Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
ปัญหาการโฆษณา alcohol : ดิ้น! สู้! ชูประเด็น!

ถ่ายมาจากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันที่ 17 มกราคม 2550
ตัวอักษรเล็กไปหน่อย ข้าพเจ้าจะพิมพ์ให้สหายอ่าน



ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อ 449 ครอบครัว
ที่สูญเสียผู้เป็นที่รักไปจากอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่

จากสถิติของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยจากถนน มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ระหว่าง วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ถึง 3 มกราคม พ.ศ. 2550 รวม 449 คน และมีผู้บาดเจ็บรวม 4,943 คน สูงกว่าสถิติอุบัติเหตุของปีที่แล้ว

28.57% ของอุบัติเหตุดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการดื่มสุรา

อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ ได้เคยกล่าวไว้ว่า
"ไม่มีอะไรจะโง่เขลาไปกว่า การกระทำสิ่งเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีก และหวังจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป"

จากสถิติของอุบัติเหตุ 86.35% เกิดจากรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นชาวบ้าน ตราบใดที่ยังมี "เหล้าขาว" ดีกรีสูง ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย ขายกันทุกหย่อมหญ้า ต่อให้ห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ในทุกสื่อ ก็จะแก้ปัญหาอุบัติเหตุดังกล่าวไม่ได้ และคงจะมีคนตายและบาดเจ็บมากขึ้นๆ ทุกเทศกาล

เมื่อไหร่เขาจะแก้ปัญหาตรงจุดได้เสียที?


เรายังรอฟังคำตอบเรื่องการขึ้นภาษีเหล้าขาวจากรัฐบาลอยู่
ชมรมงด ลด เลิก เหล้าขาว เพื่อผลประโยชน์ของชาติ





ขออธิบายให้สหายที่แวะเข้ามา group blog นี้เป็นครั้งแรกทราบก่อนว่า ข้อความที่ข้าพเจ้ายกมาไว้ที่ group นี้ ข้าพเจ้าอ่านเจอมาแล้วก็เอามา "แปะ" ไว้เพื่อให้มีการจุดประเด็นสนทนากันเฉย ๆ หาได้เห็นด้วยหรือเห็นค้านใด ๆ ทั้งสิ้น



เนื่องจากพออ่านปุ๊บ ข้าพเจ้าก็ติดใจว่า ชมรมนี้เป็นใครกันหนอ แล้ว"เขา"ที่เค้าอ้างถึงเป็นใครกัน ทันใดนั้น ก็มีภาพนึงแว๊บเข้ามาในศีรษะ เป็นรายการถึงลูกถึงคน ตอนนั้น ตัวแทนฝ่ายคัดค้านการห้ามโฆษณาแอลกอฮอล์ให้เหตุผลในทำนอง(ประมาณ)ว่า

การโฆษณาทำให้สินค้าดูดีมีระดับขึ้น ผู้ประกอบการจึงขายได้ราคาแพงขึ้น และเพื่อให้ขายได้อย่างต่อเนื่องในราคานั้น จึงต้องมีการควบคุมคุณภาพของสินค้า เช่นไม่ให้มีสารพิษเจอปน

ดังนั้นการโฆษณาทำให้ผู้บริโภคได้ alcohol ที่มีคุณภาพ ดีกว่าเหล้าขาวที่ไม่มีการควบคุมคุณภาพเลย นอกจากนี้ราคาที่แพงก็จะทำให้คนที่ซื้อ ค่อย ๆ ดื่มด้วย

เป็นประโยชน์มากกว่าโทษ


ข้าพเจ้าจำได้ประโยคจริง ๆ ไม่ได้ แต่เขาก็กล่าวไว้ประมาณนั้นล่ะ พอข้าพเจ้าอ่านหน้านี้ปุ๊บ ก็เลยเอาไปให้บิดาอ่าน เพราะอยากได้ความเห็นว่า นี่เป็นการดิ้นของผู้ประกอบการกับบริษัทโฆษณาหรือไม่ (โดยไม่วิจารณ์ว่าถูกหรือผิด) ทว่า.. บิดาของข้าพเจ้านั้นไม่ได้สนใจเรื่องที่เขียนนี้หรอก แต่ติดใจประโยคที่เอามาอ้าง

อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ ได้เคยกล่าวไว้ว่า
"ไม่มีอะไรจะโง่เขลาไปกว่า การกระทำสิ่งเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีก และหวังจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป"


บิดาท่านไม่เห็นด้วยกับประโยคนี้ เลยอยากให้ข้าพเจ้า up blog นี้ และเชิญชวนสหายความคิดช่วยกันวิจารณ์หน่อย จะเป็นข้อความใดข้อความหนึ่ง หรือ เป็นบางข้อความที่ข้าพเจ้าเน้นไว้ก็ได้



Create Date : 22 มกราคม 2550
Last Update : 31 มกราคม 2550 16:08:06 น. 13 comments
Counter : 1672 Pageviews.

