Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 

นางฟ้าหัวใจบิ๊กไซส์ 03



คุยกันหน่อยค่า...

นิยายเรื่องนี้ยังไม่ได้ตรวจทานแบบละเอียดนะคะ ลงๆให้อ่านก่อนเพราะเห็นอากาศร้อน
คนหงุดหงิดเยอะๆจะได้มีที่ผ่อนคลาย อย่างน้อยก็พอได้อ่านกันเพลินๆเนาะ ^ ^

ช่วงที่เขียนนิยาย นางฟ้าหัวใจบิ๊กไซส์ พลอยก็สมองรวนเพราะอากาศร้อน
และเพราะฤทธิ์คนมากหน้าหลายตาที่เข้ามาในชีวิตเช่นกันค่ะ
เรื่องนี้พอเขียนออกมาก็เลยค่อนข้างจะไม่เหมือนงานอื่นๆที่ใครต่อใครเคยผ่านตา
แต่เนื่องจากตัดสินใจว่า อัพๆไปเถอะน่ะ ดีกว่าปล่อยบล็อกร้าง จึงได้มาดังที่เห็น

ยอดวิวหลังบล็อกทำให้ใจชื้นขึ้นมาอีกครั้งว่ายังมีหลายท่านตามอ่านให้กำลังใจสม่ำเสมอ
ขอบคุณนะคะ

ตามที่สัญญากันไว้...นิยายใหม่จะมาอัพช่วงปลายเดือนค่ะ
ตอนนี้สมาชิก (555+ พูดเหมือนคนเยอะเนาะ อายจัง) กำลังเตรียมพล็อตกันหัวฟู
ถ้ามาลงเมื่อไหร่คงได้มีโอกาสทักทายทั่วๆกันอีกครั้ง

Ploy666.

**************************************************


นางฟ้าหัวใจบิ๊กไซส์ 03
ผู้แต่ง ploy 666 (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)



...อย่างแรกเขาอยู่ไกลเกินกว่าที่จะพูดอะไรแล้วหล่อนได้ยิน ต่อให้ตะโกนด้วยเอ้า เพราะตอนนั้นเสียงคนที่กำลังกรี๊ดแสบแก้วหูดังกระหึ่มรอบตัว ฟุ้งฟ้ายังจำได้ดีนัก

...อย่างที่สองคือเขาไม่น่าจะเคยรู้จักชื่อหล่อนมาก่อน

ฟุ้งฟ้าหมกมุ่นกับความคิดที่ไร้จุดหมายปลายทางพวกนี้มาตลอดคืนที่นั่งรถทัวร์กลับบ้าน หลังจากที่เสียงโทรศัพท์ดังกังวานทำให้หล่อนรู้ว่าได้เวลานัดหมายยังลานจอดรถของโรงพยาบาลและค่อยๆถอยผ่านกลุ่มคนเดินย้อนออกมาทางเดิม

โชคดีที่นายแพทย์ยุทธภูมิไม่สนใจค้นหาสาเหตุแห่งความเงียบขรึมผิดปกติของหลานสาวมากมายนัก

เนื่องจากลงความเห็นไปเมื่อตอนคุยกันแล้วว่าฟุ้งฟ้าเกิดอาการควบคุมอารมณ์ไม่ได้อย่างกะทันหันและเห็นภาพหลอนเล็กน้อยจากฤทธิ์ข้างเคียงของยาลดความอ้วน

เชื่อเถอะว่านับจากนี้ท่านจะไม่ให้หล่อนได้แตะยาช่วยลดน้ำหนักต่างๆอีกเลยตลอดชีพ

ฉะนั้นทางเลือกดูดไขมันก็ไม่เลวเกินไปนักเมื่อเทียบกับความคิดที่ว่าหล่อนหมดโอกาสสวยได้ทันอกทันใจ

ฟุ้งฟ้าทำเป็นมองข้ามข้อเสียซึ่งอันตรายถึงชีวิตไป

หล่อนลืมว่าการดูดไขมันไม่เหมือนการแอบซุกเอาฝุ่นที่เราขี้เกียจเก็บกวาดไปซ่อนใต้พรมปูห้อง ฝุ่นพวกนี้จะเปิดมากำจัดอีกทีเมื่อไหร่ก็คงได้ แต่ชีวิตมันเป็นอะไรที่ยากเย็นเกินกว่าจะทำแบบขอผ่านไปทีเช่นนั้น!

