|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
ไม่มีเหตุผล
หลายครั้งที่เราเคยได้ยินผู้คนมักพูดกันว่า "ไม่มีเหตุผล" ในบางเวลา แต่ที่จริงแล้ว สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนตกอยู่ภายใต้หลักของเหตุและผลทั้งสิ้น ดังที่เราทราบกันในปัจจุบัน
ตัวอย่างเช่น เราเห็นน้ำนองถนนอยู่ เราก็ย่อมรู้ว่า มันมีเหตุที่ทำให้น้ำนั้นนองถนน เช่น มีรถส่งน้ำมาราดถนน ฝนตก ท่อประปารั่ว เป็นต้น
แม้เรื่องละเอียดอ่อนอย่างเรื่องของจิตใจก็เป็นเช่นเดียวกัน คือมันมีเหตุมาก่อน มันจึงส่งผลอย่างนั้น หากเราเห็นใครโกรธ เราก็ต้องรู้ว่า ต้องมีอะไรไปทำให้เขาโกรธ หรือไม่ก็เขาเป็นคนโกรธง่าย มีอะไรนิดอะไรหน่อยก็โกรธ ซึ่งนิสัยโกรธง่ายก็ย่อมมีเหตุมาอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดู สภาพแวดล้อมในที่อยู่อาศัย ฯลฯ
ฉะนั้น ที่เราบอกว่า "ไม่มีเหตุผล" ที่จริงต้องบอกว่า "ไม่รู้เหตุผล" มากกว่า เช่น อยู่ ๆ เราอยากกินอะไรแปลก ๆ ขึ้นมา เราก็ว่าอยากกินโดยไม่มีเหตุผล แต่ที่จริงเหตุผลนั้นมีอยู่แต่เราไม่รู้ถึงเหตุผลนั้น
สมัยนี้ผู้คนมักพูดกันว่า ความรักไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล อันนี้ต้องบอกว่าเพราะเป็นผู้อับจนปัญญาจึงได้คิดเช่นนั้น เพราะมันจะไม่มีเหตุผลไปได้อย่างไร แต่เพราะไม่ได้ใส่ใจที่จะรู้ถึงเหตุผล อีกทั้งไม่มีปัญญาพอที่จะเข้าใจเหตุผลเพราะไม่เคยได้ศึกษาเรื่องเหตุและผลของอารมณ์ต่าง ๆ นั่นเอง
หรือบางทีตนเองก็รู้เหตุผลอยู่ แต่ไม่กล้าคิดออกมาตามความเป็นจริง เพราะกลัวว่าจะสูญเสียอารมณ์อันน่าใคร่เหล่านั้นไป แต่ผลสุดท้ายก็กลายเป็นหลอกตัวเอง ว่าอารมณ์และความคิดเหล่านั้นมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เป็นของ ๆ ตัวเองจริง ๆ จัง ๆ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นอารมณ์ที่เกิดจากปัจจัยภายในและภายนอกที่บังเอิญมาพ้องกันชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเอง
แต่ความยึดถือว่าอารมณ์เหล่านั้นคือความเป็นตัวของตัวเองนั่นแหละ แม้มันจะเกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว แต่เราก็มักจะไปตามรักษามันไว้ เหมือนคนที่คอยโยนท่อนฟืนลงในกองไฟ เพื่อไม่ให้ไฟมันดับ หลาย ๆ คนลืมคิดไปว่า ก่อนที่อารมณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ก่อนหน้านั้นเราก็ไม่มีอารมณ์เหล่านี้อยู่ ก็ไม่ได้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองแต่อย่างใด ตรงกันข้าม พออารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้น แทนที่จะมีสติคิดการอันใดได้ดังประสงค์ กลับต้องมาคอยย้ำคิดย้ำทำตามอารมณ์เหล่านั้นจะพาไปโดยที่ไม่รู้เลยว่ามันจะพาไปที่ไหน
ที่ถูกจึงต้องบอกว่า อารมณ์อันน่าเพลิดเพลินเหล่านี้ ทำให้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง กลายเป็นหุ่นเชิดให้ต้องทำพฤติกรรมแปลก ๆ ออกไป ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่น่าภาคภูมิใจสักเท่าไรนัก อารมณ์นี้เองเรียกว่าตัณหา ในระหว่างที่เรากำลังถูกกระแสตัณหาพาไปอยู่นั้น มันอาจจะดูน่าเพลิดเพลินเหมือนได้ล่องแพในแม่น้ำเชี่ยวกราก และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมันได้โดยง่าย เพราะมันไหลไปตามกระแสอย่างรวดเร็ว
แต่กระแสตัณหานี้ย่อมมีปลายทางเหมือนกับลำธารทั้งหลาย คือ เป็นหน้าผา เป็นน้ำตกอันสูงใหญ่ ที่ทำให้เราต้องเจ็บตัวเมื่อแล่นมาถึง หากเราตามกระแสอารมณ์ที่เป็นตัณหา ไม่มีสติควบคุมตนเองไปมากเข้า ก็จะต้องพบจุดจบคือความทุกข์อันแสนสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัย
