|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
"สถาบันอาจารย์มหาวิทยาลัย" โดย "แดง ไบเล่" (ประมาณ ปี พ.ศ. 2525)
["ตัดแปะ" เรื่องอื่น]
บังเอิญข้าพเจ้าไปอ่านบทความหนึ่งที่เวบประชาไท เรื่อง ว่าด้วย ดร. ผศ. รศ. อาจม อาจารย์ โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย แล้วรู้สึกชอบใจในส่วนหมายเหตุของบทความ ก็เลยจะขอนำมาเผยแพร่กัน
ไม่ใช่ว่า ตัวบทความไม่ดี แต่คิดว่า ส่วนของหมายเหตุมีความน่าสนใจมาก เพราะผู้เขียนได้บอกว่า ข้อความที่นำมาไว้ในหมายเหตุนั้น ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 2525 โน่นแล้ว
ถ้าสนใจตัวบทความ ก็ Click อ่านได้ที่นี่ โดยต่อไปนี้ จะเป็นส่วนหมายเหตุของบทความดังกล่าว
หมายเหตุ
ขออนุญาตเอาบทความของ แดง ไบเล่ ที่เขียนเรื่อง สถาบันอาจารย์มหาวิทยาลัย เมื่อราวปี 2525 มากำนัลแด่ทุกท่านในที่นี้ด้วยครับ
ในเมืองไทยเรานั้น มีการกล่าวขวัญถึงสถาบันต่างๆ แทบจะหมดทุกสถาบันแล้วตั้งแต่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตย เผด็จการ ทหารพลเรือน ข้าราชการ นายทุน กรรมกร นักธุรกิจ ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ นักหนังสือพิมพ์ นักเรียน นักศึกษา นักการเมือง ฯลฯ
ยังเหลืออีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีใครแตะต้องกันนัก นั่นคือ อาจารย์มหาวิทยาลัย
เนื่องจากสถาบันอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญยิ่งกลุ่มหนึ่ง สำหรับนักศึกษา เพราะหากขาดอาจารย์เสียแล้วมหาวิทยาลัยก็ไม่เป็นมหาวิทยาลัย จึงใคร่จักกล่าวถึงคนกลุ่มนี้ สักเล็กน้อย พอหอมปากหอมคอ
ขอแนะนำให้นักศึกษาใหม่ รู้จักกับพวกเขาก่อนเป็นเบื้องแรก : เขาคือใคร ?
๑. เขาเป็นข้าราชการพลเรือนสังกัดทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ
๒. เขาต่างจากข้าราชการพลเรือนอื่นๆ ตรงที่สามารถเลื่อนชั้นขั้นตอนได้คล่องกว่า เขามีเวลาการทำงานที่ flexible มาก ตลอดจนมีฮอลิเดย์อันยาวนาน
๓. ระบบการบังคับบัญชา และการวัดผลงานของพวกเขาหละหลวม กว่าระบบการบังคับบัญชา และวัดผลงานข้าราชการพลเรือนอื่นๆ
๔. เขามีหน้าที่ให้บริการทางวิชาการ คือ การสอนหนังสือ เป็นเบื้องแรก การวางระบบการเรียนการสอนและการบริหารวิทยาลัยเป็นเบื้องสอง ๕. นอกจากนี้ เขาก็ไปวิ่งรอกหากิน ด้วยการสอนกวดวิชา สอนพิเศษ ทำงานกับธุรกิจเอกชนบ้าง แต่ยังไม่เคยเห็นที่ขายทัปเป้อร์แวร์ หรือรับเป็นพิธีกรทัปเป้อร์แวร์
๖. เขาได้รับการยกย่อง จากสังคมอย่างมากพอสมควรตลอดจนยกย่องกันไปยกย่องกันมาในหมู่พวกเดียวกันอีกด้วยโดยใช้สรรพนาม เรียกกันไปเรียกกันมาว่า อาจารย์ เช่น แหม, วันนี้อาจารย์ดอกท้อ หน้าตาไม่สบายเลย ทั้งๆ ที่เพิ่งพาอาซ้อไปทัวร์ยุโรปมาหยกๆ อาจารย์ไขลูกล่าว อาจารย์ดอกท้อตอบว่า อาจารย์ไขลู ไม่ทราบหรือคะ ว่าหมู่นี้เดี๊ยนแองเชียสม้ากมาก มีเทนชั่นตบตีกันเพราะ แย่งกันสอนซัมเมอร์ค้า
ความสำคัญผิดของนักศึกษาที่มีต่ออาจารย์ และสมควรแก้ไข
๑. นักศึกษาใหม่ส่วนมาก นึกว่าอาจารย์เป็นบุคคลพิเศษอันทรงความรู้ ความคิด ข้อเท็จจริงคือ อาจารย์ส่วนมากมิได้เป็นเช่นนั้น ตรงกันข้าม อาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนมาก เป็นผู้มีความรู้ความคิดเพียงแคบๆ เฉพาะในสาขาวิชาของตนเท่านั้น อย่าหวังอะไรมากไปกว่านั้น