หญิงสาวพาร่างอวบอิ่มเกินพิกัดของตัวเองผ่านเข้าประตูรั้วไปอย่างอุ้ยอ้ายหลังลงจากรถตุ๊กตุ๊กรับจ้าง หล่อนไม่อาจปฏิเสธอาการปวดข้อเข่าที่บางครั้งทำให้การเดินเหินของตนเองไม่สะดวกง่ายดายดังควร

ร่มไม้ใบหนาช่วยให้อากาศยามเช้าร่มรื่นเกินกว่าจะนำพาความหงุดหงิดจากการนอนหลับไม่สนิทบนรถทัวร์ไปแพร่เชื้อให้คนอื่น รอยยิ้มกว้างจึงถูกเลื่อนมาแปะเคียงกับแก้มยุ้ยๆหราเมื่อมองเห็นตัวบ้านที่ปลูกสร้างแบบครึ่งตึกครึ่งไม้หลังใหญ่ตามแปลน ‘ฮิต’ ของคนต่างจังหวัดสมัยนี้

“ฟุ้งกลับถึงบ้านแล้วจ้า!”

หล่อนตะโกนลั่นๆส่งเสียงดังกังวานใสไปก่อนตัว

เด็กชายร่างผอมเกร็งวัยประมาณสิบขวบอีกคนที่นั่งสัปหงกยังเก้าอี้ไม้ตัวยาวแบบต่อเองฝีมือหยาบๆ สะดุ้งตื่นและร้องบอกต่อราวกับตั้งเวลา

“ป้าศรีนวล! ปู่เปรียง! ใครยังไม่ตื่นก็ลุกได้แล้ว พี่ฟุ้งกลับมาถึงแล้ว ออกมาไวๆ”

ฟุ้งฟ้าหัวเราะพุงกระเพื่อมอย่างชอบใจเมื่อความเงียบสงบรอบกายหายวับไปในพริบตา

มีแต่เสียงโวยวายโหวกเหวกมาจากในบ้าน เสียงฝีเท้าวิ่งตุ้บตั้บลงมาจากบันไดชั้นบนบ้างล่ะ ก่อนที่สี่ร่างเล็กๆของพ่อแม่และปู่ย่าจะมะรุมมะตุ้มเข้ามาแย่งกันกอดรับขวัญราวกับไม่เจอหล่อนมากันเกือบๆสิบปี

“ไหน...โถ ฟุ้งฟ้าลูกแม่...” ศรีนวลโอดครวญและพยายามโอบรอบเอวของบุตรี

แต่ฟุ้งฟ้ากลับกระเถิบหนีพลางทำหน้าเบ้เล็กน้อย

“แม่อย่าเอานิ้วจิ้มเอวฟุ้งสิ”

“ขอโทษๆ แม่ไม่รู้ว่าตรงไหนเป็นเอวฟุ้งนี่นา”

ชายชราที่ยืนจับมือหลานสาวยึดไว้อีกข้างราวกับเป็นสมบัติส่วนตัว ค้อนอย่างขวางๆให้ลูกสะใภ้ แต่ปากก็หันไปกล่าวกับลูกชายของท่านที่เอาแต่ยิ้มปลาบปลื้มไม่หุบพลางลูบศีรษะฟุ้งฟ้าอยู่ไม่วางมือ

