ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด
<<
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
16 กรกฏาคม 2556

SET ไม่ไปไหน แกว่งตัวในกรอบแคบ

โบรกมองแนวโน้ม SET วันนี้ แกว่งตัวบวกในกรอบแคบ รอบนี้หุ้นไซส์กลาง-เล็ก มาแรง ขณะที่หุ้นบิ๊กแคปเริ่มมีแรงขายกดดันตลาด

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ( 15 ก.ค.) ยังคงปรับตัวผันผวนลงไปต่ำสุดในแดนลบที่ 1,449.72 จุด ลดลง 4.17 จุด ขึ้นไปแดนบวกสูงสุดที่ 1,464.72 จุด เพิ่มขึ้น 11.01 จุด และปิดตลาดที่ 1,455.40 จุด เพิ่มขึ้น 1.69 จุด หรือ 0.12% และมีมูลค่าซื้อขายรวม 39,365 ล้านบาท

-สถาบันในประเทศขายสุทธิ -4,419.17 ล้านบาท
-บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,606.24 ล้านบาท
-นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 424.56 ล้านบาท
-นักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 2,388.36 ล้านบาท

นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการสายงานวิจัยลูกค้าบุคคลบล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า ดัชนีหุ้นไทยในวันนี้ ( 16 ก.ค.) แนวโน้มแกว่งตัวแคบในทางปรับขึ้น โดยให้แนวต้านที่ 1,470 จุด และแนวรับ 1,445 จุด และประเมินว่าในรอบนี้จะมีแรงซื้อหนาแน่นในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จากในวานนี้ที่จะเห็นได้ว่าหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และพลังงานถูกขายออกมากดดัน SET

อย่างไรก็ตามหากดัชนีย่อตัวลงถือเป็นโอกาสเลือกซื้อหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานดี ซึ่งประเมินว่าดัชนีจะมีการย่อตัวลงอีกหนึ่งรอบก่อนจะปรับตัวขึ้นต่อ เพราะจากสัญญานทางเคินถือว่าเป็นการกลับตัวขาขึ้น แต่ไม่ใช่ขาขึ้นรอบใหญ่ และการจะกลับไปทดสอบที่ 1,600 จุด ไม่ใช่เรื่องง่าย

ส่วนหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจในช่วงนี้ต้องอิงกับผลประกอบกสนใน Q2/56 และแนะนำให้ดูการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์ใน Consensus ประกอบการตัดสินใจด้วย โดยฝ่ายวิจัยบล.บัวหลวง แนะนำหุ้นกลุ่มขนส่งคือ BECL และ BTS โดย BECL ช่วงนี้จะมีประเด็นสนับสนุนจากการเข้าเทรดของ CKP ในวันที่ 18 ก.ค.นี้

ฝ่ายวิจัยประเมินว่าหุ้น BECL จะมีโอกาสปรับขึ้นมาอีก 3.4 บาท หากประเมินจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเทียบเคียงกับการปรับตัวขิง CKP ทุก 1 บาท จะมีผลให้หุ้น BECL มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 0.32 บาท และแนะนำหุ้น AI ที่คาดว่าผลประกอบการ Q2/56 จะออกมาดีมาก

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวานนี้ที่ระดับ 1,455.40 จุด ​เพิ่มขึ้น 1.69 จุด(+0.12%) มูลค่า​การซื้อขาย 39,366 ล้านบาท

​การซื้อขายหุ้นวานนี้ ดัชนี​เคลื่อนกรอบสลับบวก​และลบตลอดวัน ​โดยขยับขึ้น​แตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,464.72 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,449.54 จุด

ส่วนหลักทรัพย์​เปลี่ยน​แปลงวานนี้ ​เพิ่มขึ้น 400 หลักทรัพย์ ลดลง 276 หลักทรัพย์ ​และ​ไม่​เปลี่ยน​แปลง 163 หลักทรัพย์

นายพิชัย ​เลิศสุพงศ์กิจ ​ผู้ช่วยกรรม​การ​ผู้จัด​การ ฝ่าย​การตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้น​ไทย​แกว่ง​แคบดัชนี​ไม่​ไป​ไหน​ไกลยัง​ไม่ผ่าน 1,460 จุด ปัจจัยต่างประ​เทศดี ​แต่ภาย​ในประ​เทศหลังจากที่ดัชนีดีด​แรงขึ้นมาตั้ง​แต่วันพฤหัสฯ (11 ก.ค.) วันนี้ติด​แนวต้าน 1,460 จุด