 
28.57% ของอุบัติเหตุดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการดื่มสุรา

28.57%??? คิดว่ามากกว่านี้นะคะ หรือว่าแล้วแต่พื้นที่

แต่ที่นี่ 7ใน10ของอุบัติเหตุน่ะเมาแล้วขับ

อ๋อ เจอละ ...86.35% เกิดจากรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นชาวบ้าน ตราบใดที่ยังมี "เหล้าขาว" ดีกรีสูง ราคาถูก หาซื้อได้ง่ายขายกันทุกหญ่อมหญ้าดีกรีสูง ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย ขายกันทุกหย่อมหญ้า ต่อให้ห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ในทุกสื่อ ก็จะแก้ปัญหาอุบัติเหตุดังกล่าวไม่ได้

เฮ่อ พูดยากค่ะ คนจะดื่มเนี่ยนะ ห้ามยากง่า ถึงเลิกโฆษณาก็ดื่มอยู่ดี


โดย: random-4 วันที่: 22 มกราคม 2550 เวลา:15:35:21 น.  

 
โอ้โห 449 ครอบครัว มากนะคะนั่น

เหล้าไม่ว่าจะเหล้าอะไร ไม่มีดีทั้งนั้นละค่ะ ทั้งเหล้าแพง ทั้งเหล้าขาว ขึ้นภาษีให้เยอะๆทั้งคู่ละดี แต่พอแพงขึ้น มันก็จะมีเหล้าเถื่อนออกมา


โดย: pim(พิม) วันที่: 22 มกราคม 2550 เวลา:23:04:39 น.  

 
อืม ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
แต่คงไม่อาจสกัดกั้นได้หมดจดหรอกครับ
เพราะว่า สุรา มันเปลี่ยนนิสัย อิอิ
บางคนตอนไม่เมา บอกว่า ถ้าเมาจะไม่ขับ
แต่ตอนเมาเขาคิดแตกต่างกับตอนไม่เมา
เขาบอกว่า ซาบาย น้อง พี่ยังไหว เหอ ๆ


โดย: smack วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:1:09:23 น.  

 
นั่นน่ะสิเนอะ

เมื่อไหร่เหล้าจะหมดไปสักที

....
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ ตอนนี้สดฃื่นขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณอีกทีค่ะ


โดย: blueschizont (blueschizont ) วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:1:15:06 น.  

 
ตัวเลขบอกโทษของสุรา ฟังแล้วเหมือนเป็นห่วงเป็นใย
แต่จบที่ แพะเหล้าขาว นี่ตลกจังเลย

ต้องโทษญี่ปุ่นด้วยรึป่าว ที่ขายมอเตอร์ไซค์ถูกๆ
ผ่อนสบายให้ลูกชาวบ้านไทยได้ขับไปเสียชีวิตน่ะ

ไปนั่งข้างปู่อัลเบิร์ตดีกว่า


โดย: หน้าม้าแถวบ้าน วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:8:59:13 น.  

 
แวะมานอกประเด็นครับ
คือว่า ผมขอ Tag คุณหน่อยนะครับ

เอาในประเด็นหน่อยก็แล้วกัน
คือเคยอ่านแล้วก็รู้สึกทันทีว่า จะเหล้าขาว จะเหล้า หรือจะเบียร์มันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ
ครับพี่น้อง


โดย: pigletdora วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:12:16:31 น.  

 
เรื่องเหล้านี่.. ผมว่ายังไงๆ ก็ไม่ควรจะโฆษณา.. จริงอยู่ที่ปัญหาส่วนใหญ่มาจากมอเตอร์ไซค์ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะดื่มแต่เหล้าขาว และการโฆษณาเหล้ามันก็มีผลกับคนทั้งหมด มันไม่มีอะไรดีอยู่แล้ว เห็นว่าเงินค่ากินเหล้าในปีๆ หนึ่งนั้น เท่ากับงบสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ...

เรื่องของดื่มแล้วขับนั้น กฏหมายและบทลงโทษมันคือทางออกที่ดีที่สุด... รวมไปถึงการกระจายความรู้ให้ทุกคนมีความรู้ จะได้เข้าใจและนึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมมากขึ้น...