“ดูเมียเอ็งพูดจาเข้าสิไอ้โชค เดี๋ยวหลานข้าก็ใจเสียคิดว่าคนที่บ้านล้อเลียนกันพอดี ถึงเชื้อสายทางบ้านเรามันจะไม่มีใครอ้วนมาก่อนเลยแต่ทางฝั่งแม่ศรีนวลเขาก็เคยบอกเองว่ามี ของแบบนี้เขาว่ากรรมพันธุ์มันแรง ไม่ใช่ความผิดของเด็กมันสักนิด”

“อ้าว! พ่อพูดอย่างงี้มันก็ไม่สวยนา” ศรีนวลขัดขึ้น

“เรื่องอะไรชักโคตรเหง้าเอามาด่ากัน ทำไมไม่โทษแม่บ้างว่านมกระป๋องยี่ห้อที่เอามาขุนหลานตอนเล็กๆเร่งให้โตน่ะมันออกฤทธิ์มากเกินไป พอพ้นวัยก็เลยลดน้ำหนักไม่ลง ฉันเองเห็นแก่หัวหงอกหัวดำเลยไม่อยากเท้าความให้ฟุ้งมันฟังมานานแล้ว”

ย่าฝาดที่กำลังยงโย่ยงหยกเตรียมหาช่องเข้าไปรับขวัญหลานสาวอย่างใกล้ชิดบ้างถึงกลับชะงัก ถอยออกมาถ่มน้ำหมากที่เคี้ยวลงกับพื้นถลกผ้านุ่งกางขาหราอย่างเตรียมเอาเรื่องกับลูกสะใภ้

“เอ็งอย่ามาพาดพิงข้านะศรีนวล”

“หรือแม่จะบอกว่าฟุ้งมันไม่ได้โตเอาๆเพราะนมกระป๋องที่แม่แอบเอาให้กิน” ศรีนวลท้าทาย

ช่วงคลอดฟุ้งฟ้าใหม่ๆคราวที่ใครต่อใครก็เห่อหลาน แม้ศรีนวลจะพยายามให้นมแม่แก่ทารกตัวน้อยแล้วยังมีบรรดาผู้หวังดีทั้งหลายข่มเหงน้ำใจโดยแอบเอานมกระป๋องให้ฟุ้งฟ้ากินเป็นระยะ จนในที่สุดเมื่อจับได้ไล่ทันก็ปรากฏว่าฟุ้งฟ้าน้ำหนักขึ้นเอาๆแถมยังกินแค่นมแม่ไม่อิ่มเพราะกระเพาะขยายไปถึงไหนต่อไหนเกินกำลังควบคุมได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

ย่าฝาดเองก็ไม่เบาเมื่อกล่าวแก้ว่า

“ก็เอ็งนั่นแหละบ่นว่าปวดหลังเมื่อยกระดูกทำให้ข้าต้องเอาฟุ้งไปเดินเล่นบ่อย เด็กมันร้องไกลบ้านจะให้วิ่งโร่เอากลับมาหาแม่ทุกหนได้ยังไงวะ”

นมกระป๋องสำหรับทารกชงใส่ขวดพกพาไปไหนมาไหนสบายใจ

ฟุ้งฟ้าอยากส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแต่คออวบเป็นปล้องที่มองแทบไม่เห็นส่วนต่อระหว่างศีรษะกับลำตัวทำให้ไม่อาจทำกิริยานั้นได้

หล่อนรู้ดีกว่าใครว่าย่าฝาดเป็น ‘ขาเม้าท์’ ประจำหมู่บ้านแค่ไหน เรือนใดหลังคาชำรุด...หูหม้อหลุด...ควายหาย ย่าฝาดเป็นรู้ดีกว่าใครๆเสมอจนได้ตำแหน่งเจ้ากรมข่าวที่บางครั้งบางคราวก็พ่วงเพิ่มมาเป็นคำว่าข่าวลือบ้างก็มี