๒. นักศึกษาอาจคิดว่า อาจารย์คือผู้หยั่งรู้โลกและสังคม ข้อเท็จจริงคือ อาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนมาก เป็นผู้ขาดประสพการณ์ชีวิตและขาดความรู้อันเกิดจากการได้สัมผัสกับความเป็นจริงในสังคม อาจารย์พูดถึงสังคมเหมือนกำลังพูดถึงสิ่งเลื่อนลอยบางอย่าง
๓. โปรดระลึกไว้เสมอว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนมาก สอนหนังสือไม่เป็นและมักจะบ่นว่าตามตำรา ตามตัวอักษร มากกว่าที่จะพยายามถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้น ด้วยวิธีการอันจะสร้างความเข้าใจให้เกิดแก่คุณ
๔. อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมาก ใช้ภาษาไทยไม่เป็น เพราะเขาเห็นเป็นของธรรมดาเกินกว่าที่จะทำความรู้จักกับมัน เขาจึงขาดเครื่องมือสำคัญในอาชีพ นอกจากใช้ภาษาไทยไม่เป็นแล้ว อาจารย์อีกร้อยละ ๙๖๙๗ ก็ใช้ภาษาอื่นไม่เป็นอีกด้วย อย่าสำคัญผิดคิดว่าเมื่อเขาใช้ภาษาไทยไม่เป็นแล้วเขาจะใช้ภาษาฝรั่งเป็น-ไม่เป็นหรอกคู้ณ
๕. อาจารย์มหาวิทยาลัยครึ่งหนึ่ง ไม่แตกฉานในเนื้อหาวิชาที่ตนสอน เมื่อคุณเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่คุณตั้งใจเรียน จึงมิใช่ความผิดของคุณทั้งหมดหรอก
๖. อาจารย์มหาวิทยาลัยกว่าครึ่ง ไม่ติดตามความก้าวหน้าในศาสตร์ที่ตนสอน ตลอดจนไม่เหลือบแล ข้อเท็จจริงในแง่การปฏิบัติการ เพราะละอายเกินไปที่จะยอมรับว่าตนยังไม่รู้อะไรอีกบ้าง
๗. อาจารย์มหาวิทยาลัยที่หย่อนประสิทธิภาพมากที่สุดได้แก่พวกที่สอนสังคมศาสตร์ เพราะเป็นสาขาวิชาที่ รู้ ยาก และ สอน ยาก แต่บุคคลากรที่เข้ามาในแขนงสังคมศาสตร์กลับเป็นบุคคลากรที่มักจะด้อยคุณภาพ จึงไปกันใหญ่ ไม่น่าประหลาดที่คุณไปฟังอาจารย์วิชาสังคมศาสตร์แขนงต่างๆ เช่น สังคมวิทยา สอนคุณเหมือนกับกำลังนินทาชาวบ้านให้คุณฟัง หรือไม่ก็เหมือนกับกำลังเล่าวิวัฒนาการของสังคมอเมริกาหรือสังคมจีนให้คุณฟัง ไม่ใช่สังคมไทย
๘. อาจารย์มหาวิทยาลัยที่เป็น สาวโสด มีเป็นจำนวนมาก คนกลุ่มนี้บางคนที่เขา ทำใจ กับวิถีชีวิตของตนเองได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่อีกส่วนหนึ่งที่ ทำใจ ไม่ได้จะมีผลต่องาน และอย่าลืมว่า จริงๆ แล้ว งานอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยนั้น เป็นงานที่demand สมาธิ, intellectual capacity, objectivity และมี pressure พอสมควร คนที่ ไม่เป็นกันเองกับตัวเอง รับภาระงานชนิดนี้ได้โดยยากลำบาก
๙. อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมาก มาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วยสิ่งล่อหลอกเปลือกนอกของอาชีพนี้ เช่น การได้รับการยอมรับจากสังคม การได้ไปเมืองนอก เขามิได้มาเป็นอาจารย์เพราะเขารักอาชีพครู หรือมีวิญญาณแห่งการเป็นครู เขาเป็นครูเพราะเวรกรรมพามาและในที่สุดเวรกรรมของคุณ ก็พาคุณมาพบกับพวกเขา
๑๐. โปรดระวัง อาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นบุคคลที่มักสำคัญตนผิดได้ง่ายมาก เพราะโดยอาชีพ เขาคบหาสมาคมอยู่กับคนประเภท ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันโง่ (สำนวนอันมีชื่อเสียงของคุณวิทยากร เชียงกูล) คนเขลารุ่นนี้เริ่มฉลาดขึ้นนิดหน่อยก็จากเขาไป คนเขลาคลื่นลูกใหม่ก็มาแทนที่ชีวิตของเขาเวียนว่ายอยู่กับ คนเขลา รุ่นแล้วรุ่นเล่า หาที่สิ้นสุดมิได้นานๆ เข้าจึงสำคัญตนผิด คิดว่าคนทั้งโลกมันเขลากันอย่างนั้นทุกคน ตัวเองฉลาดเป็นการถาวรอยู่แต่ผู้เดียว
