Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 4 โอซาก้า



วันที่ 4 12 เม.ย. 51 Osaka

วันนี้เราอยู่โอซาก้าเป็นวันสุดท้าย และตั้งใจจะเก็บที่เที่ยวที่สามารถเข้าฟรีได้ตามบัตร Osaka Unlimited Pass ให้ได้ตามที่หมายตาไว้ บัตรนี้สามารถเข้าสถานที่ต่าง ๆ ได้ฟรีถึง 25 รายการ แต่เราเลือกเอารายการเจ๋ง ๆ ไว้ 6 รายการคือ
- วัด Tennoji
- ปราสาทโอซาก้า
- รถรางนั่งเข้าไปปราสาทโอซาก้า
- ล่องเรือ Santa Maria
- WTC Observation Desk
- Umeda Sky Building

ทั้งหมดนี้ก็เกินมูลค่าตั๋วไปเยอะแล้ว ยังไม่รวมกับรถใต้ดินที่เราเดินทางได้ไม่จำกัดอีกด้วย เรามาเริ่มโปรแกรมสุดคุ้มของวันนี้กันเลยดีกว่า
โปสเตอร์บัตร Osaka Unlimited Pass



วันนี้ออกตัวเช้าหน่อย เตรียม check out แล้วก็ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม คืนนี้ค่อยมารับ แล้วก็จับรถไฟใต้ดินไปวัน Tennoji กันเลย





ตุ๊กตาหินระหว่างทาง เห็นคนเอาดอกไม้ และธูปไปไหว้กัน แต่เราไม่รู้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรเหมือนกัน


ดอกไม้สวย ๆ ระหว่างทางจากวัด Tenoji มาปราสาทโอซาก้า









ต่อจากวัด Tennoji เราก็นั่งรถไฟใต้ดินต่อไปเที่ยวปราสาทโอซาก้า เดินขึ้นมาก็หลงทิศเล็กน้อย แล้วก็เดินไปขึ้นรถ Tram ที่จะพาเราแล่นผ่านสวนรอบ ๆ ปราสาท และไปส่งเราที่ประตูชั้นในที่จะเข้าปราสาท ไม่ต้องเดินไกล



ระหว่างสองข้างทางเข้าปราสาท ปลูกต้นซากุระอยู่ทั้งแนว แต่ดอกซากุระที่นี่เริ่มหลุดจากต้นแล้ว เนื่องจากเมื่อคืนก่อนที่เราจะมา มีฝนตก แต่มองไกลๆ ก็ยังสีชมพู้ ชมพูสวยอยู่ แล้วรถก็พาเรามาถึงประตูทางเข้า แต่เราก็ต้องเดินขึ้นเนินไปอีกเพื่อเข้าสู่ตัวปราสาท

ซากุระอีกแล้ว





ถ่ายฝาท่อหน่อย สีสวยด้วย



ปราสาทโอซาก้าแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นมาใหม่หลังจากที่ของเดิมได้ถูกระเบิดทำลายลงไปในช่วงสงครามโลก ดังนั้น ภายในปราสาทจึงทันสมัย ผิดกับรูปลักษณ์ปราสาทภายนอก เมื่อเราเข้าไปในตัวปราสาท เราก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นบนสุด แล้วเดินขึ้นบันไดต่อไปอีก 1 ชั้น เพื่อขึ้นไปชมชั้นบนสุดของปราสาท ซึ่งเป็นจุดชมวิวเมืองโอซาก้าในมุมสูง



ปลายจั่ว เป็นรูปปั้นปลาสีทองด้วย



จากนั้นก็เดินลงบันไดมา ซึ่งแต่ละชั้นก็มีจัดแสดงรูปภาพ ของสะสม และประวัติเกี่ยวกับตัวปราสาทและเมืองโอซาก้า ซึ่งเราก็ดูมั่งผ่านมั่งไปตามเรื่อง แต่ก็ทำให้การเดินลงบันไดมาหลาย ๆ ชั้นไม่ปวดเข่าเลย เพราะเดินลงบันได สลับกับเดินดูนิทรรศการแต่ละชั้น เลยไม่เมื่อยมาก