แต่เมื่อคนแก่ตัวลงแถมยังร่ำรวยขนาดนี้ใครจะกล้าปฏิเสธการไปเยี่ยมเยียนของย่าฝาดได้

เพราะเมื่อใดที่ย่าไปมักเหน็บเอาสมุดบัญชีเงินกู้นอกระบบไปช่วยเหลือเจือจาน ดอกเบี้ยเก็บได้บ้างไม่ได้บ้างไม่เคยว่ากัน นับเป็นเจ้าหนี้ที่ใจกว้างที่สุดนับแต่ก่อตั้งหมู่บ้านมาก็ว่าได้ แต่ส่วนใหญ่ลูกหนี้รายอื่นจะทำหน้าที่ทวงให้ด้วยการประณามพวกไม่ยอมชดใช้หนี้ตามเวลา

ฟุ้งฟ้ากลัวนักเมื่อมองตามชุดยูนิฟอร์มออกเยี่ยมบ้านของย่าฝาดที่เป็นเสื้อคอกระเช้าและผ้านุ่งลายละเอียดยิบพร้อมสวมทองคำเส้นโตทั้งที่คอและข้อมือพราวล่อตาโจรไปหมด

เท่าที่ย่าฝาดอุ้มหล่อนตอนเป็นเด็กไปเล่นไหนไกลบ้านแล้วรอดกลับมาได้ทั้งย่าทั้งหลานฟุ้งฟ้าก็คิดว่าสวรรค์คงคุ้มครองหล่อนอยู่ หรือบางทีเบื้องบนอาจมีตาทิพย์พอดูเลยเล็งเห็นว่าหากฟุ้งฟ้ายังตัวเล็กแบบเด็กอื่นย่าฝาดก็คงจะมีเรี่ยวแรงอุ้มบ้างหอบกระเตงข้างบ้างไปเที่ยวบ้านอื่นเรื่อยๆ จึงดลบันดาลให้น้ำหนักฟุ้งฟ้าในวัยขวบเศษเริ่มพุ่งขึ้นพรวดพราดอย่างน่าอัศจรรย์

เสียดายที่พอฟุ้งฟ้าโตมาได้เทวดาบนสวรรค์ท่านกลับไม่เห็นใจ จึงไม่ช่วยเรียกเอาน้ำหนักส่วนเกินเหล่านี้กลับคืนไป

เห็นอกเห็นใจตัวเองแบบพอทำเนาแล้วฟุ้งฟ้าจึงเริ่มหย่าศึก

“ฟุ้งหิวน้ำ...”

เพียงคำเปรยของหลานสาวก็ทำให้ปู่เปรียงรีบเอาอกเอาใจว่า

“เอาน้ำอัดลมไหม เย็นชื่นใจดี”

“น้ำอัดลมหวานๆจะทำให้อ้วนเร็วน่ะสิปู่ ก็รู้อยู่ว่าฟุ้งกลัว”

ไม่ได้แค่กลัวอ้วน หากแต่กลัว ‘อ้วนไปมากกว่านี้’ เพราะกว่าที่น้ำหนักจะลดจากหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลกรัมเมื่อตอนขึ้นมัธยมปลายหมาดๆจนมาคงตัวที่เก้าสิบห้า ฟุ้งฟ้าหาทางลดทุกวิธีภายใต้คำแนะนำจากนายแพทย์ยุทธภูมิ แต่มีหลายอย่างที่หล่อนทำได้เป็นครั้งคราวเมื่อเกิดแรงบันดาลใจแล้วก็เลิกไปเพราะเกิดท้อ

ปู่เปรียงรีบกล่าวแก้ว่า “นานๆที...ไม่เป็นไรมั้ง”

“ไม่เอาล่ะจ้ะ”

“ฟุ้งเอาน้ำเก็กฮวยไหมลูก พ่อซื้อมาเมื่อตอนออกไปใส่บาตรเช้ามืดนี่เอง” โชครีบชิงพูดบ้างหลังจากปล่อยให้คนในบ้านแสดงความยินดีปรีดากันไปเกินหน้าเขามากพอแล้ว

