ไม่มีทางมองเห็นได้ ได้แต่มีความรู้สึกว่าเย็น ๆ สบาย ๆ เวลามีลมพัดมากระทบเท่านั้น ถ้ายุคนั้นมีใครบอกว่า อากาศเป็นสิ่งที่มีน้ำหนัก อากาศเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ ผู้คนคงจะหัวเราะเยาะ และดูถูกเหยียดหยามเราเป็นที่สุด ไม่ได้คิดจะชื่นชมเราเลย

เหมือนนักวิทยาศาสตร์หลายท่านที่ประสบปัญหาเรื่องนี้มาแล้ว น่าแปลกที่ว่า ไม่ว่าในยุคสมัยใด ผู้ที่ค้นพบเรื่องเหล่านี้มีเป็นจำนวนน้อย และมักไม่ได้รับการยอมรับ จนกว่าจะหาวิธีพิสูจน์ที่พอกับปัญญาคนอื่น ๆ ให้ยอมรับได้เท่านั้น ซึ่งถ้าใครพิสูจน์แบบนั้นไม่ได้ แต่ยังยืนยันสิ่งที่ตัวเองค้นพบ ก็มักมีจุดจบที่ไม่น่าพิศมัย อย่างเช่น กาลิเลโอ เป็นต้น

แต่ถึงอย่างไร กาลเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า กาลิเลโอ เป็นฝ่ายถูก ส่วนผู้คนทั้งหลายที่เป็นคนหมู่มาก และใช้ความด้อยปัญญาของตัวเองตัดสินกาลิเลโอนั้น เป็นฝ่ายผิดทั้งหมด

และสิ่งที่ทำให้การพิสูจน์เรื่องราวต่าง ๆ ทำได้ยากนั่นก็คือ ประสาทสัมผัสของมนุษย์ที่จำกัดนั่นเอง

อย่างอากาศ ที่แม้จะมีคนบอก หรือพยายามบอกด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม ผู้ที่อับจนปัญญา แต่ยังมีความมั่นใจว่าตัวเองมีปัญญา ซึ่งมีอยู่มากในทุกยุคทุกสมัย ก็จะยืนกราน นั่งกราน นอนกราน อยู่นั่นเองว่า มันพิสูจน์ไม่ได้ มันมองไม่เห็น มันไม่น่าเชื่อ ยกเว้นแต่ว่าจะมีการประชุมกันอย่างมีหลักการ แต่สุดท้ายก็อาจสรุปแบบยังคาใจกันอยู่นั่นเอง

จนกระทั่งมีผู้ผลิตกล้องที่สามารถส่องเห็นอณูของอากาศได้นั่นแหละ

แต่ถึงแม้ว่า ผู้คนจะพิสูจน์เรื่องต่าง ๆ ได้มากขึ้น โดยอาศัยเครื่องมือเหล่านี้ แต่ก็หาได้พ้นข้อจำกัดหรือพ้นจากความไม่รู้ไม่ เป็นแต่ว่าได้รู้และแน่ใจในสิ่งที่คนอื่นค้นคว้ามาด้วยประสาทสัมผัสของตัวเองได้ง่าย ๆ เท่านั้น

และเพราะมนุษย์ผู้ค้นคว้า หาความจริง และพัฒนาเครื่องมือ มีจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับผู้คนที่คอยหาความสะดวกสบายมีอยู่ชีวิตอยู่กับสิ่งเหล่านี้ไปวัน ๆ โดยไม่ตะขิดตะขวงใจใด ๆ ทำให้ผู้คนที่มีจำนวนน้อยอยู่แล้ว ก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปอีก เพราะว่าถูกกระแสเหล่านี้คอยบีบคั้นอยู่ตลอดเวลา และการกระทำสิ่งยิ่งใหญ่ต่อมวลมนุษย์ชาติมักจะต้องเสียสละความสะดวกสบายของตัวเอง ในยุคที่มีแต่ความสะดวกสบายเช่นนี้ จึงแทบจะเป็นการปิดกั้นภูมิปัญญาในการพัฒนาของมนุษย์เอาไว้เสียทีเดียว

การเรียนการศึกษาในสมัยนี้ ก็เป็นการเรียนสิ่งเก่า ๆ ที่มีคนอื่นค้นพบไว้ เพื่อผลประโยชน์ในการดำรงชีวิตอยู่ในโลกแห่งความสะดวกสบายนี้เท่านั้นเอง มาตรฐานการวัดปัญญาของยุคนี้ อาจจะเป็นว่า ใครจำและทำความเข้าใจในสิ่งที่ผู้อื่นค้นพบมาแล้วได้มากกว่านั่นเอง บางทีก็เอาสิ่งที่ผู้อื่นค้นพบมาแล้วนั่นแหละ มาพูดได้อย่างมั่นใจเหมือนตัวเองเป็นผู้ค้นพบมาเองอย่างนั้น

