|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
.....~~ว่าด้วยพม่า ตอนที่๑~~.....
ว่าด้วยพม่า ตอนที่๑
เนื่องด้วยสถานการณ์โลกปัจจุบัน จะไม่เอ่ยถึงพม่าเพื่อนบ้านชาวไทยก็กระไรอยู่ (ขออภัยที่เขียนบทความนี้ช้าไม่ทันกาลสักเล็กน้อย เพราะผู้เขียนเพิ่งจะมีบล็อกเป็นของตนเอง และขณะนี้กำลังวุ่นอยู่กับการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศสหราชอาณาจักรค่ะ) เพราะตอนนี้นับวันสถานการณ์การเมืองซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของพม่ามานานทวีความรุนแรงขึ้นมากแล้ว ประชาชนที่ถูกกดอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหาร(junta) ถึงแม้มีการลุกฮือบ้างก็ถูกรัฐบาลทหารปราบเรื่อยมา เรื่องนี้เป็นประเด็นหนึ่งในเวทีมานับตั้งแต่กลุ่มทหารเข้ามาแทรกแซงการเมือง ถึงอย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ทำให้พม่ากลายเป็นประเด็นร้อนให้หน่วยข่าวกรองการต่างประเทศทั้งสหรัฐ หรือประเทศที่มีอำนาจอื่นๆได้หาข่าวสนุกสนาน (ไม่อยากใช้ว่ามหาอำนาจ เพราะอาจมีคนแย้งว่า ตอนนี้ ระบบโลก หรือ world order นั้นมีสหรัฐเป็นเจ้าแห่งขั้วอำนาจโลกแต่เพียงผู้เดียว – unilateralism )ก็คือการใช้อำนาจปราบปรามการประท้วงของพระภิกษุ จุดนี้สะท้อนให้เห็นเลยว่า ประชาชนทนการปกครองครึ่งๆกลางๆของรัฐบาลพม่าไม่ไหวแล้ว ประกาศตัวอยู่ว่ามีการเลือกตั้งอย่างประชาธิปไตยแต่เอาเข้าจริงทหารกลับคุมอำนาจเบ็ดเสร็จหมด และจุดนี้เองทำให้รัฐบาลพม่า(ที่ไม่ได้อำนาจมาจากประชาชนพม่าอย่างบริสุทธิ์ หรือ consent - ความยินยอมจากประชาชน)โดนนานาประเทศรุมกดดันให้เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์เสียที อย่างไรก็ตามประวัติการเมืองของพม่าและระบอบรัฐบาลทหารเป็นเรื่องน่าสนใจมาก และจะนำเสนอในตอนต่อๆไปค่ะ
อีกสาเหตุหนึ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอเรื่องพม่าก็เพราะต้องการยกประเด็น globalisation ทางแง่เศรษฐกิจการเมืองนำมาเล่าสู่กันฟังด้วยค่ะ การที่ประเทศต่างๆในโลกได้กลายมาเป็นหน่วยสังคมย่อยๆใน global community (ขออภัยที่ต้องใช้ไทยคำอังกิดคำนะคะ)หมายถึงสถานะและบทบาทของประเทศๆหนี่งสามารถมีผลกระทบต่อประเทศอื่นๆได้ ยิ่งตอนนี้ความสำคัญของเศรษฐกิจนำหน้าความสำคัญทางการทหารและการเมืองด้วยแล้ว การที่พม่าถูกเรียกร้องให้มีการผลักดันความเป็นประชาธิปไตยนั้นสามารถมองได้ว่า แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่การสวมหน้ากากให้ดูดีเท่านั้น สาเหตุจริงๆแล้วก็คือบทบาทและสถานะทางเศรษฐกิจของเพื่อนบ้านชาวไทยต่างหาก ตอนนี้ขอยก Neo-Colonial dependence theory มาประยุกต์ใช้นะคะ ก่อนอื่น ทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด หรือ conspiracy theory ที่กล่าวไว้ว่าการที่ประเทศต่างๆในโลกมีความเจริญมั่งคั่งไม่เท่าเทียมกันเพราะประเทศที่มีอำนาจมากอยู่แล้วสมคบคิดกันใช้อำนาจที่ตัวมีอยู่ทำให้ประเทศที่จนกว่ายังคงความแร้นแค้นเหมือนเดิม