“เจ้าไหนขาย...หวานไหม”

คำถามที่ฟุ้งโยนมาทำให้บิดาชักจะยิ้มกร่อยลง

“ฟุ้งไปกับแม่ แม่มีน้ำเปล่าเย็นๆรอไว้เป็นเหยือกเลยลูก” ศรีนวลคว้าแขนลูกสาวหมับ ก่อนหันไปสั่งเจ้าจุ่นเด็กกำพร้าที่รับอุปการะไว้ว่า “ไอ้จุ่น...เอ็งยกกระเป๋าพี่ฟุ้งไปเก็บในห้องให้เรียบร้อยด้วย”

“โห ขึ้นกระไดไม่ใช่น้อยๆนะป้าศรีนวล”

เด็กชายร่างผอมแต่สูงชะลูดมองกระเป๋าเดินทางใบโตของฟุ้งฟ้าอย่างหวั่นๆ

ศรีนวลอดบ่นไม่ได้ว่า “เขาเรียกบันได ไม่ใช่กระได กระเป๋าแค่นี้เอ็งยังขนไม่ไหวแล้วโตไปจะไปทำมาหากินอะไรวะ”

“ก็รอฉันโตก่อนสิป้าศรีนวล นี่ฉันเพิ่งสิบขวบเองนะ ถ้าโตกว่านี้จะใช้ไปยกกระสอบข้าวที่โรงสีลุงโชคก็ยังไหว” มันคุยโว

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าเอ็งเอากระเป๋าขึ้นบันไดไปชั้นบนคนเดียวไม่ไหวก็ไปเรียกคนงานที่เรือนหลังบ้านมาช่วยยกก็แล้วกัน อย่าให้ย่าแอบมายกเอาหน้าเองอีกเหมือนหนก่อน หลังเดาะกันไปเป็นแถวแก่ๆยังทำอะไรเกินตัว”

“อ้าว! อย่าพาดพิงสิศรีนวล” ปู่เปรียงทำท่าจะออกงิ้วอีกรอบ

“ฉันไม่ได้ว่าพ่อ พ่อมาเดือดร้อนอะไรล่ะ” ลูกสะใภ้ค้อนขวับ “ต้นเหตุมันก็แค่ไอ้จุ่นโยกโย้ไม่ยอมขนกระเป๋าให้ฟุ้งเนี่ยแหละ เกี่ยงจะเอาค่าขนมล่ะสิเอ็ง”

“แม่อย่าไปว่ามันเลย จุ่นมันตัวเล็ก” ฟุ้งฟ้ากล่าวแก้แทนอย่างเห็นอกเห็นใจ

ถึงหล่อนจะตัวใหญ่ขนาดนี้แต่ก็สาบานได้ว่าไม่เคยคิดจะล้อใครที่มีปัญหาตรงกันข้าม น้ำหนักของจุ่นต่อให้ขุนอีกกี่สิบชาติก็คงหมดหวังที่จะขยับขึ้นไปกว่านี้ หล่อนเดาออกเลยว่าเมื่อไหร่ที่มันเป็นหนุ่มริจีบสาวคงไม่มีทางสัมฤทธิ์ผลนอกจากสาวคนนั้นจะชอบของแปลก

ฟุ้งฟ้ากลับมองว่าข้อด้อยของจุ่นทำให้หล่อนสบายใจและรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน

พวกมีปัญหาด้านน้ำหนักเหมือนกัน...

