SET วานนี้กลับมาจุดเดิม รายย่อยกลับใจมาซื้อ!!
ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ปิดตลาดทะยานขึ้นมายืนอยู่ในแดนบวกได้สำเร็จ แม้บวกขึ้นมาเพียง 0.03 จุดหรือ 0.0% มาอยู่ที่ระดับ 1,643.43 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 57,431 ล้านบาท - นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,359.48 ล้านบาท - บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 190.68 ล้านบาท - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ - 692.62 ล้านบาท - นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ + 2,242.84 ล้านบาท นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. โกลเบล็ก บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้าย ว่า สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ต้องจับตาถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันพุธนี้ (22) ถ้าออกมาดี ตลาดก็จะสามารถปรับตัวขึ้นมาได้ เพราะวันนี้แม้ไม่มีอะไรใหม่ ตลาดยังยืนบวกได้ ส่วนปัจจัยในประเทศจับตาการประชุม กนง. 29 พ.ค.นี้ นายธวัชชัยแนะนำว่า ถ้าตลาดปรับตัวที่แนวรับ 1636 จุด สามารถเข้าซื้อเก็งกำไรได้ โดยกลุ่มสื่อสารน่าสนใจมากที่สุด ในช่วงที่ตลาดผันผวน ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวานนี้ที่ระดับ 1,643.43 จุด เพิ่มขึ้น 0.03 จุด(+0.00%) มูลค่าการซื้อขาย 57,451.27 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวานนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันนี้ที่ระดับ 1,649.77 จุด และดัชนีแตะจุดต่ำสุดของวันนี้ที่ระดับ 1,639.49 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 305 หลักทรัพย์ ลดลง 348 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 133 หลักทรัพย์ น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ผันผวนในกรอบแคบ เคลื่อนไหวใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่แกว่งตัวบวก-ลบเล็กน้อย เนื่องจากตลาดฯกำลังรอถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐเฟด)ต่อสภาคองเกรสในเรื่องของเศรษฐกิจของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ และจับตาสัญญาณว่าจะเดินหน้ามาตรการ QE ต่อไปหรือไม่ ส่วนปัจจัยในประเทศต่างก็รอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)สัปดาห์หน้า ซึ่งคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเมื่อไรที่ภาพยังไม่ชัดเจน ตลาดก็ยังไม่กล้าที่จะขยับไปไหน และหากไม่มีปัจจัยบวกตลาดฯก็มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงมาได้ แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(22 พ.ค.)น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งแคบ เพื่อรอดูความชัดเจนในประเด็นดังกล่าวก่อน พร้อมให้แนวรับ 1,630 จุด แนวต้าน 1,650 จุด บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 พ.ค.) ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยดัชนีสูงสุดที่ระดับ 1,649.77 จุด ต่ำสุดที่ระดับ 1,639.49 จุด และปิดตลาดการซื้อขายที่ 1,643.43 จุด เพิ่มขึ้น 0.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,451.27 ล้านบาท ด้านตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ระดับ 489.21 ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,823.94 ล้านบาท ด้านสัดส่วนการลงทุน นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 1,359.48 ล้านบาท พอร์ต บล. ขายสุทธิ 190.68 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 692.68 ล้านบาท และ นักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 2,242.84 ล้านบาท น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในกรอบแคบ เคลื่อนไหวใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่แกว่งตัวบวก-ลบเล็กน้อย เนื่องจากตลาดฯ กำลังรอถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสในเรื่องของเศรษฐกิจของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ และจับตาสัญญาณว่าจะเดินหน้ามาตรการ QE ต่อไปหรือไม่ ส่วนปัจจัยในประเทศต่างก็รอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สัปดาห์หน้า ซึ่งคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ดังนั้น เมื่อปัจจัยที่รอยังไม่มีภาพที่ชัดเจน ตลาดก็แกว่งตัวแคบ ๆ ด้านแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (22 พ.ค.) คาดว่าตลาดหุ้นจะแกว่งตัวแคบๆ โดยมีแนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด ตลาดหลักทรัพย์ออกอาการเครียด หลัง MSCI Barra ผู้จัดทำดัชนี MSCI ออกแถลงการณ์ว่า INTUCH อาจขาดคุณสมบัติการเข้าคำนวณดัชนี หลังต้องการความชัดเจนว่า บริษัทแอสเพน โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ราว 42% เป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย หรือต่างชาติ โดย MSCI ระบุในแถลงการณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ให้การรับรองประเภทของผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH เป็นบริษัทสัญชาติไทยหรือต่างชาติ ซึ่งหากเป็นต่างชาติ MSCI ต้องทบทวนค่า Foreign Inclusion Factor (FIF) ของ INTUCH อีกครั้งว่า มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในดัชนี MSCI หรือไม่ ผู้บริหารในวงการตลาดทุนบอกว่า หากสรุปว่าแอสเพน โฮลดิ้งส์เป็นต่างชาติ จะส่งผลให้ INTUCH ขาดคุณสมบัติ เพราะจะทำให้จำนวนหุ้น หรือฟรีโฟลท ที่จะเหลือให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปถือหุ้นได้ลดลงเหลือเพียง 6% ตามกฎหมายโทรคมนาคมที่เปิดให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% แต่หากเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยก็จะทำให้มีจำนวนหุ้นหรือฟรีโฟลทสำหรับต่างชาติ 47% ถือว่าเข้าคุณสมบัติไม่มีปัญหา!! ทั้งนี้ เมื่อ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา MSCI ได้ประกาศให้ INTUCH HMPRO MINT และ TRUE เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Indices มีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป ก็ต้องติดตามดูว่า ผลจะออกมาอย่างไร และจะมีผลต่อราคาหุ้น INTUCH มากน้อยแค่ไหน!! ปิดท้ายหุ้น เด็กแนว เชียร์ SIRI-W1 กับ SENA ด้วยพื้นที่จำกัด จึงขอโฟกัสแค่ SENA ระบุว่าไตรมาสแรกซึ่งถือว่าแย่สุดผ่านไป ราคาหุ้นปรับลงจึงเป็นโอกาสสะสม เพราะไตรมาสหน้าจะฟื้นตัวกันส่วนใหญ่ ด้วยปัจจัยดอกเบี้ยในประเทศเตรียมเป็นขาลงแค่กระแสนี้ก็ช่วยให้หุ้นอสังหาหวือหวาได้ ขณะที่ SENA ประกาศงบไตรมาสแรกขยายตัวขึ้นเล็กๆ อันที่จริงควรจะดีกว่านี้ แต่รับรู้บางโครงการล่าช้าทำให้ผลักรายได้มาใน Q2 เต็มๆ สำหรับกำไรเต็มปีราว 360 ล้านบาท ขยายตัว 25% เป้าพื้นฐาน 5.20 บาท จุดเด่นบริษัทคือ PE ต่ำ ปันผลสูง อนาคตไกล แนวโน้มเทคนิคเป็นขาขึ้นเต็มตัวมีเป้าที่ 4.30 บาท แต่นิสัยหุ้นตัวนี้เหมาะกับการถือลงทุนจะดีกว่า วิ่งยาว กินคำโตได้เยอะ คุ้มค่ากว่ากัน!!
Create Date : 22 พฤษภาคม 2556 |
Last Update : 22 พฤษภาคม 2556 11:38:33 น. |
|
0 comments
|
Counter : 582 Pageviews. |
|
|
|
|
| |