บางคนตกลงมาจากหน้าผา แม้ต้องดำผุดดำว่ายอยู่นานก็ยังรอดมาได้ แต่บางคนนั้นจมลงไปใต้กระแสตัณหาถึงกับต้องจบชีวิตกันเลยทีเดียว ดังที่เราเห็นข่าวกันบ่อย ๆ ที่มีหลายคนต้องเสียชีวิตเพราะการยึดถือในอารมณ์ที่เป็นตัณหาเหล่านี้มากเกินไปนั่นเอง
ส่วนผู้ที่รักษาตัวรอดได้ มักจะเป็นผู้ที่ไม่ยึดถือกับอารมณ์เหล่านี้มากนัก รู้จักยืดหยุ่นผ่อนปรน แม้จะไปตามกระแส แต่ก็คอยพยุงคอยรั้งไว้ไม่ให้ถูกน้ำพัดไปเร็วเกินไป รู้จักกศึกษา รู้จักใช้เหตุผล ไตร่ตรองพิจารณาอย่างรอบคอบ เมื่อเกิดปัญหาก็สามารถแก้ไขได้ ไม่ต้องใช้วิธีแบบคนสิ้นคิด
ในเมื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุทางอารมณ์เหล่านี้ไม่ได้ ดังนั้นเมื่ออารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับใครก็ตาม สิ่งแรกที่ควรทำจึงเป็นการยับยั้งชั่งใจ ตั้งสติไม่เพลิดเพลิน ไม่ให้หลงใหลไปกับอารมณ์เหล่านั้นแม้มันจะน่าพิศมัยขนาดไหนก็ตาม และพยายามมองให้เห็นตรงกับความเป็นจริงไม่ใช่จินตนาการเพ้อฝัน และมองให้เห็นว่า เหตุมันเกิดจากอะไรจึงส่งผลให้เกิดอารมณ์เหล่านี้ และถ้าปล่อยไว้มันจะก่อให้เกิดผลเช่นไร และควรจะสร้างเหตุอย่างไร อารมณ์เหล่านี้จึงไม่สร้างปัญหาให้เราในอนาคต
เช่นนี้แล้ว คำว่า "ไม่มีเหตุผล" ก็คงจะหมดไปจากความคิดได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุและผลของมันอยู่ การไม่รู้ถึงเหตุและผลเหล่านี้ เป็นอันตราย เพราะแม้ว่าระหว่างทางเดินจะมีหญ้าเขียวขจีปกคลุมอยู่สวยงามก็ตาม แต่ปลายทางของหัวใจที่ถูกนำพาไปด้วยตัณหานั้น ล้วนแต่เป็นหุบเหวของความทุกข์ทั้งสิ้น
คนมากมายต้องประสบทุกข์เพราะความรักแบบเสียสติกันมามากพอแล้ว หากเราตั้งสติข่มอารมณ์เอาไว้ได้ ปัญหาทุกอย่างก็สามารถแก้ไขปรับความเข้าใจกันได้ ไม่ต้องมีเรื่องโศกเศร้าอย่างนิยายขวัญกับเรียม ไม่มีใครอกหัก และไม่มีใครต้องฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากความรัก
เลิกปล่อยใจตามอารมณ์ แล้วมาตั้งสติให้รู้ถึงเหตุและผลที่เป็นไปตามทำนองคลองธรรมกันเถอะ แล้วจะได้รู้ว่า ความรักแบบมีสติคือความรักแบบไหน ความสุขที่แท้จริงคืออะไร ความปราศจากทุกข์โดยสิ้นเชิงก็จะไม่ใช่อุดมคติอีกต่อไป
ขอให้สัตว์โลกทุกตัวตน จงมีความสุขสมหวังให้การสร้างความดีเพื่อเพิ่มคุณค่าให้ตนเองได้อย่างยิ่งยวดด้วยเทอญ
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 18 มีนาคม 2550 0:41:19 น. |
|
6 comments
|
Counter : 454 Pageviews. |
|
|
|
โดย: maxpal วันที่: 23 มีนาคม 2550 เวลา:16:22:36 น. |
|
|
|
โดย: tee IP: 125.27.252.192 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:17:10 น. |
|
|
|
โดย: ป่ามืด IP: 124.120.49.205 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:22:32 น. |
|
|
|
โดย: หลิว IP: 125.24.136.144 วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:18:00:06 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อย่างนี้นี่เอง ไม่มีเหตุผลเพราะไม่รู้เหตุผล
ถ้าเรารู้จักหยุด เพื่อพิจารณาหาสาเหตุของอารมณ์ที่เป็นอยู่ เราจะมีสติในทุกๆการกระทำมากขึ้น ผิดพลาดน้อยลง เสียใจน้อยลง
ในทุกการกระทำของคนมีเหตุที่มา คนที่เราจำเป็นต้องเกี่ยวข้อง แม้เราจะไม่เห็นด้วยแต่ถ้ารู้จักพิจารณา รู้จักยืดหยุ่นผ่อนปรน ความร้อนลุ่มในใจเราจะลดน้อยลง มองอย่างสงบมากขึ้น
ขอบคุณจริงๆค่ะ