วิธีคิดเองเออเองของฟุ้งฟ้าทำให้หล่อนมักเมตตาจุ่นอยู่เนืองๆอย่างเช่นหนนี้ที่หยิบธนบัตรแจกให้เป็นสินน้ำใจพลางบอกว่า

“พี่ไม่ได้ซื้อของฝากมาจากกรุงเทพฯมาเพราะอยู่แต่ในโรงพยาบาล เอาเงินไปหาขนมกินแทนก็แล้วกัน แล้วเรียกคนมาช่วยยกกระเป๋าแทนก็ได้”

“ขอบใจจ้ะพี่ฟุ้ง...พี่ฟุ้งนี่เหมือนนางฟ้าของไอ้จุ่นจริงๆ” เด็กชายยิ้มกริ่มรีบรับเงินไปเก็บลงกระเป๋ากางเกงทันควัน

เพียงคำชมแค่นั้นฟุ้งฟ้าก็รู้สึกตัวเบาหวิวๆเหมือนจะลอยได้

ในสายตาจุ่นหล่อนคงสวยงามราวนางอัปสรสินะ

...เด็กมักจะจริงใจไม่ใช่หรือ...

ฟุ้งฟ้าได้ข้อสรุปที่ตนเองพอใจ ใบหน้าอวบอิ่มประดับยิ้มละไมจึงเชิดน้อยๆแบบอัตโนมัติ กิริยาเยื้องย่างด้วยปลายเท้าไปยังประตูบ้านในอาการเหม่อลอยไม่ได้ช่วยให้คนอื่นๆที่เหลียวมองกันอยู่จะเข้าใจสักเท่าไหร่ เนื่องจากภาพที่ใครเห็นคือร่างมหึมาที่แบกน้ำหนักเกือบร้อยกิโลละม้ายตุ่มน้ำเขย่งเท้าแล้ววางตุ้บกลับลงพื้น แล้วก็ค่อยๆเขย่งอีกก่อนจะกลับสู่สเต็ปหนักหน่วงขาลง

ศรีนวลๆได้แต่คิดในใจอย่างปลงๆว่า

...สงสัยต้องแอบโทรบอกหมอให้จ่าย ‘ยาหลอก’ แทนยาลดความอ้วนอีกสักที...



“ฟุ้งไปกรุงเทพฯหนหน้า ลุงหมอนัดผ่าตัดดูดไขมันทั่วตัวนะแม่”

ประโยคบอกเล่าของฟุ้งฟ้าที่นั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะตัวใหญ่กลางห้องครัวทำให้มือผู้เป็นมารดาซึ่งกำลังรินน้ำเย็นในเหยือกลงแก้วถึงกับชะงัก

ศรีนวลอาจเป็นคนบ้านนอกคอกนาก็จริงแต่ไม่ได้โง่ขนาดจะไม่รู้ว่า ‘ผ่าตัด’ คือการที่ต้องนอนให้หมอเอามีดมากรีดเฉือนส่วนต่างๆของร่างกาย

...กี่หนกันที่นางพยายามปกป้องลูกสาวคนเดียวที่เป็นเสมือนดวงใจทุกคนในบ้านอย่างแอบๆซ่อนๆเพราะเกรงฟุ้งฟ้าจะรู้เข้าจนหนีออกจากบ้าน หรือที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือฆ่าตัวตายเหมือนวัยรุ่นอีกหลายราย แม้ฟุ้งฟ้าจะไม่มีแนวโน้มเกี่ยวกับอาการซึมเศร้าตามที่ศรีนวลเคยไปปรึกษาจิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลในตัวจังหวัดบอกเล่า แต่ฟุ้งฟ้าก็มีพฤติกรรมหมกมุ่นกับเรื่องการลดความอ้วนเพราะอยากมีแฟนเป็นดาราอย่างชัดเจนจนน่าวิตก

สีหน้ากังวลของนางไม่อาจปิดมิดได้เมื่อเลื่อนแก้วน้ำดื่มส่งเลยไปทางบุตรี

“มันจะอันตรายมากไปหรือเปล่าฟุ้ง...ดูดไขมันเนี่ย”

ฟุ้งฟ้ารับน้ำมาจิบๆเหมือนครุ่นคิดพอกัน

“ก็เสี่ยงอยู่นะแม่” หล่อนยอมรับความจริง “แต่ฟุ้งทำในโรงพยาบาลที่ทีมแพทย์เขาพร้อมเครื่องมืออะไรก็มีเต็มไปหมด มันดีกว่าฟุ้งจะไปแอบทำตามคลินิกบางที่เป็นไหนๆ”

“จำเป็นต้องทำมากไหม”

อีกกี่คำถามของแม่ที่ฟุ้งฟ้ามักอึดอัดเสมอเมื่อต้องตอบคำ

...หล่อนอยากสวย...