เรื่องของท่านไอน์สไตน์...
ประโยคนี้ก็ใช่ว่าจะถูกเสมอไป
มันมีตัวแปรอื่นๆ ที่ทำให้การทำอะไรซ้ำๆ ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป... เช่น

การสอนหนังสือซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกๆ ปี ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เหมือนกันนะครับ... เด็กบางคนได้ดี บางคนไม่ได้เรื่องก็มีให้เห็นเสมอๆ


โดย: biggg วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:12:49:13 น.  

 
เป็นวลีเด็ดที่ได้ความหมายจริงๆค่ะ

น่าจะใช้ได้กับทุกสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้เลยนะนี่


โดย: Hobbit วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:15:42:22 น.  

 
อย่างที่ใครๆก็รู้กันนะว่า เหล้าเป็นสินค้าที่ไม่ควรโฆษณาอยู่แล้ว รู้ทั้งรู้ว่าควรเจาะเข้าประเด็นไหนถึงจะยับยั้งการโฆษณานี้ได้.......แต่ก็ไม่มีใครทำให้เด็ดขาดไปสักที

เงินจากสินค้าตัวนี้มันมหาศาลนัก และกระจายไปทุกๆหย่อม มันคงเป็นตอไม้ที่หนักมากๆ จะงัดก็คงงัดออกยาก ต่อให้อีกกี่ชมรมออกมาพูด ก็คงเห็นสิ่งที่ชัดเจนไปกว่านี้ไม่ได้........

.....ถ้าไม่เลิกเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว


โดย: belittle big วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:16:33:45 น.  

 
อ่า ทำไมเรารู้สึกว่าเปอร์เซ็นต์น่าจะสูงกว่านั้นมาก
จริงๆทำธีสิสเรื่องนี้อยู่นะ แหะๆ
สุดท้ายก็ต้องมาลงเรื่องจิตใต้สำนึกคนแหละ
ห้ามการขายมันปลายเหตุ แต่ทำยังไงให้คนมีสำนึกว่าเวลาไหนควรดื่มไม่ดื่มน่าจะดีกว่า



โดย: DropAtearInMyWineGlass วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:22:52:54 น.  

 
ผมว่าตัวเลข % ดูแปลกๆ ... น้อยเกินไปรึเปล่า ถ้าใช่ ก็แสดงว่าสุราเป็นแพะ (แบบเหมารวมเคสอื่นไปด้วย) ของอุบัติเหตุมานานแล้วรึเปล่า แล้วอะไรเป็น % ที่เหลือ

กับ % อีกตัวหนึ่งรู้สึก จักรยานยนต์มันไม่เกี่ยวกับประโยคถัดไป ที่ไปว่าเหล้าขาว

ส่วนประโยคของไอนสไตน์ นี่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ในเมื่อให้คนขายเลิกโฆษณาก็แล้ว ให้ดื่มไม่ขับ ตั้งด่านตรวจก็แล้ว ไม่สำเร็จ

ในเมื่อทำยากนัก ก็หันไปแก้อุบัติเหตุจากสาเหตุอีก 71.43% ที่เหลือน่าจะง่ายกว่า แต่มันคืออะไรบ้างไม่รู้แฮะ

อาจจะเป็น พวกมอไซค์ตัวดีทั้งหลาย ที่บอกว่า 86.35% นี่แหละ ก็ให้ตำรวจที่คอยไถตังค์รถทั่วไป มาไถตัวพวกมอไซค์ ที่ชอบปาดหน้ารถตามมุมถนนก็ได้ (จับได้เปล่าหว่า) ติดนิสัยเสียตอนขับใน กทม แบบนี้ ไปขับกลับบ้าน ตจว รถคงเบรกไม่ทันนะ

หรือ ไม่ก็อาจจะเป็นเรื่องป้ายบอกทาง ที่ไม่ได้เรื่องตามถนนก็ได้ วางป้ายแต่ละที่เกือบเลี้ยวกันไม่ทัน อาจไปปาดหน้าคันอื่นอีก ก็คงเป็นสาเหตุอีกอันได้ ล่ะมั้ง ก็แก้ตำแหน่งวางซะ


โดย: Calaglin วันที่: 24 มกราคม 2550 เวลา:0:10:23 น.  