เพื่อที่ตัวเองจะได้ใช้เป็นช่องทางส่งเสริมความร่ำรวยให้มากขึ้นไปอีก พูดง่ายๆ ก็คือการสร้างวงจรอุบาทว์ หรือ vicious cycle แต่ถ้าจะพูดให้ถูกสำหรับประเทศ(มหา)อำนาจเหล่านี้มันน่าจะเป็นวงจรประเสริฐ หรือ virtuous cycle มากกว่าค่ะ แล้วประเด็นนี้นำมาเกี่ยวกับพม่าได้อย่างไร ถ้ามองลึกลงไป การที่พม่าโดนเรียกร้องให้เปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยนั้นก็เพราะประเทศ(มหา)อำนาจจะได้สร้างผลประโยชน์จากพม่านั่นเอง โดยผ่านเครื่องมือและสถาบันต่างๆที่อยู่ในกรอบเวทีโลก เช่น สหประชาชาติกลายเป็นเวทีกดดันรัฐบาลพม่า แต่ที่น่าสนใจมากก็คือ จุดนี้เองเป็นการเบี่ยงเบนออกจากทฤษฎีที่กล่าวไว้ตอนต้น กล่าวคือ แทนที่ประเทศ(มหา)อำนาจจะสมรู้ร่วมคิดกันเองนั้น ก็มีส่วนที่เป็นจริงอยู่ แต่ที่สำคัญมากกว่านี้ก็คือ เราได้เห็นการต่อสู้ทางเศรษฐกิจโดยผ่านและยกประเด็นทางการเมืองและปรัชญาสังคมมาบังหน้า หรือใช้คำง่ายๆ เราได้เห็นว่าประเทศที่ทรงพลังแอบมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกและกัดกันเอง ตัวละครสำคัญในเวทีนี้ก็คือสหรัฐ รัสเซียและจีน อาจมีอินเดียมาเอี่ยวด้วย แต่นั่นยังไม่สำคัญมากในเวลานี้ สหรัฐอ้างความชอบธรรมของระบอบประชาธิปไตยว่าเป็นระบอบที่ให้ความสำคัญกับสิทธิ เสรีภาพอันเป็นสิ่งพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ รัฐบาลทหารพม่าตอนนี้ได้แต่จ้องจะล้มล้างชนกลุ่มน้อย นั่นมันผิดสิทธิมนุษยชนะเออ แล้วถ้าพม่าแข็งแกร่งขึ้นมาละก็ โอ้ว จะต้องเป็นพิษเป็นภัยต่อโลกแน่นอน แน่ะ โอย ดูดีค่ะ ดูดี
แต่ถ้าวิเคราะห์ลึกลงไปจะเห็นได้เลยว่า ตอนนี้จีนและรัสเซียมีอิทธิพลในพม่ามาก และจุดนี้เอง ทฤษฎีที่ได้กล่าวไว้ก็ย้อนกลับเข้ามา ก็คือกลุ่มชนชั้นสูง หรือผู้มีอิทธิพลในพม่า แทนที่จะสนใจยินดียินร้ายกับความเป็นอยู่ของประชาชน นั่น ไปเข้าร่วมกับต่างชาติเสีย ไม่ต้องบอกก็ทราบกันดีว่า เพราะตัวเองได้ประโยชน์ไปด้วย เห็นได้ชัดเลยคือ ปีที่แล้ว กันยายน ๒๕๔๙ สหรัฐร่างข้อมติให้บรรจุประเด็นพม่าไว้ในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ในที่ประชุมลงคะแนนเสียงสิบห้าชาติเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จีนและรัสเซีย สองในห้าประเทศมหาอำนาจ(ขณะจัดตั้งสหประชาชาติ)ยกมือใช้สิทธิวีโต้ อา ไม่ได้นา ไม่ได้ พวกเราไม่เห็นว่าพม่าจะทำให้โลกเดือดร้อนตรงไหนเลย อย่ากระนั้นเลย เรื่องจะนำประเด็นพม่ามาบรรจุในข้อร่างมติที่ท่านเสนอมานั้นให้ตกไปเถิด
ทำไมน่ะหรือ จีนที่มีพรมแดนติดกับพม่าเป็นผู้สรรหาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้รัฐบาลทหารพม่า มีการฝึกทหารให้พม่าด้วย รวมไปถึงมีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ สร้างโรงปุ๋ย สร้างโน่นสร้างนี่นั้นหมายถึงจีนเป็นผู้ได้ประโยชน์จากพม่าน่ะซี รัสเซียล่ะ โอ้ ถึงแม้พรมแดนจะห่างกันสักนิด แต่สายสัมพันธ์พม่ารัสเซียไม่ห่างกันเลย มีข่าวลือด้วยว่า พม่าพัฒนานิวเคลียร์ด้วยความช่วยเหลือจากรัสเซีย อื้อหือ เศรษฐกิจครับ เศรษฐกิจ ประโยชน์ส่วนตัว เอ้ย ส่วนประเทศไม่เข้าใครออกใคร
