แฮ็กเกอร์/ แฮกเกอร์ (Hacker) เจาะ เอไอเอส
จับ แฮกเกอร์ อัจฉริยะ ฉกรหัสเติมเงิน เอไอเอส พังกว่า 100 ล้าน โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2550 12:37 น.
ตำรวจกองปราบปราม จับกุมหนุ่มไทยใช้ความเป็นอัจฉริยะเข้าไปเจาะฐานข้อมูลของ เอไอเอส ขโมยรหัสผ่านแก้ไขวงเงินบัตรเติมเงิน ทำบริษัทเสียหายนับร้อยล้านบาท พบประวัติเคย เจาะฐานข้อมูล ของ ทรู พังพินาศมากว่าร้อยล้านเช่นเดียวกัน แถมเคยเจาะฐานข้อมูลของ นาซา ที่ว่าแน่ ๆ มาแล้ว สุดท้ายต้องเข้าไปใช้ความอัจฉริยะในกำแพงสี่เหลี่ยม แต่เจ้าตัวยังปฏิเสธ วันนี้ (15 พ.ค.) ที่กองบังคับการกองปราบปราม ตำรวจกองกำกับการ 1 กองปราบปราม แถลงการจับกุม นาย ทวีทรัพย์ หรือ ภูมิพัฒน์ ลลิตศศิวิมล อายุ 34 ปี ที่ห้องพักเลขที่ 2918 วงศ์เจริญแมนชั่น หรือแกรนด์ แมนดาริน ซอยลาดพร้าว 130 เขตบางกะปิ พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ฮาร์ดดิสก์ บัตรเอทีเอ็ม บัตรวีซ่า และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร หลังได้รับการร้องเรียนจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ว่าถูกคนร้ายเจาะฐานข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทฯ เพื่อขโมยรหัสผ่านในการใช้เข้าไปแก้ไขวงเงินใน บัตรเติมเงิน โทรศัพท์มือถือให้กับลูกค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยใช้วิธีจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารในชื่อของบุคคลอื่น สร้างความเสียหายให้แก่เอไอเอสนับร้อยล้านบาท นอกจากนี้ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่านายทวีทรัพย์น่าจะเป็นคนเดียวกันกับผู้ต้องหาที่เคยเข้าไปเจาะฐานข้อมูลของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2548 จนทำให้ทรูฯ ได้รับความเสียหายมาแล้วเป็นมูลกว่า 100 ล้านบาท กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้และอยู่ระหว่างการประกันตัวต่อสู้คดี แต่กลับมาก่อเหตุซ้ำอีก สำหรับ นายทวีทรัพย์ นับว่ามีความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ในขั้น อัจฉริยะ ก่อนหน้านี้เคยเจาะฐานข้อมูลของสถาบันการเงินหลายแห่งเพื่อขโมย รหัสบัตรเครดิต และเจาะฐานข้อมูลของ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซา มาแล้ว อย่างไรก็ตาม นายทวีทรัพย์ให้การปฏิเสธ แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยสอบสวนสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป เพราะไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาจะลงมือเพียงคนเดียว ทั้งนี้ ผู้เชื่ยวชาญเกี่ยวกับการเจาะข้อมูลอันดับต้นๆ ของเมืองไทยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านตรวจสอบระบบ ทำให้ทราบว่า การเจาะระบบฐานข้อมูล ของบริษัทมือถือ มีการกระทำมานาน โดยเฉพาะค่ายมือถือ 2 ยักษ์ใหญ่ ซึ่งสูญเงินไปกว่า 1,000 ล้านบาท โดยในขั้นตอนดังกล่าว ต้องมีพนักงานที่ทำงานในบริษัทรู้เห็นเป็นใจ และอยู่ในกลุ่มขบวนการเพื่อคอยประสานงานด้านแก้ไขข้อมูล ยกตัวอย่างเช่น หากมีลูกค้าซื้อบัตรเติมเงินไปจำนวน 1,000 บาท ขบวนการมิจฉาชีพนี้ก็จะมีการแก้ไขในคอมพิวเตอร์เพื่อหักเงินส่วนต่างไป นอกจากนี้จะมีการนำบัตรเติมเงินที่มีการคีย์ข้อมูลนั้น ไปตั้งโต๊ะประกาศขายในแหล่งชุมชนต่าง ๆ เช่น ตามศูนย์การค้า หรือสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ซึ่งในตรงจุดนี้ขบวนการมิจฉาชีพจะมีการใช้คอมพิวเตอร์แก้ไขข้อมูลในบัตรเติมเงินไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะหักเอาเงินส่วนที่เกินเข้ากระเป๋า และค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเกิดกับบริษัทเจ้าของมือถือ ส่วนกรณีซิมการ์ด จะมีหน้าม้าคอยเอาซิมไปตั้งโต๊ะให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการโดยไม่ต้องเสียค่าจดทะเบียน ซึ่งในจุดนี้ ขบวนการมิจฉาชีพจะหารายได้ ด้วยการแก้ไขโปรโมชันในซิมการ์ด และหักเงินค่าส่วนต่างเข้ากระเป๋า เช่นโปรโมชัน 1,300 จะถูกแก้เป็น 1,000 บาทเป็นต้น โจรกรรมสุดไฮเทค แฮ็กข้อมูล "ทรู" เชิดเงินกว่า 200 ล้าน
Create Date : 16 พฤษภาคม 2550 |
|
20 comments |
Last Update : 4 มิถุนายน 2550 15:18:41 น. |
Counter : 1092 Pageviews. |
|
|
|
ผิดหลายกระทงเลยนะเนี่ย แย่ แน่ ๆ