SET บวกแรง.. กองทุนซื้อหุ้นหนักมือ ต่างชาติขายต่อเนื่อง
โบรกมองแนวโน้มหุ้นวันนี้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ หลังรีบาวน์ขึ้นมาจากที่หลุดแนวรับ 1,350 จุด ให้แนวต้านแรก 1,396 จุด ผ่านได้ไปต่อที่ 1,422 จุด ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (25มิ.ย.) ยังคงปรับตัวผันผวนมากกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค โดยลงไปทำนิวโลว์ที่ 1,388 จุด หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,350 จุด ก่อนจะรีบาวน์ขึ้นมาได้ช่วงบ่ายขึ้นไปสูงสุดที่ 1,393.03 จุด เพิ่มขึ้น 28.94 จุด ก่อนจะปิดตลาดที่ 1,384 จุด เพิ่มขึ้น 20.54 จุด หรือ 1.51% และมีมูลค่าซื้อขายรวม 55,530 ล้านบาท -สถาบันซื้อสุทธิ +2,479.90 ล้านบาท -นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ -2,138.79 ล้านบาท -บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +1,241.46 ล้านบาท -นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ -1,582.56 ล้านบาท นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์บล.โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) กล่าวในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า แนวโน้มดัชนีวันนี้ (26 มิ.ย.) มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อทดสอบแนวต้านแรก 1,396 จุด และแนวต้านต่อไปที่ 1,422 จุด หลังจากวันนี้ลงไปทำนิวโลว์ที่ 1,338.81 จุด หลุดแนวรับสำคัญ 1,350 จุด แต่ยังรีบาวน์ขึ้นมายืนเหนือแนวรับนี้ได้ ซึ่งมองว่านักลงทุนต่างชาติท่ลงทุนระะยาวเริ่มกลับมาซื้อหุ้นบ้าง ขณะที่แรงขายของต่างชาติที่ลงทุนระยะสั้นชะลอลง ส่วนหุ้นที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติในรอบนี้เป็นหุ้นบิ๊กแคปพื้นฐานดี ปันผลสูง ซึ่งฝ่ายวิจัยแนะหุ้นแบงก์ BBL - SCB และหุ้นสื่อสาร และแนะนำว่าดัชนีระดับนี้เป็นจุดที่เริ่มทยอยซื้อได้ ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวานนี้ที่ระดับ ,384.63 จุด เพิ่มขึ้น 20.54 จุด(+1.51%) มูลค่าการซื้อขาย 55,530.73 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวานนี้ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนทั้งแดนบวก-ลบในช่วงเช้า ก่อนที่ช่วงบ่ายจะดีดตัวรีบาวด์ขึ้นมาแรงและปิดในแดนบวกได้ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,393.03 จุด ส่วนจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,338.81 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 409 หลักทรัพย์ ลดลง 346 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 112 หลักทรัพย์ นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยภาคเช้ามีความอ่อนแอ แต่ก็สามารถรีบาวด์กลับมาในภาคบ่าย หลังได้รับปัจจัยบวกมาจากตลาดหุ้นจีนที่ดีดตัวขึ้นมาได้จากที่ร่วงไปแรงกว่า 5% เมื่อทางการจีนออกมายืนยันว่าสถาบันการเงินยังแข็งแกร่ง รวมถึงตลาดยุโรปเปิดทำการวันนี้ปรับตัวขึ้นมาด้วย และค่าเงินบาทที่มีทิศทางเข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ประกอบกับ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปค่อนข้างมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ปรับตัวกลับขึ้นมาเป็นบวกได้ ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ยังอยู่ในทิศทางที่เป็นลบ มีเพียงตลาดฮ่องกงและสิงคโปร์ที่รีบาวด์กลับขึ้นมาบวกได้เล็กน้อย ส่วนแนวโน้มวันนี้(25 มิ.ย.)