สิ่งที่หล่อนคิดมีแบบนั้น ทว่าถ้อยคำที่หลุดปากไปกลับเพี้ยนไปเผยบางสิ่งที่ซ่อนในจิตใจลึกกว่านั้น

“ฟุ้งอยากเป็นเหมือนคนปกติทั่วไปน่ะแม่”

คนปกติที่เวลาเดินไปไหนๆจะสวยงามหรือไม่ก็ไม่สำคัญ แต่ต้องไม่มีคนบุ้ยใบ้หรือแย่ไปกว่านั้นคือชี้ชวนกันมองแล้วหัวเราะคิกคักราวกับฟุ้งฟ้าเป็นตัวตลก

“แม่เห็นในทีวีคนที่อ้วนกว่าฟุ้งเขายังอยู่กันได้” น้ำเสียงอ่อนเบาของศรีนวลทำให้ดูไม่เหมือนการตำหนิแนวคิดของบุตรี

“แต่ไม่ใช่แถวบ้านเรา แถวนี้ฟุ้งตัวโตสุดแล้ว”

‘ตัวโต’ ย่อมฟังดูดีกว่า ‘อ้วนมาก’ เป็นไหนๆ

อย่างน้อยฟุ้งฟ้าก็ฉลาดล่ะน่า หล่อนสมัครเรียนมหาวิทยาลัยผ่านทางไปรษณีย์เพิ่งจบไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ใครต่อใครต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าฟุ้งฟ้าเรียนไว แต่หล่อนกลับไม่กล้าพอจะไปรับปริญญาถ่ายภาพติดข้างฝาบ้านเพียงเพราะรู้ดีว่าใครคนหนึ่งในรูปที่สวมชุดครุยนั้นจะจับจ้องมองมาราวกับตราบาปในเสี้ยวชีวิตด้วยร่างที่เบียดคนอื่นๆตกเฟรมภาพไปหมด

โชคดีที่คนในบ้านหล่อนให้ความสลักสำคัญกับการทำงานจริงอย่างเช่นที่ฟุ้งฟ้าไปนั่งเป็นเสมียนโรงสีข้าวให้พ่อสัปดาห์ละสามวันมากกว่า ทุกคนจึงทำเป็นเฉยๆเมื่อฟุ้งฟ้าอธิบายเหตุผลของการรับปริญญาโดยให้จัดส่งมาทางไปรษณีย์แทน

วันหนึ่งฟุ้งฟ้าจะผอมและไม่มีทางยอมให้ภาพความอ้วนใหญ่ในวันรับปริญญามาทำลายความตั้งใจนี้ด้วยการย้ำเตือนไปตลอดกาล!

“แม่กับพ่อไปด้วยดีไหมฟุ้ง ตอนผ่าๆเจาะๆอะไรเนี่ย”

“ดูดไขมัน” ฟุ้งฟ้ากล่าวแก้

หญิงสาวเงยมองหน้าแม่และเห็นวี่แววความห่วงใยในนั้น ท้ายสุดฟุ้งฟ้าจึงพยักหน้า

“ถ้าพ่อไม่ติดงานก็ค่อยว่ากันอีกที แต่อย่าบอกปู่กับย่าก็แล้วกันจ้ะเดี๋ยวอาละวาดบ้านแตกอีก กลัวอะไรก็ไม่รู้กับหมอดูทักมาว่าปีนี้ฟุ้งจะเคราะห์หนักเจ็บไข้ได้ป่วยถึงตาย ฟุ้งก็สบายดีมาจนจะหมดปีอยู่อีกไม่กี่เดือนแล้วแท้ๆ”