จบจากปราสาทแล้ว เราก็จะไปนั่งเรือ Santa Maria ซึ่งท่าเรืออยู่แถว Tempozan โดยนั่งรถไฟใต้ดินไปเกือบสุดสาย ซึ่งพอออกนอกเมืองก็กลายเป็นรถวิ่งบนดินไปแล้ว จากสถานีรถไฟ ต้องเดินไปไกลพอสมควร เลยแวะกินข้าวเติมพลังงานก่อน เราแวะกินอาหารกลางวันที่ร้านข้างทาง เป็นร้านโอโคมิยากิ หรือพิซซ่าญี่ปุ่น โดยจะมีกระทะตั้งอยู่บนโต๊ะ ทุกโต๊ะ เมื่อทางร้านผัดยากิโซบะ หรือโอโคมิยากิเสร็จแล้ว จะนำมาเทลงบนกระทะของเรา จากนั้น เราก็จะปรุงรสนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วก็ค่อย ๆ ตักกินกัน ทำให้เราได้กินอาหารร้อน ๆ ตลอดเวลา

โอโคมิยากิร้อน ๆ


ยากิโซบะห่อไข่



แต่ขอนินทาหน่อย ว่าเตาดำมาก พอเจ้าของร้านเผลอ เราก็แอบเอาน้ำราด แล้วเอากระดาษเช็ด กระดาษที่เช็ดออกมาดำปิ๊ดปี๋เลย เลยช่วยกันขัดซะเอี่ยมอ่อง คนมากินต่อจากโต๊ะเรานี่โชคดี(หรือร้ายหว่า) จริง ๆ เลย อืม ไม่รู้เป็นพวกลิ้นจรเข้หรือเปล่า แต่มื้อนี้อร่อยอีกแล้ว กินเสร็จแล้ว เราก็เดินต่อไปที่ Tempozan ผ่านชิงช้าสวรรค์อันใหญ่ ๆ ด้วย แต่ไม่ได้ขึ้น เพราะเสียเวลา คาดการว่า ถ้าขึ้นไปคงต้องอยู่บนนั้นไม่ต่ำกว่าชั่วโมง เพราะวงใหญ่มาก และหมุนช้า จนตอนแรกคิดว่าไม่ได้เปิดบริการ



ส่วนท่าเรือของเราก็อยู่ตรง Osaka Aquarium เราเข้าไปแลกตั๋ว แล้วก็ต่อแถวรอเลย เพราะใกล้เวลาพอดี เรือโจรสลัดพาเราและสมาชิกคนอื่น ๆ ซึ่งมีแต่เด็ก ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่ค่อยมีคนแก่แบบกรุ๊ปเราซักเท่าไหร่

เรือ Santa Maria ถ่ายรูปแบบเต็ม ๆ ลำไม่ทัน เพราะเรือแล่นมาเร็วมาก พอมาแล้วก็ออกนอกแถวไปเล็งมุมไม่ได้ เหตุการณ์ไม่เป็นใจให้ถ่ายรูปจริง ๆ



ล่องเรือชมวิวไปตามริมอ่าวโอซาก้า เห็นรถไฟเหาะใน Universal Studio ด้วย ป้า ๆ ต่างก็รีบไปถ่ายรูปกับรางรถไฟฟ้ากันใหญ่ ประมาณว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ชั้นก็ได้ขึ้นรถไฟเหาะมาแล้ว แม้ว่าจะสบักสะบอมไปหน่อยก็ตาม

วิวระหว่างล่องเรือ









หมดรอบแล้ว เรือกลับมาจอดที่ท่า คือ Osaka Aquarium


แวะเข้าห้องน้ำซะหน่อย ชอบจังเลย ห้องน้ำแม่ลูกอ่อน ห้องน้ำที่นี่ Modern มาก ๆ ต้องไปลองใช้ดูนะคะ (ตื่นเต้น เล่นอุปกรณ์ในห้องน้ำจนแม่บ้านญี่ปุ่น แอบขำกันใหญ่)



แล้วเราก็ไปต่อกันที่จุดหมายถัดไป คือ WTC Observation Desk ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจาก Tempozan เท่าไหร่ โดยย้อนมาขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีเดิม แล้วไปต่อรถไฟฟ้าสายใหม่ (New Tram) ซึ่งรถไฟฟ้าสายนี้ไม่ใช้คนขับ ตอนแรกที่ขึ้นก็ยังกะว่าคนขับยังไม่มาแว่บออกมาถ่ายรูปกับรถดีกว่า ที่ไหนได้ ยังไม่ทันได้ก้าวออกไป รถก็ดันออกตัวไปซะนี่ ดีนะที่คิดช้า ไม่งั้นคงตกรถแน่ ๆ เลย จากสถานีรถไฟฟ้าที่เราลง เดินแค่ประมาณ 100 เมตรก็จะถึงตึก WTC แล้ว ถ้าเดินไปตามถนน แต่เราไม่ค่ะ เราเห็นว่ามีทางเดินเชื่อมตึกได้ เลยเลือกไปทางนั้น ทำให้เสียเวลามาก ๆ เลย เพราะเดินได้ช้า แวะหยุดดูของตามร้านต่าง ๆไปตลอดทางเลย เฮ้อ กว่าจะถึงตึกที่หมายก็เสียเวลาไปเกือบชั่วโมง ขึ้นไปชมวิวในมุมสูง ดูแล้วหวิว ๆ ดี