ต้องรอดูทิศทางดัชนีหุ้นดาวโจนส์คืนนี้หากฟื้นตัวขึ้นมาได้ก็อาจจะเป็นแรงส่งให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยไปได้ต่อ แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าดัชนีจะยังมีความผันผวนอยู่ พร้อมให้กรอบการแกว่งตัวของดัชนีไว้ที่แนวรับ 1,350-1,370 จุด และแนวต้าน 1,400-1,450 จุด นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยภาคเช้ามีความอ่อนแอ แต่ก็สามารถรีบาวด์กลับมาในภาคบ่าย หลังได้รับปัจจัยบวกมาจากตลาดหุ้นจีนที่ดีดตัวขึ้นมาได้จากที่ร่วงไปแรงกว่าร้อยละ 5 แต่เมื่อทางการจีนออกมายืนยันว่าสถาบันการเงินยังแข็งแกร่ง รวมถึงตลาดยุโรปเปิดทำการวันนี้ปรับตัวขึ้นมาด้วย และค่าเงินบาทที่มีทิศทางเข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ประกอบกับ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปค่อนข้างมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ปรับตัวกลับขึ้นมาเป็นบวกได้ ส่วนแนวโน้มวันนี้ (25 มิ.ย.) ต้องรอดูทิศทางดัชนีหุ้นดาวโจนส์คืนนี้หากฟื้นตัวขึ้นมาได้ก็อาจจะเป็นแรงส่งให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยไปได้ต่อ แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าดัชนีจะยังมีความผันผวนอยู่ พร้อมให้กรอบการแกว่งตัวของดัชนีไว้ที่แนวรับ 1,350-1,370 จุด และแนวต้าน 1,400-1,450 จุด ตลาดหุ้นไทยวันที่ 25 มิ.ย. 56 ยังมีบรรยากาศเหมือนหนังคนละม้วนระหว่างช่วงเช้ากับช่วงบ่าย นั่นคือ ขณะที่ช่วงเช้าตลาดยังคงอยู่ในแดนลบ เพราะเจอแรงทุบจนดัชนีร่วงกว่า 20 จุด ก่อนจะปรับตัวขึ้นมาหน่อยหนึ่งในช่วงปิดตลาดภาคเช้า โดยติดลบ 18.36 จุด แต่พอเปิดตลาดในช่วงบ่าย ดัชนีได้ค่อยๆปรับตัวขึ้นมาอยู่ในแดนบวกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนแตะระดับสูงสุดที่ 1,393.03 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,384.63 จุด เพิ่มขึ้น 20.54 จุด หรือบวก 1.51% มีมูลค่าการซื้อขาย 55,530.73 ล้านบาท การที่ตลาดหุ้นภาคบ่ายได้หวนกลับมารีบาวน์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการฟื้นตัวทางเทคนิค ภายหลังจากที่ช่วงเช้าดัชนีได้ไหลหลุดแนวรับที่ 1,350 จุด ทำให้มีแรงซื้อกลับคืนมา และอีกสาเหตุมาจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในประเทศจีนที่เร็วเกินคาดนั่นเอง เมื่อมีข่าวว่าทางการจีนออกมาการันตีสถาบันการเงินยังแข็งแกร่ง ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมายืนยันว่าไทยไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีน ทำให้บรรยากาศของตลาดหุ้นบ้านเราพลอยสดใสตามไปด้วย สำหรับหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ KBANK ปิดที่ 176.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท, ADVANC ปิดที่ 263.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท, CPALL ปิดที่ 37.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท, SCB ปิดที่ 157.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท และ JAS ปิดที่ 7.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท นักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายเหมือนเดิม โดยได้ขายสุทธิไป 2,132.06 ล้านบาท แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ นักลงทุนไทย หรือบรรดาแมลงเม่าทั้งหลายที่เคยเป็นพระเอกมาตลอดในการซื้อช่วยดันตลาด แต่เมื่อวานกลับเทขายสุทธิ 1,598.77 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นการเทขายเพื่อทำกำไร ได้แต่ภาวนาว่าคงไม่ใช่เพราะเสบียงกรังเริ่มหมด จนต้องยอมคัตลอสต์ หากเป็นเพราะเหตุผลอันหลัง ก็คงจะไม่ดีแน่สำหรับตลาดหุ้นบ้านเรา เพราะจะไม่มีนักสู้ผู้กล้ามาช่วยกอบกู้วิกฤติตลาดหุ้นไทย สำหรับตลาดหุ้นวันนี้ (26 มิ.ย.) หลับตาก็รู้ว่ายังคงมีความผันผวน เนื่องจากต่างชาติยังคงเทขายต่อเนื่อง จึงต้องเฝ้ามองสถานการณ์วันต่อวันอย่างใกล้ชิด โดยประเมินแนวรับที่ 1,350 จุด และแนวต้านที่ 1,400 จุด _________________
Create Date : 26 มิถุนายน 2556 |
Last Update : 26 มิถุนายน 2556 11:10:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 614 Pageviews. |
|
|
|
|
| |