 
(ต่อ) คือไม่ศึกษา ไม่เก็บข้อมูล แล้วก็มารณรงค์เรื่องเดิมๆ แบบเดิมๆ วิธีเดิมๆ เนี่ย ผมว่าไร้สาระมาก ถ้าเป้าหมายคือลดอุบัติเหตุ น่าจะลองหลายๆ ทาง

แต่ต่อให้มีเป้าหมายว่าต้องการลดการดื่มเหล้าก็ด้วย วิธีนี้ก็ไม่รู้จะลดคนดื่มได้รึเปล่า คิดว่าไม่นะ

สำหรับชมรมที่ว่านี้ ไม่รู้จักอะ ตั้งชื่ออย่างนี้ ทำไมไม่ตั้งเป็นงดเหล้าทุกชนิดไปเลยเนอะ ก็น่าจะเป็นบริษัทโฆษณาแหละครับ

แต่เขาพูดถูก หัดเปลี่ยนวิธีบ้าง


โดย: Calaglin วันที่: 24 มกราคม 2550 เวลา:0:25:25 น.  

 
จะควบคุมการบริโภคสุรา อย่าเตะหมูเข้าปากหมา

คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอด 24 ชั่วโมง ในสื่อทุกรูปแบบ รวมทั้งมีการกำหนดโซนนิ่งสถานที่จำหน่ายหรือสถานที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เช่น พื้นที่ใกล้วัดหรือโรงเรียนห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนสถานที่ราชการ โรงเรียน โรงพยาบาล ก็ห้ามดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด
ฟังดู การกำหนดกติกาสังคมเอาไว้อย่างนี้ น่าจะเป็นทิศทางที่สอดคล้องกัน โดยเป็นการสร้างอุปสรรคให้แก่การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเล็งผลได้ว่า น่าจะทำให้มีผู้ดื่มแอลกอฮอล์ลดลง หรืออย่างน้อยก็จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคไปบ้าง เช่น เปลี่ยนที่ซื้อ เปลี่ยนที่กิน เป็นต้น
ดูเผินๆ ไม่น่าจะมีปัญหา ไม่น่าจะมีใครได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะในส่วนที่ห้ามดื่ม ห้ามจำหน่าย ห้ามโฆษณา ก็ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นเหล้าขาว เหล้าสี ไวน์ เบียร์ ฯลฯ ห้ามกันถ้วนหน้า
ไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด
แต่ถ้ามองลึกๆ ลงไปว่า มาตรการเหล่านี้ จะเป็นการควบคุมการบริโภคสุราได้ตรงจุด ตรงเป้า ตรงประเด็นปัญหาข้อเท็จจริงในสังคมแล้วหรือไม่
คำตอบ คือ ไม่
ทั้งไม่ตรงปัญหาข้อเท็จจริง และยังไม่ครอบคลุมประเด็นปัญหาเพียงพอ
ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบ้านเรา ปรากฏชัดเจนว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีปริมาณการบริโภคสูงสุด ได้แก่ เหล้าขาว โดยมียอดจำหน่ายปีละกว่า 550 ล้านลิตร
พูดง่ายๆ ว่า เหล้าขาว 40 ดีกรี ครองตลาดสูงสุด
เรียกว่า ขายดีที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องมีการโฆษณาเหมือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ ด้วยซ้ำ แล้วส่วนใหญ่ชาวบ้านก็ซื้อไปนั่งกินที่บ้าน ไม่ได้กินโซนนิ่งที่ไหน
เพราะฉะนั้น ถ้าจริงใจที่จะควบคุมหรือลดปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จริง ก็จะมองข้ามการลดการบริโภคเหล้าขาวไปไม่ได้เป็นอันขาด
มาตรการตาม พ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคสุรานั้น แม้จะควบคุมการโฆษณา การขาย และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ซึ่งรวมทั้งเหล้าขาว
แต่เมื่อในข้อเท็จจริง ปรากฏว่า ที่ผ่านมา เหล้าขาว 40 ดีกรี ไม่เคยมีการโฆษณาเลย ก็ยังขายดีเป็นปกติ ก็แสดงว่า การจะมีโฆษณาหรือไม่มีโฆษณา ไม่ได้มีผลกระทบต่อปริมาณการบริโภคเหล้าขาว