จุดที่น่าสนใจของเราอีกจุดหนึ่งคือ Marine time Museum ขอสารภาพว่า ไม่ได้สนใจเรื่องความรู้หรอก แต่สนใจว่าเราจะเข้าไปเที่ยวในพิพิธภัณฑ์นั้นได้ด้วยวิธีไหน เนื่องจากตั้งอยู่กลางน้ำ และไม่มีสะพานข้าม หรืออะไรที่เราสามารถข้ามไปได้เลย ทำให้เราอยากพิสูจน์ว่า จะเข้าไปได้ยังไง มีการขุดอุโมงค์ใต้น้ำ หรือทำท่อในทะเลเดินไปหรืออย่างไร เสียดายไม่มีเวลา เพราะต้องเดินไปอีกไกลพอควร เวลาไม่มีแล้ว



ชมวิวเสร็จแล้ว ก็กินข้าวกันที่ตึกแถว ๆ นั้น แล้วก็เดินทางกลับที่พักเลย ไม่ได้ไปสวนลอยฟ้าที่ Umeda แล้วเพราะเย็นนี้เราต้องย้ายเมืองไปนอนเกียวโต ไปดึกมากคงไม่ดีแน่ เราก็เลยตรงกลับโรงแรมไปลากกระเป๋าออกมาขึ้นรถไฟต่อ โดยครั้งนี้เราซื้อ Single ticket ราคาตั๋วที่นี่ไม่ว่าจะนั่งแบบหวานเย็นหรือแบบด่วน ก็ราคาเท่ากัน ซึ่งถ้าเราไปลงที่สถานใหญ่ ๆ ก็จะรวดเร็วดีมาก เพราะrapid train ที่เราเลือกนั้น ถึงแม้ว่าจะออกตัวช้ากว่า Local train ถึง 10 นาที แต่เราไปถึงเกียวโตก่อนขบวนนั้นเสียอีก เพราะจอดแค่สถานีเดียว จอดอีกครั้งก็เกียวโตเลย ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 29 นาที เมื่อถึงเกียวโต เราก็เดินไปขึ้นรถเมล์สาย 206 ซึ่งนั่งตรงไปถึงที่พักเลย ระหว่างที่ลากกระเป๋าต๊อกแต๊กขึ้นรถไป ก็มีแม่บ้านชาวญี่ปุ่นผู้มีน้ำใจ ถามว่าเราจะไปไหน ก็เลยเอาแผนที่ให้เค้าดู ปรากฎว่า เธอบอกว่าเรานั่งรถเมล์ผิดสาย ต้องลง โอ้ย หัวใจแทบจะหยุดเต้นเลยนะ เพราะกว่าจะรอรถเมล์ กว่าจะลากกระป๋าขึ้นรถเมล์มาได้ ถ้าต้องลงกลางทางเนี่ย ชั้นโดนรุมแน่ ๆ เลย พอรถจอดป้ายปึ๊บ ก็รีบเดินไปถามคนขับรถเมล์ คนขับบอกว่าผ่าน เฮ้อ ค่อยโล่งใจหน่อย
เรานั่งรถเมล์มาประมาณ 40 นาทีจึงถึงที่พัก ต้องจับเวลาไว้ด้วย เพราะจะได้คำนวนเวลาถูกในวันกลับ ที่พักเราไกลจัง ตอนจองเนี่ย ความจำเป็นบังคับ เพราะที่พักที่พึงใจดันเต็มซะหมด ขนาดจองล่วงหน้า 4 เดือนนะเนี่ย แล้วเราดันเปลี่ยนตารางเที่ยวอีก ที่พักแรกที่จองไว้เต็ม เลยต้องหาใหม่ ยุ่งจริง ๆ แล้วเราก็มาถึง Tani House จนได้ จากถนน ต้องเดินเข้าซอยมืด ๆ ไปประมาณ 100 เมตร แถวนี้เป็นบริเวณที่อยู่อาศัยของชาวเมือง ค่อนข้างสงบ