แล้วทำไมพม่าถึงน่าจับตามอง
อ้าว ก็ถ้ามีการผลัดการปกครองขึ้น ท่านผู้อ่านลองคิดดูนะคะว่า ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากตรงนี้มากที่สุดจะเป็นใคร แต่นแต๊น ก็ต้องเป็นผู้ที่เที่ยวไปป่าวประกาศปาวๆให้ชาวโลกรุมกดดันพม่านั่นแหล่ะค่ะ ถ้าพม่าเปลี่ยนระบอบเมื่อไหร่ ย่อมหมายถึง ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับจีนและรัสเซียมีโอกาสสูงมากที่ต้องปิดตัวลง แล้วสหรัฐนั่นแล จะเข้าไปเอาผลประโยชน์ได้สบายใจเฉิบ มองจากมุมหนึ่งมันก็น่าเข้าใจนะคะว่า อา ทุกประเทศก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นจะอยู่รอดในโลกาอันเต็มไปด้วยการแข่งขันได้ฤา จริงอยู่ค่ะ แต่แหม มองจากอีกมุมมันก็ อ้าวเฮ้ย แล้วสหรัฐถือดียังไงไปจ้องฮุบผลประโยชน์เยี่ยงนี้เล่า การที่คุณเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกมันหมายถึงว่าคุณมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะให้ทั้งโลกตกอยู่ภายใต้อำนาจของคุณอย่างนั้นหรือ (คำถามนี้มันหยั่งลึกไปถึงคำถามทางปรัชญา เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่า ปรัชญา เศรษฐศาสตร์ การเมืองควรจะอยู่ควบคู่กัน) วันนี้ว่าเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก ไว้โอกาสหน้ามาว่าต่อเรื่องประวัติศาสตร์การเมืองของพม่ากันต่อนะคะ
แต่ก่อนอื่น ฝากให้คิดต่อกันว่า เอ แล้วถ้าพม่าเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นประชาธิปไตยอย่างที่สหรัฐอยากให้เป็นจริงๆ มันมองให้กว้างๆได้อีกว่า แล้วการที่สหรัฐเที่ยวประกาศปาวๆ(อย่างที่ชอบทำบ่อยๆ)ว่า โอ้ ยู ประชาธิปไตย ออร์ เดม๊อคเครซี่นี่มันดีอย่างนั้นอย่างนี้เนี่ย มันเหมาะสมกับทุกประเทศจริงๆนะหรือ ไว้ประเด็นนี้จะว่าในโอกาสต่อไปที่พูดถึงอะไรที่กว้างๆกว่าพม่าละกันนะคะ
Create Date : 13 ตุลาคม 2550 |
|
7 comments |
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 3:22:02 น. |
Counter : 477 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Guy IP: 58.8.2.236 13 ตุลาคม 2550 22:14:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต้น IP: 202.28.181.10 14 ตุลาคม 2550 19:02:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: wbj 15 ตุลาคม 2550 1:14:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: nanoguy 15 ตุลาคม 2550 2:17:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: nanoguy 15 ตุลาคม 2550 2:19:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เม้นไงอ่ะๆ
เห้ย! เม้นอยู่นี่หว่า!?
55+
แป๊กเล่นๆ อย่าว่ากันนะๆ
บทความก็ใช้ภาษาได้เป็นกันเองดีนะ
ไว้ว่างๆจาแวะมาอ่านอีกๆ src=https://www.bloggang.com/emo/emo6.gif>