SET ไม่ไปไหน แกว่งตัวในกรอบแคบ
โบรกมองแนวโน้ม SET วันนี้ แกว่งตัวบวกในกรอบแคบ รอบนี้หุ้นไซส์กลาง-เล็ก มาแรง ขณะที่หุ้นบิ๊กแคปเริ่มมีแรงขายกดดันตลาด ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ( 15 ก.ค.) ยังคงปรับตัวผันผวนลงไปต่ำสุดในแดนลบที่ 1,449.72 จุด ลดลง 4.17 จุด ขึ้นไปแดนบวกสูงสุดที่ 1,464.72 จุด เพิ่มขึ้น 11.01 จุด และปิดตลาดที่ 1,455.40 จุด เพิ่มขึ้น 1.69 จุด หรือ 0.12% และมีมูลค่าซื้อขายรวม 39,365 ล้านบาท -สถาบันในประเทศขายสุทธิ -4,419.17 ล้านบาท -บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,606.24 ล้านบาท -นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 424.56 ล้านบาท -นักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 2,388.36 ล้านบาท นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการสายงานวิจัยลูกค้าบุคคลบล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า ดัชนีหุ้นไทยในวันนี้ ( 16 ก.ค.) แนวโน้มแกว่งตัวแคบในทางปรับขึ้น โดยให้แนวต้านที่ 1,470 จุด และแนวรับ 1,445 จุด และประเมินว่าในรอบนี้จะมีแรงซื้อหนาแน่นในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จากในวานนี้ที่จะเห็นได้ว่าหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และพลังงานถูกขายออกมากดดัน SET อย่างไรก็ตามหากดัชนีย่อตัวลงถือเป็นโอกาสเลือกซื้อหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานดี ซึ่งประเมินว่าดัชนีจะมีการย่อตัวลงอีกหนึ่งรอบก่อนจะปรับตัวขึ้นต่อ เพราะจากสัญญานทางเคินถือว่าเป็นการกลับตัวขาขึ้น แต่ไม่ใช่ขาขึ้นรอบใหญ่ และการจะกลับไปทดสอบที่ 1,600 จุด ไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจในช่วงนี้ต้องอิงกับผลประกอบกสนใน Q2/56 และแนะนำให้ดูการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์ใน Consensus ประกอบการตัดสินใจด้วย โดยฝ่ายวิจัยบล.บัวหลวง แนะนำหุ้นกลุ่มขนส่งคือ BECL และ BTS โดย BECL ช่วงนี้จะมีประเด็นสนับสนุนจากการเข้าเทรดของ CKP ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ ฝ่ายวิจัยประเมินว่าหุ้น BECL จะมีโอกาสปรับขึ้นมาอีก 3.4 บาท หากประเมินจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเทียบเคียงกับการปรับตัวขิง CKP ทุก 1 บาท จะมีผลให้หุ้น BECL มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 0.32 บาท และแนะนำหุ้น AI ที่คาดว่าผลประกอบการ Q2/56 จะออกมาดีมาก ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวานนี้ที่ระดับ 1,455.40 จุด เพิ่มขึ้น 1.69 จุด(+0.12%) มูลค่าการซื้อขาย 39,366 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวานนี้ ดัชนีเคลื่อนกรอบสลับบวกและลบตลอดวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,464.72 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,449.54 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 400 หลักทรัพย์ ลดลง 276 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 163 หลักทรัพย์ นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งแคบดัชนีไม่ไปไหนไกลยังไม่ผ่าน 1,460 จุด ปัจจัยต่างประเทศดี แต่ภายในประเทศหลังจากที่ดัชนีดีดแรงขึ้นมาตั้งแต่วันพฤหัสฯ (11 ก.ค.) วันนี้ติดแนวต้าน 1,460 จุด ทั้งนี้ ตลาดรอดูนายเบน เบอร์นันเก้ ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงนโยบายการเงินอย่างไรต่อกรรมาธิการสภาคองเกรสสหรัฐฯในวันที่ 17-18 ก.ค.นี้ เพื่อรอตีความเรื่องการลด QE อีกครั้ง ส่วนปัจจัยในประเทศปลายสัปดาห์นี้จะมีการประกาศงบฯ ไตรมาส 2/56 กลุ่มสถาบันการเงินน่าจะออกมาดี ภาพรวมน่าจะโตได้ 20% แต่ถ้าสังเกตช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นสัญญาณการลดประมาณการเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวหลังบอนด์ยิลของสหรัฐปรับขึ้นสูง ทิศทางวันนี้ดัชนีไม่น่าจะไปไหนไกล มองเทรดในกรอบ 1,440-1,460 จุด จนกว่าจะมีทิศทางออกไปด้านในด้านหนึ่ง ช่วงนี้รอปัจจัยกระตุ้นตลาดใหม่ๆ ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ก.ค.56 ปิดที่ 1,455.40 จุด เพิ่มขึ้น 1.69 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 39,366 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 424.56 ล้านบาท หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด INTUCH ปิด 86.25 บาท บวก 0.75 บาท, PTT ปิด 340 บาท ลดลง 6 บาท, CK ปิด 19.80 บาท บวก 1 บาท, PTTGC ปิด 73.50 บาท ลบ 1.50 บาท และ SIRI ปิด 2.96 บาท บวก 0.12 บาท บล.ธนชาต ตลาดหุ้นไทยแกว่งแคบดัชนีไม่ผ่านแนวต้าน 1,460 จุด ขณะที่ตลาดรอดู เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงนโยบายการเงิน ต่อกรรมาธิการสภาคองเกรสสหรัฐฯในวันที่ 17-18 ก.ค.นี้ เพื่อรอตีความนโยบายการลดมาตรการ QE ของสหรัฐฯอีกครั้ง ส่วนปัจจัยในประเทศปลายสัปดาห์นี้จะมีการประกาศงบฯ ไตรมาส 2 กลุ่มสถาบันการเงินน่าจะออกมาดี คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตได้ 20% ขณะที่มองทิศทางตลาด คาดว่าดัชนีไม่น่าจะไปไหนได้ไกล มองระยะสั้น ให้เทรดหรือซื้อขายได้ในกรอบ 1,440-1,460 จุด จนกว่า ทิศทางตลาดจะมีความชัดเจน ว่าจะไปในทิศทางใด หรือรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นการลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้ มองตลาดหุ้นไทยยังผันผวน ได้รับแรงกดดันจากการขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ พลังงานและปิโตรเคมีจากนักลงทุนในประเทศ แต่คาดว่าดัชนีได้รับปัจจัยหนุนจากการไหลกลับเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัญญาณซื้อสุทธิระยะยาวหลังขายออกมาจำนวนมาก ขณะที่มีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ยังไม่นิ่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันดัชนี ส่งผลให้นักลงทุนในประเทศอาจขายสุทธิออกมาอีก ส่วนปัจจัยต่างประเทศคือการรายงานตัวเลขอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ และการรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ ด้านเทคนิค คาดว่าตลาดจะแกว่งตัวกรอบแคบมีแนวรับ 1,448-1,442 จุด และแนวต้านที่ 1,465 จุด แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น ลงซื้อขึ้นขาย และเลือกหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นน้อย (Laggards) เช่น STEC, SAMART, SIM , HEMRAJ และ KCE เป็นต้น.
Create Date : 16 กรกฎาคม 2556 |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2556 10:10:32 น. |
|
0 comments
|
Counter : 598 Pageviews. |
|
|
|
|
| |