ที่พักที่เราเข้าไปนั้น อืม ไม่เหมือนกับบ้านของคนญี่ปุ่นที่เรานึก เราคิดว่าจะพบกับบ้านโล่ง ๆ ไม่ค่อยรก แต่สิ่งที่เราเห็นนั้นช่างต่างจากที่คิดโดยสิ้นเชิงบ้านค่อนข้างรก และสกปรกใช้ได้เลยหล่ะ เมื่อเราไปถึง คุณป้าเจ้าของบ้านบอกว่า คืนนี้ห้องที่จองไว้ยังไม่ว่าง เพราะคนที่พักอยู่ก่อนยังไม่ออกไป ต้องนอนห้องแบบห้องน้ำรวมไปก่อน 1 คืน คืนพรุ่งนี้ค่อยย้ายห้อง อ้าว ไหงเป็นงั้นไปล่ะป้า เรารึอุตส่าห์โทร confirm ครั้งแล้วครั้งเล่าจนยังนึกรำคาญตัวเองอยู่เลย ว่าทำไม่เป็นคนย้ำคิดย้ำทำแบบนั้น ทุกครั้งเน้นย้ำว่า เราต้องมีห้อง และได้ห้องที่มีห้องน้ำในตัว แล้วดูสิป้าทำกันได้ ห้องที่ป้าพาเราไปดูนั้น ตัวห้องก็พอรับได้ แต่กลิ่นที่เข้ามานี่สิ ไม่ไหวเลย ประตูของห้องอยู่ตรงกับห้องส้วม ซึ่งกลิ่นฉี่โชยมาตลอด เวลาเปิดประตูห้อง ไปปิดประตูห้องส้วม ซึ่งกลิ่นนี้มาจากห้องส้วมชาย ส่วนห้องส้วมหญิง กลิ่นพอรับได้ แต่จะเหม็นมากเวลาไปแปรงฟัน เพราะอ่างล้างหน้าอยู่หน้าห้องส้วมทั้งสองพอดี ระหว่างที่ไม่อยากได้ห้องนั้น เราก็คิดว่า แอบไปหาห้องเอาดาบหน้าแถว ๆ นั้นดีกว่า เผื่อมี Guesthouse อื่น ๆ แถว ๆ นี้ (ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยมีความหวังเท่าไหร่ เพราะขนาดจองล่วงหน้ามายังไม่มีห้องเลย)

ปรากฎว่านอกจากเราจะหาที่พักใหม่ไม่ได้แล้ว เมื่อกลับที่พัก เรายังโดนยัยป้าด่าอีกต่างหาก เนื่องจากป้ารู้แกว ว่าแอบไปหาที่พักมาแน่ ๆ เลย เลยโดนบ่นซะหูชาไปเลย เถียงก็ไม่ได้ด้วย เอ๊ะ ป้าผิดสัญญากะเราก่อนนะเนี่ย สรุปแล้วเลยโดนป้าจับจ่ายตังค์ 3 คืนรวดเลย ไม่จ่ายก่อนก็ไม่ได้ เพราะป้าจะไม่ให้พักแล้ว ให้ไปหาที่อื่นเลย ป้าเค้าโหดขนาดว่า ระหว่างที่เราหายตัวไปนั้น แม่เราจะเข้าห้องน้ำ ป้าแกยังไม่ยอมให้เข้าเลย ต้องปวดฉี่รอจนจ่ายเงินเสร็จถึงจะได้เข้า สุดท้ายก็เลยจำใจนอน คืนนี้บรรยากาศหดหู่และเครียดสุด ๆ และเราทุกคนตัดสินใจไม่อาบน้ำ แค่แปรงฟันอย่างเดียวแล้วก็นอนเลย พรุ่งนี้ได้ห้องใหม่แล้วค่อยอาบดีกว่า เครียด เครียด เครียด



Create Date : 12 ตุลาคม 2551
Last Update : 12 ตุลาคม 2551 9:56:44 น. 3 comments
Counter : 4808 Pageviews.

 
น่าไปมากๆ จะมีโอกาสมั้ยนะเรา


โดย: uptooil IP: 124.157.148.63 วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:11:03:16 น.  

 
ถ่ายรูปสวยจังค่ะ โดยเฉพาะภาพแรก
อยู่ญี่ปุ่นแต่ไม่เคยไปเที่ยวโอซาก้าเลย


โดย: หนูริวจัง วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:20:45:43 น.  

 
ยายป้าจอมโหด
เป็นผมขอตื๊บซักทีเหอะ


โดย: sor58 วันที่: 18 ตุลาคม 2551 เวลา:11:26:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นู๋Poopy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




http://fastwebcounter.com
Friends' blogs
[Add นู๋Poopy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.