นี่เป็นตัวอย่างเพียงส่วนน้อย และเป็นแค่ในขอบเขตของการวิเคราะห์ ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์ทุกคนจะต้องเป็นอย่างนี้กันหมด

เพราะถ้ามนุษย์เป็นเช่นนี้กันหมด มนุษย์ย่อมไม่สามารถพัฒนามาถึงจุดนี้ได้ และย่อมไม่มีมนุษย์ที่มีภูมิปัญญาสูงกว่าผู้อื่นเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะต่างก็เป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์กันทั้งนั้น ทั้งนี้เพราะว่า แม้มนุษย์จะไม่รู้ตัว มนุษย์ก็มีเชื้อสายแห่งการพัฒนาอยู่ในตัวทุกคนนั่นเอง เพียงแต่จะมีมนุษย์ผู้ไหนค้นพบและสามารถนำออกมาใช้ได้

และเพราะสิ่งที่มนุษย์พยายามค้นหา เครื่องมือที่ดีที่สุดที่สามารถใช้ค้นคว้าและหาความจริงได้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันกลับอยู่ใกล้กว่าที่คิด และไม่เคยต้องค้นหา แต่มนุษย์ก็หามันไม่เจอ อย่างที่มีคำพูดมากมายจากหลาย ๆ ที่ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดมักอยู่ในที่ ๆ คาดไม่ถึง ตรงนี้นี่เองที่หลาย ๆ ที่มักให้ความเห็นตรงกัน

อย่างเช่นตัวอย่างนิทานในศาสนาหนึ่ง เมื่อตอนพระเจ้าสร้างมนุษย์ พระเจ้าได้สร้างให้มนุษย์มีปัญญา แต่ภายหลังก็เกรงว่ามนุษย์จะรู้จักใช้ปัญญาจนทำให้ตัวเองเดือดร้อน จึงคิดนำปัญญาของมนุษย์ไปซ่อน แต่ก็คิดว่าจะซ่อนไว้ที่ไหนดี มนุษย์จึงจะหาไม่เจอ ก็ตกลงว่าจะซ่อนไว้ที่ใจของมนุษย์นี่แหละ เพราะนิสัยของมนุษย์ มักจะชอบมองไปที่อื่น ชอบค้นหาไปที่อื่น ๆ แม้แต่สุดขอบโลกก็ยังจะไปค้นหา แต่ใจของตัวเองกลับละเลยและแทบไม่เคยมองมันเลย ถ้าซ่อนไว้ตรงนี้ล่ะ มนุษย์จะหาไม่เจอแน่ ๆ

ไม่ว่าที่มาของนิทานนี้จะเป็นอย่างไร และไม่ว่าผู้เริ่มต้นนิทานจะมีความเข้าใจแค่ไหนในเรื่องนี้ แต่ก็ทำให้ได้รู้ว่า สิ่งที่เรียกว่า ใจ ของมนุษย์นั้น เราจะต้องค้นพบอะไรบางอย่างเป็นแน่ เพราะนี่ไม่ใช่นิทานเดียวที่กล่าวเช่นนี้ และแม้แต่วัตถุทั้งหลายที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้น ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากใจของมนุษย์นี่เอง

ต่อตอน 3 ...
Create Date : 13 กันยายน 2548
3 comments
Last Update : 30 กันยายน 2548 19:00:21 น.
Counter : 422 Pageviews.

 

เอาธรรมชาติมาเล่าเป็นสัจจะธรรมดีนะคะ

 

โดย: กำลังใจ^_^ IP: 202.142.219.16 13 กันยายน 2548 23:08:10 น.  

 

บรรยากาศน่านอนมากค่ะ..


มลพิษในอากาศ ในน้ำ ที่ทำให้ผู้คนที่บริโภคพืชผลเข้าไปนั้น กลายเป็นคนที่มีสารพิษอยู่ในร่างกาย ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลต่อไปยังลูกหลาน

ลูกหลาน ซึ่งก็อาจจะเป็นเรา กลับมาเกิดมารับผลกรรมของเราที่ทำไว้ค่ะ โดยความไม่รู้จริง ..ไม่รู้ธรรม..


ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ..รออ่านตอนสามนะคะ

 

โดย: ป่ามืด 13 กันยายน 2548 23:26:28 น.  

 

หารูปได้เก่งจริงๆคะ น่าอัศจรรย์จัง

 

โดย: ตัวยุ่งจัง IP: 202.176.124.107 1 ตุลาคม 2548 1:52:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พักผ่อน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนธรรมดา
Friends' blogs
[Add พักผ่อน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.