SET... Panic Sell !! นักวิเคราะห์แนะ จัดพอร์ตหุ้นพื้นฐานดี
โบรกมองหุ้นไทยยังคงผันผวนเผชิญแรงขายปรับพอร์ต แนะเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีเข้าพอร์ต ทั้งกลุ่มสื่อสาร-พลังงาน-รับเหมาก่อสร้าง ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ( 20 มิ.ย.) แกว่งตัวลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ลงไปทำจุดต่ำสุดของวันนี้ที่ 1,390.33 จุด ลดลง 47.37 จุด และปิดตลาดที่ 1,402.19 จุด ลดลง 35.51 จุด หรือ 2.47% และมีมูลค่าซื้อขายรวม 70,113 ล้านบาท -นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ +1,604.07 ล้านบาท -บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ -483.31 ล้านบาท -นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ -6,354.35 ล้านบาท -นักลงทุนภายในประเทศซื้อสุทธิ +5,233.58 ล้านบาท นายเทิดศักดิ์ ทวีธีรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์บล. เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า การปรับตัวของตลาดหุ้นวันนี้ถือว่าไม่ใช่สิ่งที่น่าวิตกและเกินคาดหมาย เพราะหลังจากเฟดส่งสัญญานชัดเจนถึงระบะเวลาในการยุติ QE จึงทำให้มีการปรับพอร์ตโยกย้ายเงินทุนเพื่อรับสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องของตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นเพราะแรงขับเคลื่อนของสภาพคล่องส่วนเกินเหล่านี้ อย่างไรก็ตามในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นรวมทั้งตลาดหุ้นไทยที่ดันค่า P/E ขึ้นไปสูงถึง 18 เท่า จากสภาพคล่องส่วนเกินที่ล้นระบบ ขณะที่ปัจจุบันดัชนีปรับลงถึงระดับค่า P/Eเหมาะสมที่ 14-15 เท่า ซึ่งทำให้แรงกดดันของแรงขายลดลงมาพอสมควร แต่ยังคงเห็นภาพความผันผวน และหลังจากนี้ดัชนีจะถูกขับเคลื่อนด้วยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ดังนั้นนักลงทุนจะต้องใช้จังหวะที่ดัชนีปรับลงปรับพอร์ตให้เหมาะสมลดหุ้นเก็งกำไรลงมา และเพิ่มหุ้นพื้นฐานดีในพอร์ตประมาณ 40% ซึ่งขณะนี้หุ้นที่น่าสนใจมีหลายตัวที่มีอัพไซด์เพิ่มขึ้นสูงมาก แนะนำทยอยสะสมกลุ่มสื่อสาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวานนี้ที่ระดับ 1,394.35 จุด ลดลง 43.35 จุด(-3.02%) มูลค่าการซื้อขาย 37,406.21 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวานนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,413.39 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,390.33 จุด นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เคทีบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย หลังจากที่ผลการประชุมเฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม และประธานเฟดออกมากล่าวว่าคงจะต้องชะลอมาตรการซื้อสินทรัพย์ในปีนี้ และอาจจะยุติมาตรการในปีหน้า หากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นอย่างที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดรับรู้ปัจจัยดังกล่าวเร็วเกินไป เนื่องจากเฟดยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาตรการ QE เพราะหากจะมีการปรับลดจริงๆก็เป็นช่วงปลายปี จึงยังจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ในขณะเดียวกัน หากมีการหยุดหรือปรับลดมาตรการ QE ก็เชื่อว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก เพราะฟื้นตัวขึ้นมาทดแทนผลกระทบจากส่วนนี้ได้ ส่วนแนวโน้มในช่วงบ่ายมองว่าจะยังอยู่ในแดนลบต่อเนื่อง