๑๑. ในทางกลับกัน ก็อาจเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจได้เมื่อคนเขลาๆ ที่ตนเคยพบอยู่แต่เดิม เสือกฉลาดขึ้นมากมายในอีก ๓-๔ ปี ให้หลัง
๑๒. อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมากมาเป็นอาจารย์ด้วยจิตใจที่คิดจะมา เอา (take) มิใช่ จะมา ให้ (give) คือ จะมา take อภิสิทธิ์ต่างๆ ทั้งในรูปธรรมนามธรรมของการที่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เช่น ทุนการศึกษาไปต่างประเทศ ฯลฯ ฯลฯ จึงไม่น่าประหลาดใจแต่ประการใด ที่คนพวกนี้บางคน ให้ แก่มหาวิทยาลัยได้น้อย และ ให้ แก่นักศึกษาได้น้อย หลังจากที่ สวาปาม หยิบชิ้นปลามันไปรับประทานเรียบร้อยและชินชา ตลอดจนขับถ่ายหมดแล้ว
๑๓. คนที่ไม่ได้รักอาชีพครู จำนวนมากเหล่านี้ มีชีวิตประจำวันอย่างเซ็งๆ ไป ปีแล้วปีเหล่า ถึงเวลาเขาก็มา ให้บริการ การสอนพอให้หมด หน้าที่ (และเขาจำกัดกรอบหน้าที่ของเขาให้แคบมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้)
๑๔. ท้ายที่สุด ในสายตาของคน แย่ๆ เหล่านี้ นักศึกษาจึงถูกลอยแพและเป็นเพียง instrument แห่งการ ดำเนินชีวิตประจำวัน ของเขาเท่านั้น ไม่มีความหมายมากไปกว่านั้น
อ่าน ๆ ดูแล้ว ก็แปลกใจว่า ทำไมข้อความ "เก่า" ที่เขียนไว้เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว จึงยังจะดู "ใหม่" ต่อไปได้อีกนาน
["ตัดแปะ" เรื่องอื่น]
Create Date : 30 กันยายน 2551 |
|
12 comments |
Last Update : 30 กันยายน 2551 20:57:12 น. |
Counter : 2244 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: เฮ้อ IP: 117.47.115.206 1 ตุลาคม 2551 5:08:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: Maple IP: 202.129.59.2 3 ตุลาคม 2551 13:50:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: มะยม IP: 117.47.118.29 4 ตุลาคม 2551 22:21:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: Maple IP: 202.129.59.2 6 ตุลาคม 2551 13:22:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: มะยม IP: 117.47.187.158 8 ตุลาคม 2551 19:35:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: Maple IP: 202.129.59.2 10 ตุลาคม 2551 15:49:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: เป้ IP: 70.112.184.211 19 ตุลาคม 2551 4:26:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: bankybakn IP: 129.11.217.99 19 ตุลาคม 2551 5:58:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: Plin, :-p ตัวจริง ไม่ได้ login IP: 202.28.183.10 13 ธันวาคม 2551 20:47:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: renu IP: 125.25.133.12 2 มกราคม 2552 9:10:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: yoddel19 6 สิงหาคม 2553 17:57:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ก็คงคล้ายๆกับนักวิชาการเกษตร แต่ปลูกข้าวสู้ชาวนาไม่ได้นั่นแหละจ้า....
อยากรู้ว่า แดง ไบเล่ เป็นชื่อของใครน๊อ?