​ทั้งนี้ ตลาดรอดูนาย​เบน ​เบอร์นัน​เก้ ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด) จะ​แถลงน​โยบาย​การ​เงินอย่าง​ไรต่อกรรมาธิ​การสภาคอง​เกรสสหรัฐฯ​ในวันที่ 17-18 ก.ค.นี้ ​เพื่อรอตี​ความ​เรื่อง​การลด QE อีกครั้ง

ส่วนปัจจัย​ในประ​เทศปลายสัปดาห์นี้จะมี​การประกาศงบฯ ​ไตรมาส 2/56 กลุ่มสถาบัน​การ​เงินน่าจะออกมาดี ภาพรวมน่าจะ​โต​ได้ 20% ​แต่ถ้าสัง​เกตช่วง 1 ​เดือนที่ผ่านมาจะ​เห็นสัญญาณ​การลดประมาณ​การ​เนื่องจาก​เศรษฐกิจชะลอตัวหลังบอนด์ยิลของสหรัฐปรับขึ้นสูง

ทิศทางวันนี้ดัชนี​ไม่น่าจะ​ไป​ไหน​ไกล มอง​เทรด​ในกรอบ 1,440-1,460 จุด จนกว่าจะมีทิศทางออก​ไปด้าน​ในด้านหนึ่ง ช่วงนี้รอปัจจัยกระตุ้นตลาด​ใหม่ๆ

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ก.ค.56 ปิดที่ 1,455.40 จุด เพิ่มขึ้น 1.69 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 39,366 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 424.56 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด INTUCH ปิด 86.25 บาท บวก 0.75 บาท, PTT ปิด 340 บาท ลดลง 6 บาท, CK ปิด 19.80 บาท บวก 1 บาท, PTTGC ปิด 73.50 บาท ลบ 1.50 บาท และ SIRI ปิด 2.96 บาท บวก 0.12 บาท

บล.ธนชาต ตลาดหุ้นไทยแกว่งแคบดัชนีไม่ผ่านแนวต้าน 1,460 จุด ขณะที่ตลาดรอดู “เบน เบอร์นันเก้” ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงนโยบายการเงิน ต่อกรรมาธิการสภาคองเกรสสหรัฐฯในวันที่ 17-18 ก.ค.นี้ เพื่อรอตีความนโยบายการลดมาตรการ QE ของสหรัฐฯอีกครั้ง ส่วนปัจจัยในประเทศปลายสัปดาห์นี้จะมีการประกาศงบฯ ไตรมาส 2 กลุ่มสถาบันการเงินน่าจะออกมาดี คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตได้ 20%

ขณะที่มองทิศทางตลาด คาดว่าดัชนีไม่น่าจะไปไหนได้ไกล มองระยะสั้น ให้เทรดหรือซื้อขายได้ในกรอบ 1,440-1,460 จุด จนกว่า ทิศทางตลาดจะมีความชัดเจน ว่าจะไปในทิศทางใด หรือรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นการลงทุน

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้ มองตลาดหุ้นไทยยังผันผวน ได้รับแรงกดดันจากการขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ พลังงานและปิโตรเคมีจากนักลงทุนในประเทศ แต่คาดว่าดัชนีได้รับปัจจัยหนุนจากการไหลกลับเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัญญาณซื้อสุทธิระยะยาวหลังขายออกมาจำนวนมาก

ขณะที่มีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ยังไม่นิ่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันดัชนี ส่งผลให้นักลงทุนในประเทศอาจขายสุทธิออกมาอีก ส่วนปัจจัยต่างประเทศคือการรายงานตัวเลขอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ และการรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ในวันที่ 18 ก.ค.นี้

ด้านเทคนิค คาดว่าตลาดจะแกว่งตัวกรอบแคบมีแนวรับ 1,448-1,442 จุด และแนวต้านที่ 1,465 จุด

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น ลงซื้อ–ขึ้นขาย และเลือกหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นน้อย (Laggards) เช่น STEC, SAMART, SIM , HEMRAJ และ KCE เป็นต้น.



Create Date : 16 กรกฎาคม 2556
Last Update : 16 กรกฎาคม 2556 10:10:32 น. 0 comments
Counter : 598 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tukdee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]