โดยคาดว่ากว่าที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะสามารถฟื้นตัวได้คงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3-4 วัน พร้อมให้กรอบแกว่งไว้ที่ 1,395 จุด และแนวต้าน 1,415 จุด นายกษมพนธ์ เหมนิลรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส และผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรงวันนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นเอเชียที่กังวลเกี่ยวกับการลดขนาดโครงการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด แต่การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้น วานนี้ ยังมีแรงซื้อกลับในช่วงท้าย โดยเป็นการซื้อหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มที่จะรีบาวน์ได้ แม้ว่าวานนี้จะมีแรงขายจากต่างชาติออกมามากก็ตาม แต่ก็มีการซื้อกลับของนักลงทุนสถาบันที่ยังมีความมั่นใจในตลาดหุ้นไทย การที่เฟดลด QE สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐปี 2557 น่าจะกลับมาเติบโตได้ ซึ่งสหรัฐเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก ดังนั้น น่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลกด้วย นายกษมพนธ์ กล่าว นายกษมพนธ์ กล่าวว่า ต่างชาติมีการเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงวันที่ 1-20 มิถุนายน 2556 มีการเทขายแล้วกว่า 40,000 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยปรับฐานลงมาร้อยละ 15 ซึ่งทางเทคนิคมองว่า เริ่มมีแรงขายมากเกินไป โดยในวันพรุ่งนี้ (21 มิ.ย.) ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อได้ แต่คงไม่มากนัก โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,370 จุด หรือเท่ากับ P/E ที่ 15 เท่า หากยืนเหนือระดับนี้ได้ ดัชนีจะมีโอกาสฟื้นตัวได้แรง โดยมีแนวต้านที่เป็นเป้าหมายที่ระดับ 1,470 จุด ในรอบนี้ ประกอบกับในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้ จะมีแรงพยุงหุ้นจากการปิดบัญชีในช่วงครึ่งปี. สถานการณ์ตลาดหุ้นตกอยู่ในความเลวร้ายสุดขีด เพราะแม้จะลงมาลึกแล้ว แต่แนวโน้มก็ยังลงได้ต่อ และอาจจะลึกกว่ารอบก่อน เนื่องจากปัจจัยลบถาโถม โดยเฉพาะปัจจัยจากภายนอก ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศถล่มขายไม่ยั้ง ส่วนนักลงทุนในประเทศ ซื้อจนแทบจะหมดแรงซื้ออยู่แล้ว ดัชนีวานนีปิดที่ 1402.19 จุด ลดลง 35.51 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น70,113 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 6,354 ล้านบาท ส่งท้ายสัปดาห์วันนี้ แทบไม่ต้องประเมินทิศทางตลาดแต่อย่างใด เพราะฟันธงได้เลยว่า ลงหนักแน่ เนื่องจากตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐคืนวันพฤหัสบดี ระเนระนาด แดงฉานกันทั่ว ทองคำดำดิ่ง ราคาน้ำมันทรุด ซึ่งจะส่งผลกระทบมาถึงตลาดหุ้นย่านเอเชีย รวมทั้งไทย จนทำให้ดัชนีรอบนี้ มีโอกาสสร้างจุดต่ำสุดใหม่ หลุด1350 จุดได้ สำหรับนักลงทุนรายย่อย รอบนี้คงเสียโอกาส เพราะเข้าผิดจังหวะ โดยรีบร้อนช้อนซื้อไปก่อน และทยอยเก็บมารตลอดทางขาลง ทำให้เงินจมลงไป และเหลือเงินสดน้อย แรงซื้อจากรายย่อยจึงอ่อนล้า ซึ่งหากต่างชาติถล่มหนักต่อ ราคาจะไหลรูด แต่ไม่ว่าดัชนีจะทรุดลงถึงระดับไหน ก็ยังไม่ควรรับกลับเข้าตลาด เพราะขาลงรอบนี้ ไม่น่าจะจบง่าย ราคาหุ้นที่ว่าถูกแล้ว ได้รับการพิสูจน์ว่า ยังมีถูกกว่า ดังนั้นจึงต้องถือครอเงินสด เพื่อรอจังหวะเวลาที่ดีกว่าในการเก็บของถูกจริง
Create Date : 21 มิถุนายน 2556 |
Last Update : 21 มิถุนายน 2556 8:57:08 น. |
|
0 comments
|
Counter : 609 Pageviews. |
|
|
|
|
| |