แต่ที่คนส่วนใหญ่นิยมบริโภคเหล้าขาว 40 ดีกรี มากกว่าเหล้าชนิดอื่น ก็เพราะว่า ที่ผ่านมา เหล้าขาวได้จ่ายภาษีสรรพสามิตให้แก่รัฐน้อยที่สุด ทำให้เหล้าขาวมีราคาขายถูกกว่าเหล้าชนิดอื่นๆ
เรียกว่า ในจำนวนเงินเท่ากัน สามารถนำมาซื้อเหล้าขาวได้ปริมาณแอลกอฮอล์มากกว่าเหล้าชนิดอื่นๆ
เมาได้มากกว่า เพราะดีกรีแรงกว่า (สุขภาพเสื่อมเสียมากกว่า) !
สรุป คือ คนดื่มเหล้าขาวมากที่สุด เพราะเหล้าขาวจ่ายภาษีถูก
แต่มาตรการที่ออกมา เป็นการห้ามโฆษณา โดยไม่ได้เรียกเก็บภาษีเพิ่ม หรือทำให้เหล้าขาวมีราคาเพิ่ม ดังนั้น จึงไม่กระทบเหล้าขาว 40 ดีกรี มากเท่ากับเหล้าชนิดอื่น
ทั้งๆ ที่ เหล้าขาวเป็นเหล้าที่มีคนบริโภคมากที่สุด !
จึงเรียกว่า ไม่ตรงประเด็นปัญหาข้อเท็จจริง และไม่ครอบคลุมเพียงพอ
ในความเป็นจริง งานศึกษาวิจัยต่างๆ ชี้ชัดว่า ในการควบคุมการบริโภคสุราจะต้องทำไปพร้อมๆ กันในทุกๆ ด้าน ทั้งมาตรการควบคุมการดื่ม การจำหน่าย สถานที่ดื่ม สถานที่จำหน่าย การโฆษณา และต้องใช้มาตรการด้านราคาควบคู่ไปด้วย
ไม่ใช่เอาเรื่องภาษีมาข่มขู่ โดยไม่มีความชัดเจนว่าจะมีแนวทางอย่างไร
ทางที่ถูก จะต้องงัดมาตรการภาษีออกมาใช้พร้อมๆ กันไปด้วย
ทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรซับซ้อน คือ ต้องเก็บภาษีเหล้าทุกชนิดเพิ่มขึ้น เอาให้เต็มเพดาน ถ้าจัดเก็บตามปริมาณแอลกอฮอล์ได้จะยิ่งดี เพราะเหล้าที่มีดีกรีสูง มีอันตรายต่อสุขภาพเข้มข้นกว่า ก็สมควรจะต้องเสียภาษีบาปในอัตราเข้มข้นด้วย
ไม่ใช่ปล่อยให้บิดเบือนเหมือนอย่างปัจจุบัน เพราะเหล้าขาว มีดีกรีแรงที่สุด กลับจ่ายภาษีน้อยที่สุด
หากเก็บภาษีเหล้าเพิ่มขึ้น ราคาเหล้าก็จะแพงขึ้น คนย่อมจะบริโภคเหล้าลดลงอย่างแน่นอน
เมื่อใช้ประกอบกับมาตรการควบคุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรณรงค์ลดละเลิกเหล้า การห้ามโฆษณา ห้ามสถานที่จำหน่าย ห้ามสถานที่บริโภค ฯลฯ ก็จะทำให้การควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ผลดียิ่งขึ้น
จะไม่เป็นการ "เตะหมูเข้าปากหมา"
ไม่เป็นการตัดแข้งตัดขา ตัดกำลังเหล้าชนิดอื่นๆ จนง่อยเปลี้ย ในขณะที่ปล่อยให้เหล้าขาว 40 ดีกรี สามารถตักตวงผลประโยชน์จากการจ่ายภาษีราคาถูกอย่างเต็มที่
รู้ไหม ที่ผ่านมา ธุรกิจเหล้าขาว ทำกำไรมหาศาลแค่ไหน? ร่ำรวยแค่ไหน? เจ้าสัวเอาเงินกำไรไปอุดหนุนนักการเมืองและพรรคการเมืองแบบไหน?
ถ้ารัฐบาลจริงใจต่อการควบคุมการบริโภคสุรา จะทำครึ่งเดียวไม่ได้เป็นอันขาด มิฉะนั้น จากการเป็นรัฐบาลคุณธรรม จะถูกครหาว่าเป็นรัฐบาลที่เอื้อประโยชน์ให้เจ้าสัวแทน

สารส้ม
จากบทความอ้างอิง จากหนังสือพิมพ์ แนวหน้า วันที่ 15/3/2550


โดย: ขุนไกร IP: 202.57.178.18 วันที่: 31 มีนาคม 2550 เวลา:9:17:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]









Instagram






บันทึก ท่องเที่ยว เวียดนาม


e-mail : rethinker@hotmail.com


Friends' blogs
[Add Plin, :-p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.