“ฟุ้งนั่งรถเข้ากรุงเทพคนเดียว...ใครเขาก็ห่วง”

“ฟุ้งซื้อตั๋วสองที่นั่งไม่ต้องกลัวคนนั่งข้างๆจะวางยากลางดึกหรอกแม่”

ฟุ้งฟ้าเคยซื้อตั๋วที่นั่งเดียวแต่พบว่ามันไม่พอวางก้น แถมโดนคนที่จองที่นั่งข้างมองตาขุ่นเพราะแขนอวบๆของฟุ้งฟ้าทำให้เขาแทบตกเก้าอี้กลายเป็นกรณีที่ชวนอับอายจนฟุ้งฟ้าตัดสินใจจ่ายค่าตั๋วเพิ่มอีกใบมาจนทุกวันนี้

เด็กอวบนั้นอาจน่ารัก ทว่าคนอ้วนอายุยี่สิบเอ็ดกลับเป็นที่น่าชัง

ความคิดนี้ซุกอยู่ในซอกหลืบจิตใจของใครต่อใคร แม้กระทั่งในหัวใจคนที่อ้วนเอง...

สายตาของฟุ้งฟ้าอ่อนลงเมื่อเอื้อมไปกุมมือมารดาเอาไว้หลวมๆ ปลอบให้นางคลายกังวล

“ดูดไขมันไม่อันตรายหรอกแม่เพราะหมอเขาจะคอยดูแลเต็มที่ ฟุ้งจะปลอดภัย...จะสวย แล้วฟุ้งจะหาแฟนมาอวดแม่สักคนนะ” ยิ้มกว้างฉายความคาดหวังล้นปรี่

แฟนที่หล่อนวาดภาพไว้สวยงามในความฝันสีรุ้ง

พี่แบงค์รอฟุ้งนะ อีกไม่นานหรอกเราจะได้พบกัน!













 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2552
5 comments
Last Update : 1 พฤษภาคม 2552 14:19:03 น.
Counter : 489 Pageviews.

 

คิกๆๆ

เข้ามาหัวเราะแล้วจากไป

..........................

 

โดย: รักดี IP: 118.172.68.190 2 พฤษภาคม 2552 18:09:54 น.  

 

นิยายล่ะรักดี ...
(ทวงด้วยสีหน้าหฤโหด..ฮึ่ม!!)

 

โดย: ploy666 (ploy666 ) 2 พฤษภาคม 2552 18:29:20 น.  

 

มาแปะโป้ง และจะตามมาอ่านแน่ๆค่า ในขณะเดียวกัน ของมอลลี่เอง ดอกรัก..กลิ่นซากุระ ตอนใหม่ก็ออกมาแล้วน๊า คริคริ แลกกันเน้อ

 

โดย: Tukta21 4 พฤษภาคม 2552 1:39:42 น.  

 

น้องพลอยยยยยยยยยยย...



พี่บิวมาแล้วจ้า..........หลังจากที่อู้มาหลายวัน
ช่วงนี้ยังยุ่งๆ กับงานก็เลยไม่ค่อยได้เข้ามาป่วนบล๊อค

แต่ยังไงก็............คิดถึงเหมือนเดิมนะจ๊ะ หุหุหุ
ยังไงก็รักไม่ได้...เดี๋ยวพี่เอสจะงอนพี่ 555


แหม...เรื่องสร้างภาพนี้พี่ถนัด

หุหุหุ


หลับฝันดีนะจ๊ะ

 

โดย: เรือไฟ 4 พฤษภาคม 2552 21:14:27 น.  

 

555+ มาฮาพี่บิว

 

โดย: ploy666 IP: 58.147.42.233 5 พฤษภาคม 2552 15:32:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.